ขืนเชื่อมัน “ชาติไม่เหลือ” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

ท่าน “ประธานวันนอร์”
ผมเงี้ย “เลิฟ” เลย!
ก่อนเป็น ใครก็ว่า สังขารง่อกแง่กอย่างนี้ จะไหวหรือ?
แต่พอเป็น
“วันนอร์” ที่ว่าง่อกแง่ก เสย ๔๙๙ สส.ทั้งเก่า-รุ่นเก๋า ทั้งใหม่-รุ่นควายแตกเปลี่ยว หงายท้องเยี่ยวแตก-เยี่ยวแตนไปตามๆ กัน!

พวกนี้ รู้จักวันนอร์กันน้อยไป
เห็น “อ่อนนอก” งั้นเถอะ แต่รู้ไว้ด้วย ข้างในแข็งปั๋ง ไม่งั้น ไม่มานั่งในตำแหน่งประมุขรัฐสภาถึง ๒ ครั้ง ๒ คราได้หรอก

โรม ทำเป็นเก๋า….
ยกเอาเรื่องที่รัฐสภาลงมติเด็ดขาดไปแล้ว เมื่อ ๑๙ กค.ว่า “การเสนอชื่อบุคคลซ้ำเป็นนายกฯ ในคราวประชุมเดียวกันนั้น “ทำไม่ได้”

นำกลับมาตั้งเป็นญัตติเสนอให้รัฐสภา “ทบทวนมติของรัฐสภา” ครั้งนั้นใหม่

ท่านประธานวันนอร์ก็บอกว่า….

“ทำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ ที่ประชุมมีมติรัฐสภาเด็ดขาดแล้ว

โดยวินิจฉัยตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ ๑๕๑ และขณะนี้ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ได้ส่งเรื่องไปให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยแล้ว

ซึ่งศาลฯ ได้ชี้แจงไปแล้วว่า “จะวินิจฉัยรับคำร้องหรือไม่” ในวันที่ ๑๖ สิงหา.เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร ก็สามารถทำตามที่นายรังสิมันต์เสนอได้

แต่ไม่ควรที่จะพิจารณาตอนนี้ เพราะอาจติดขัดศาลรัฐธรรมนูญ”

นายโรม ผู้รับการปลุกเสกจาก “ผู้นำวิญญาน” นามว่าปิยบุตร ศาสดาส้มสามนิ้ว ก็เถียงว่า

“ใช้กลไกสภาได้….
ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเราตัดสินใจแล้ว ก็สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้อำนาจสภา”

นั่นแน่ะ “อึ่งอ่างสภา” พองตัวใหญ่เหนือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซะแล้ว!

พรรคพวกก็ยกมือลุกขึ้น ช่วยกันรุมประธานวันนอร์ แค่นั้นไม่พอ “ชลน่าน” และคณะพรรคเพื่อไทยที่สลายรูปหัวใจกับก้าวไกลเป็นรูปมะเหงกไปวันก่อน

แสดงความเอื้ออาทร
โชว์บท “สหายร่วมรบ” ลุกขึ้นยืนเคียงบ่า-เคียงไหล่ก้าวไกลสนับสนุนให้เดินหน้าตามญัตติที่นายโรมเสนอ!

“แข็งโป๊ก” คือยี่ห้อวันนอร์ ต่อให้ ๑๐๐ รุม ๑ ดาหน้าเข้ามา ท่านยืนหลังชนฝา…

“ทำไม่ได้ มติรัฐสภาเมื่อ ๑๙ กรกฏา.วินิจฉัยตามข้อบังคับการประชุม ข้อ ๑๕๑ ถือเป็นเด็ดขาด
ดังนั้น จะทบทวนเรื่องเดิมจึงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นการตัดสินของรัฐสภาก็จะทบทวนอยู่ตลอด”

ผมเงี้ย ตบเข่าฉาดเลย!

คนเป็นประธานมันต้องอย่างนี้ “หลักการกับมติ” เมื่อมีไปแล้ว ต้องแน่วแน่เยี่ยงเสาหลักปักหิน ขืนยอมกับพวก “ลิงเขย่าตอ” ประธานวันนอร์นั่นแหละ “ยี่ห้อ” จะเสีย

อีกอย่างหนึ่ง ทุกคนอดหวั่นไหวกันไม่ได้ว่า “นายวันนอร์” นั้น เป็นพรรคในขบวนการก้าวไกล เมื่อขึ้นมาเป็นประธานรัฐสภา

จะเชื่อได้อย่างไร ว่าการทำหน้าที่ของนายวันนอร์….
จะรักษา “ความเป็นกลาง” ในฐานะ “ประธานรัฐสภา” ไว้ได้ โดยไม่เอนเอียงไปทางก้าวไกลหรือเพื่อไทย?

แต่ ๓ นัดที่เห็น พิสูจน์ชัดเจนแล้ว….
ใจท่านคือใจคน จะอยู่กับฝ่ายไหน เป็นเรื่องของใจ

แต่ในหน้าที่ประธาน การปฎิบัติของท่าน ยึดมั่นอยู่ในกฎหมาย/กฎระเบียบ อันเป็นกติกาของระบบ

ทุกการตัดสินใจ ผดุงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันนิติบัญญัติ และยึด “ความถูกต้อง” เหนือ “ความถูกใจ” ใครๆ

ผมชื่นชมท่าน
จะบอกว่าเป็น “โชคดี” ของประเทศชาติก็คงไม่ผิด ที่ยามวิปริตการเมือง ได้ “คนไม่คด” มาคัดท้ายในภาวะมีคณะบุคคลอาศัยคราบรัฐสภา จะ “พลิกฟ้า-คว่ำดิน”

ก็เห็นมะ…..

เมื่อ “โจราประชาธิปไตย” อาศัยพวกมากจะลากเอาไปกินให้ได้ ถ้าท่านวันนอร์เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่หวั่นไหว ท่านทำเป็นยอม ก็ไม่มีใครตำหนิท่านได้เต็มปาก

แต่ท่านไม่
กฎเป็นกฎ กติกาเป็นกติกา เมื่อพวกมึงดึงดันจะเอากัน

ก็ก็สั่ง “ปิดประชุม” มันไปซะเลย!

ปฎิกริยาแบบไหนที่เกิดตามมาจากพวก “สุกรการเมือง”?

ก็ไม่รู้ซี…
ได้ยินแต่ “นายชัยธวัช ตุลาธน” เลขาฯก้าวไกล แถลงว่า

“วันนี้ควรให้ลงมติว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตติ ซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติที่ควรจะดำเนิน

ในฐานะที่ “พรรคก้าวไกล” เป็นฝ่ายสนับสนุนให้ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ดำรงตำแหน่ง “ประธานสภา”

เคยเห็นแต่เด็กวัดกับพวกสุกรการเมืองที่ชอบ “ลำเลิกบุญคุณ”

ก็มาครั้งนี้แหละ จะเป็น “สุกรการเมือง” หรือท่านผู้ทรงเกียรติ ก็เลือกเอา

มาในบท “ทวงบุญ-ทวงคุณ” ประธานรัฐสภา

อุตส่าห์สนับสนุนให้เป็นแล้ว….
กลับไม่ยอมเปิดช่องให้กับปฎิบัติการ “พลิกฟ้า-คว่ำดิน”!

เพื่อไทยกับก้าวไกลนี่ ดูๆ ไป เขา “หย่ากัน” ทางยุทธศาสตร์ เหมือนคนทางไกลบางคน “หย่าเมีย” เพื่อผลทางกฎหมาย แต่ในเป็นจริง เขายังป๊ะกันอยู่

ดูตามลายแทงแถลงการณ์และพฤติกรรมร่วมทั้งอดีตและปัจจุบัน หน่อแนวท่ามันจะเป็นอย่างนั้น
เล่นบทแยกกัน แต่จะไปรวมกันตอน “ตั้งสสร.” เขียนรัฐธรรมนูญใหม่

ซึ่งเรื่องนี้ เป็น “เป้าหมายหลัก” สู่อนาคตในทางยาว ของพรรคทั้งสอง ที่วาดหวังร่วมกันครองเมือง เป็นบรรณาการไอ้กัน ในทางน่าจะเป็น!?

รัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งนี้ “คลอดยาก”

แม้จะไม่ถึงขั้นต้อง “ตายทั้งกลม”
แต่เมื่อคลอดออกมาแล้ว ก็อย่าหวังให้เป็น “ชวนป๋วยปีแปกอ” ตราลูกกตัญญู

ไม่ต้องดูจากที่ไหน ดูจากแหล่งกำเนิดคือ “รัฐสภา” ชุดนี้ มัน “ผิดฝา-ผิดฝั่ง” ตั้งแต่ต้น และนับแต่เปิดสภามา มุ่งหน้ากันแต่เรื่องอำนาจและประโยชน์

ทั้งที่ตอนหาเสียง ทุกพรรค ยกเรื่องเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่จะเข้าไปแก้

แล้วเป็นไง อุตลุด นุงนัง อยู่กับเรื่องของกู ส่วนเรื่องชาวบ้าน ช่างมัน…กูลืมไปแล้ว!

ขนาดเพื่อไทยออกแถลงการณ์ นโยบายเร่งด่วน พอเข้าไปเป็นรัฐบาลปุ๊บ ทำปั๊บเป็นเรื่องแรกทันที คืออะไร รู้มั้ย?

ไม่ใช่แจกเงินคนละ ๑ หมื่น ไม่ใช่เรื่องปากท้อง ไม่ใช่เงินเดือนขั้นต่ำ ๖๐๐ ตามที่หาเสียง

แต่เป็น ประชุมครม.นัดแรก จะลงมติ “ตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่” ทันที!?

เขียนให้ประชาชนอยู่ดี-กินดี,หมดหนี้-หมดสินหรือ?

เปล่า…ไม่ใช่หรอก
เขียนเปิดช่องให้พวกกูได้เป็นสส.ได้เป็นรัฐบาลง่ายๆ เขียนแก้กฎหมายให้พวกหนีคดี “หมดอายุความ”

เขียนเปิดช่องให้แบ่งแยกราชอาณาจักรกันไปครองได้ เขียนตอนกองทัพให้เป็นหมัน ไปสู่ขั้น “ล้มสถาบัน” พระมหากษัตริย์

เนี่ย จิตซ่อนในร่างทรง “บางพรรค-บางพวก” ในสภา มันมุ่งไปทางนี้

จงจำฝังกะโหลกกันไว้เลย ไม่มีหรอก ที่ความรวย ความอยู่ดีกินดี จะเกิดขึ้นได้ จากตัวหนังสือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ

ไม่งั้น คนไทยอยู่ดี-กินดี รวยกันตายห่ะไปนานแล้ว ประเทศอื่นๆ ส่วนมากเขามีรัฐธรรมนูญฉบับเดียว ก็เห็นประชาชนของเขา จะรวย, จะอยู่ดีมีสุข ก็จากอดทน ขยันในการทำมาหากิน

มีแต่ไทยเรานี่แหละ ไอ้นักการเมืองบางตน มันอ้างว่า “รัฐธรรมนูญกินได้” แล้วบอก จะเขียนรัฐธรรมนูญให้คนอยู่ดี-กินดี

เชื่อมันสิ จะได้ออกลูกเป็นควาย!
ก็ไทย มีรัฐธรรมนูญมาแล้ว รวม ๒๐ ฉบับ มากที่สุดในโลก
แล้วประชาชนคนไหนล่ะ อยู่ดี-กินดี…คนไหนล่ะ ร่ำรวย?

อยากรู้มั้ย ถ้าอยาก ให้ไปถามคนที่พูดว่า
“รวยแล้วไม่โกง”!

เปลว สีเงิน

๕ สิงหาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ในเส้นทาง “เสี่ยงทาย” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เมื่อ “ท้าวสหัมบดีพรหม” เสด็จมาบูชา “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” และสถิตประทับ ณ ดวงเมืองสยามประเทศ ขณะนี้ ใครๆ ที่เคยตัดพ้อ…
Read More
0 replies on “ขืนเชื่อมัน “ชาติไม่เหลือ” – เปลว สีเงิน”