คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
ตามหลัก “กลศาสตร์แควนสตัม”
ก้าวไกลก็แค่สสาร “เล็กที่สุด-น้อยที่สุด” ในอะตอมประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่ดูเหมือนใหญ่
นั่นมันแค่รูปทรงตามวัตถุอาศัย คือ ปฎิบัติการไอโอรูปแบบต่างๆ ทั้งปั่นแฮชแท็ก ปั่นเฟกนิวส์ ปั่นทวิตเตอร์ ปั่นเฟซ ปั่นม็อบ
ดังนั้น จริงที่เป็นจริง
ก้าวไกลไม่อยู่ในฐานะจะมาเป็นรัฐบาลได้แต่ไหน-แต่ไรแล้ว
ที่ดูเหมือนจะ ก็เพียงทึกทักกันไปตามรูปทรงปั่นเท่านั้น
แล้วเมื่อวาน (๒ สค.๖๖) เพื่อไทยก็พิสูจน์ให้เห็นความจริงข้อนี้ โดยเปลี่ยนการประสานมือกับก้าวไกล
จากรูป “หัวใจ” หวานแหวว
เป็นรูป “มะเหงก” วาบหวิว!
พร้อมแถลงการณ์ “ถอนหมั้น” ขอไปเลือกคู่ใหม่ตั้งรัฐบาลตามหัวใจกระซิบ โดยขอออกจากพันธสัญญา MOU ๘ พรรค
เหตุผลที่เพื่อไทยถอนหมั้น เพราะก้าวไกลยืนยันจะคงนโยบาย “ยกเลิก/แก้ไขมาตรา ๑๑๒” ไม่เปลี่ยนแปลง
เพื่อไทยบอก เช่นนี้ก็คงไปด้วยกันต่อไม่ได้ เพราะจะไม่ผ่านทั้งสส.-ทั้งสว.ในรัฐสภา!
“ชลน่าน ศรีแก้ว” อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า
“……..ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกล ขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและ
เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่
เสนอชื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
เรื่องแรกที่เพื่อไทยจะทำทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล ๒ ข้อ คือ
-ประชุมครม.ครั้งแรกปั๊บ จะลงมติปุ๊บ
ให้ประกาศวาระแห่งชาติ ทำประชามติ ตั้งสสร. “เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”
ประกาศใช้แล้ว จะยุบสภาให้มีเลือกตั้งใหม่ทันที
-รัฐบาลเพื่อไทยจะนำนโยบายก้าวไกลมาทำต่อ ทั้งเรื่อง กฎหมายสมรสเท่าเทียม, สุราก้าวหน้า
ปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ-กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม, ยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ
ผลักดันการกระจายอำนาจ ทั้งแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม และฯลฯ
นี่….ในความแถลงการณ์ก็ประมาณนี้
ส่วนก้าวไกล “นายชัยธวัช ตุลาธน” เลขาฯ พรรคก็แถลงว่า ตกลงถอนหมั้น สะบั้น MOU ๘ พรรค กันด้วยดี
แต่ ชัยธวัชบอก….
“ทั้งนี้ ในการพูดคุยกันกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการขอให้พรรคก้าวไกลพิจารณาถอยเรื่องการเสนอมาตรา ๑๑๒
และตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีการเจรจากันเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลว่า พรรคการเมืองเกือบทั้งหมดที่พรรคเพื่อไทยไปพูดคุย ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมีเรื่อง ม.๑๑๒ หรือไม่ก็ตาม”
เอาหละ ไหนจริง-ไหนเท็จ ยกประโยชน์ให้คู่ความ
สรุป ก้าวไกล ต้องเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ งั้นหรือ?
ก็ไม่รู้ซีนะ ได้ยินนักข่าวถาม ก้าวไกลจะไปอยู่ในสถานะใด ชัยธวัชก็ตอบว่า
“พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่อย่างดีที่สุด”
คือไม่เป็นทั้งฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นทั้งฝ่ายรัฐบาล แต่จะเป็นฝ่ายขวางคลอง (รอจังหวะ “ขยิบตา” เสียบ?)
ก็ดี พรรคเทวดา จุติมาจากดาวโจรบ้าง ดาวกาลีบ้าง ดาวหยำฉ่าบ้าง ก็ต้องอยู่ส่วนเทวดา จะส้องเสพ-ส้องสุมกับพรรคมนุษย์ ไม่คู่ควรกัน
ก็สรุปเรื่องพอให้เข้าใจ จากนี้ เป็นทีผมคุย (โม้) บ้างละ
แล้วจะมีพรรคไหนร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยบ้างล่ะ?
ล้านเปอร์เซ็นต์ตอนนี้มี ๑ พรรค คือ
“พรรคประชาชาติ” ของท่านประธานรัฐสภา “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา”
ส่วนพรรคอื่นๆ ไม่ต้องกระแด่วรู้ไปหรอก ยังไงๆ วันนี้ ๓ สิงหา.เพื่อไทยก็ต้องแจงหน้าไพ่อยู่ดี ว่ามีพรรคไหนบ้าง
เพราะพรุ่งนี้ ๔ สิงหา.ต้องประชุมรัฐสภา เสนอชื่อนายเศรษฐาให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ กันแล้ว!
เพื่อไทยมีต้นทุน ๑๔๑ เสียง
จะได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ต้องหาพรรคร่วมให้ได้เสียงมากกว่า ๒๕๐ เสียงขึ้นไปก่อน
ไม่ต้องไปสีพข่าวที่ไหนหรอก มองด้วยตาก็พอรู้ ไม่หนี ภูมิใจไทย ๗๑ เสียง พลังประชารัฐ ๔๐ เสียง ชาติไทยพัฒนา ๑๐ เสียง ประชาชาติ ๙ เสียง ชาติพัฒนากล้า ๒ เสียง
แค่นี้ ก็ปาเข้าไปตั้ง ๒๗๓ เสียง เหลือเฟือ
ถ้าสว.เชื่อถือสัจจะเพื่อไทย ไม่ระแวงในตัวนายเศรษฐาว่า “วันนี้” กับ “วันหน้า” ที่พูดจาจะไม่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังตีน
สว.น่าจะโหวตให้ เลยป้าย ๓๗๖ เสียงด้วยซ้ำ!
แล้ววันที่ ๑๐ สิงหา.คณะรัฐบาลเพื่อไทย ก็ตื่นกันแต่เช้าๆ ไปตั้งแถวรอรับ “หัวหน้าคอก” ที่จะบินมาลงที่ดอนเมือง
จาก “ฮ่องกง” ไป “ห้องกรง”!
ผมอ่านแถลงการณ์เพื่อไทย ดูท่าที-สีหน้าก้าวไกล ผมว่าเรื่องนี้ เป็นรายการ “พบเพื่อจาก-พรากเพื่อรวม” มากกว่า “ที่เพื่อไทย-ก้าวไกล” จะไม่เป็น “แดงอมส้ม”
แล้วจะไปรวมกันที่ไหน?
ก็ที่คนจะตั้งเป็นสสร.และการ “เขียนรัฐธรรมนูญ” ฉบับใหม่นั่นแหละ เพราะเป้าหมายที่ไปสู่ “จุดหมายร่วมกัน มันก็อยู่ตรงนั้น
รัฐบาลเพื่อไทย ไม่ยกเลิก/ไม่แก้ไขมาตรา ๑๑๒ เองแน่ เพราะนั่น แค่กฎหมายลูก
แต่สสร.ที่เพื่อไทยตั้งตะหาก จะเป็นผู้เขียนกฎหมายแม่ คือ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
นั่นคือ ใครจะรับประกันได้
ว่า “หมวด ๑ หมวด ๒ ว่าด้วยราชอาณาจักรไทยและพระมหากษัตริย์” จะไม่ถูกรื้อเขียนใหม่เป็นอย่างอื่น
และจะยังคงอยู่ในหมวด “ความมั่นคง” หรือย้ายไปอยู่ในหมวดอื่น เช่น ไปอยู่ในหมวดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งในแถลงการณ์เพื่อไทย ไม่พูดถึง
ตรงจุดนี้….
จะเป็นจุดทำให้พระมหากษัตริย์ไปอยู่ในสภาพเดียวกับประชาชนทั่วไป ใครหยามหมิ่นอย่างใดก็ได้ แค่โทษปรับแถมยอมความกันได้ด้วย
ทั้งให้พระมหากษัตริย์ต้องลงมาเป็น “คู่ความ” โดยตรงกับคู่กรณี ต้องฟ้องร้องเอง หรือ “สำนักพระราชวัง” เท่านั้น มีสิทธิแจ้งความแทนพระมหากษัตริย์
ทั้งประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ก็จะแบ่งแยกได้ ตามมุ่งหมายซ่อนเร้นผ่านการปฎิรูประบบราชการ
การให้ “เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด” นั่นคือ ปฐมบทนำสู่การ “แยกอำนาจ-แยกแผ่นดิน” ในขั้นตอนต่อๆ ไป
ทั้งจะเปลี่ยนการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นเหลือแต่คำว่า “ระบอบประชาธิปไตย” ก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะมีหน่อแนวในทางพยายามให้เกิดขึ้นมาตลอดจากก้าวไกล ที่มีเพื่อไทยกลมกลืนในแนวทาง เห็นได้จากเวทีสัมมนาร่วมหลายๆ แห่ง
เหล่านี้ เป็นเพียง “ข้อวิตก” ของผมเท่านั้น
หากแต่เห็นแถลงการณ์เพื่อไทย นำนโยบายหลักก้าวไกลมาประกาศเป็นนโยบายเพื่อไทยจะทำเมื่อเป็นรัฐบาล นั่นมันมีเหตุผลที่ผมต้องวิตก!
เพราะ ในคำว่าปฎิรูปกองทัพ มันไม่แค่ยกเลิกเกณฑ์ทหารเพื่อเอาใจวัยรุ่น เท่านั้น
หากแต่มันยังหมายรวมถึงการยุบกอ.รมน., ยุบ ศอ.บต.ภาคใต้ ยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด
ย้ายหน่วยทหารออกจากกรุงเทพฯทั้งหมด และใช้เรือประมงแทนเรือรบ ตามนโยบายก้าวไกล
รวมทั้งการลดสถานะพระมหากษัตริย์ให้ลงมาอยู่เท่ากับประชาชน และการทำหมันกองทัพให้มีสภาพเป็นตุ๊ด-เป็นแต๋ว
เหล่านี้ คือ เส้นทางนำไปสู่การ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ตามแผนที่มันเป็นอยู่และกำลังพยายามทำกันอยู่ชัดๆ!
วันนี้ ๓ สิงหา.ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตอบว่าจะรับหรือไม่รับเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งมาตีความ กรณีเสนอพิธาที่ตกไปแล้วให้นำมาเสนอโหวตใหม่ได้หรือไม่?
ส่วนพรุ่งนี้ ๔ สิงหา.เพื่อไทยบอกแล้ว เสนอนายเศรษฐาให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ
เห็นว่าจะเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์และให้สมาชิกซักถามข้อข้องใจก่อนโหวต
สว.หรือสส.ช่วยซักถามประเด็นนี้ด้วยก็ดี
ว่าที่เพื่อไทยยกนโยบายก้าวไกลมาปฎิบัติ หมายถึงอะไร?
และรัฐธรรมนูญที่จะเขียนใหม่ จะให้เชื่อได้อย่างไร ว่าจะไม่มีเนื้อหานำไทยจากราชอาณาจักรไปเป็นสาธารณรัฐ
จะไม่เปลี่ยนเนื้อหา “หมวด ๑ หมวด ๒” และย้ายออกไปจากหมวดความมั่นคง?
การเมืองวันนี้ เท่าที่ดู หนักไปทาง “รับปาก” ไปก่อน
คือ วันนี้…ไม่ แต่จะเชื่อได้อย่างไร ….
ว่าพรุ่งนี้ จะไม่กลับไปเป็น “ใช่” ตามลายเดิม?
เปลว สีเงิน
๓ สิงหาคม ๒๕๖๖