“สัจจะโจร-สัจจะการเมือง” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองฯ
ครับ….
วันนี้ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นวัน “อาสาฬหบูชา”

อาสาหฬบูชา คืออะไร?

อาสาฬหะ เป็นชื่อเดือนในอินเดีย ตามปฎิทินจันทรคติ ตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๘ ของ ไทย ซึ่งตกในช่วงเดือนกรกฏา.

แต่ถ้าปีไหน มีเดือน ๘ สองหน ก็จะตรงกับเดือนสิงหาคมอย่างปีนี้ เป็นต้น

ในวันอาสาฬหะนี้ ย้อนไป ๒๖๑๑ ปี ณ พุทธกาล

เมื่อพระองค์ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญานที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา เป็นพระสัพพัญญู เมื่อวันเพ็ญ กลางเดือน ๖

คือ พระองค์ตรัสรู้สรรพสิ่งถ้วนไตรโลก ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ โดยสมบูรณ์ แล้ว

ณ วันอาสาฬหะ นั้น ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี สถานที่นี้ ทุกคนที่เคยไปสักการะสังเวชนียสถาน ที่อินเดีย ต้องไปอยู่แล้ว

ที่นี่ พระองค์ทรงแสดงธรรมเป็นครั้งแรก คือ “ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวัคคีย์ ที่เคยอุปปัฏถากพระองค์ ช่วงแสวงหาทางหลุดพ้นด้วยการบำเพ็ญทุกรกิริยา

ทรงแสดงธรรมจบ ๑ ใน ๕ ปัญจวัคคีย์ คือ “โกณฑัญญพราหมณ์” บรรลุธรรม ขั้นโสดาบัน

ผู้ที่เคยสวดมนต์ในบท “ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร” จะพบในท่อนท้ายๆ ก่อนจบ ตรงว่า….

“อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ” แปลว่า “โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ โกณฑัญญะ ได้รู้แล้วหนอ”

นั่นแหละ ในบทสวดธัมมจักรฯ ท่อนนี้ ก็มาจากตรงนี้ คือเมื่อโกณฑัญญพราหมน์บรรุลธรรม เป็นพระโสดาบัน

พระพุทธองค์ทรงรับรู้ได้ ก็ทรงอุทานขึ้น ดังในบทสวด

จากนั้น โกณฑัญญะก็ทูลขอบวช

พระพุทธองค์ก็ทรงบวชให้ด้วยวิธี “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” คือตรัสรับให้เข้ามาเป็นพระภิกษุ ได้ชื่อว่า “พระอัญญาโกณฑัญญะ”

ณ กาลนั้นเอง….
พระพุทธศาสนา ก็ถึงพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ “พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์”

“พระรัตนตรัย” ได้บังเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก ณ วันอาสาฬหะนี้

ทราบความเป็นมาคร่าวๆ กันแล้วนะ

ก็ทราบต่อกันอีกซักนิด ว่าพรุ่งนี้ ๒ สิงหา. ตรงกับ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวัน “เข้าพรรษา”

ได้หยุดงานไปเที่ยวกันยาวกัน ๖ วันติด

หาเวลาซัก ๕ นาที ๑๐ นาที หยุดใจจากภายนอก เข้าวัด ไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณกันบ้างก็จะดี

สุขจะไม่เห็นตอนนั้น

แต่ ณ จิตตั้งอยู่กับพระรัตนตรัย แม้เพียง ๑ นาที ทำไปเรื่อยๆ ตอนไหนก็ได้ ขอให้ตั้งสติคุมใจอยู่กับพุทโธ

อานิสงส์นั้น จะ “เปิดสวรรค์-กั้นนรก”

เหมือนคนซื้อ RMF หรือ LTF สะสมเป็นประจำไปเรื่อยๆ ยังไม่รวยวันนี้หรอก แต่พรุ่งนี้ คืออนาคต “รวยแน่” รวยชนิดไม่ต้องไปขอส่วนบุญใคร!

ที่ผมหายแวบไป ๔-๕ วัน ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ

ไปทำบุญบ้าง ทำบาปบ้าง แต่หนักไปทางบาปมากกว่าเลยถูกลงโทษ ฐานหนีท่านเที่ยวโดยไม่บอก

แค่ ๕ วัน ต้องเข้าโรงพยาบาล ๒ รอบ ๒ โรงพยาบาล คือจากกรุงเทพฯ ๑ รอบ ก็ยังไม่หายดี ค่าที่ว่าอยากเที่ยวมากกว่ากลัวตาย ก็เลยตะกายตามพรรคพวกเขาไปอีก

แล้วไงล่ะ….
พอตะลอนไป เพื่อนเป็น ต้องประคองเพื่อน (ใกล้) ตายคือผม ส่ง “โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอรเนชั่นแนล” แบบฉุกเฉิน ชื่อเท่ดี เป็นอินเตอร์ เพราะต้องรับรักษาพยาบาลพี่น้องชาวลาวที่ข้ามโขงจากฝั่งสะหวันนะเขตมารักษาพยาบาลที่นี่ด้วย

ยอมรับ ว่าเคยไปโรงพยาบาลที่สมุทรสงครามตอนเด็กๆ หมอเอาน้ำมันตับปลาแบบน้ำที่เหม็นคาวยิ่งกว่าปลาสดให้มากิน ขนาดบีบจมูก ก็ยังอ้วกแตก-อ้วกแตนทุกมื้อแล้ว

ก็กว่า ๖๐ ปี ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลหลวงตามต่างจังหวัดอีกเลย เพิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก

สมกับที่ต่อท้ายชื่อด้วย “อินเตอร์เนชั่นแนล” โรงพยาบาลหลวงแต่ละจังหวัดได้ขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า “สมบูรณ์-ทันสมัย-บริการด้วยใจ” น่ายกย่อง

ยังไม่ได้บอกเลย ว่าผมเป็นอะไรที่พรรคพวกต้องหิ้วส่งโรงพยาบาลฉุกเฉิน

บอกแล้วก็อายเหมือนนางเอก คือ “กินเข้าไป” แต่ละมื้อ แล้วมันไม่ยอมออกมาดูโลกภายนอกนั่นแหละ!

ก็อย่างว่า ผมมันมนุษย์ผ่าเหล่ากับคนทั่วไป นอนดึก-ตื่นสาย ดังนั้น ทั้งการกิน,การนอน,การขับถ่าย ชีวิตแต่ละวัน ตั้งต้นจากเที่ยงไปและทุกอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยยา

เมื่อเดินทางไปไหนๆ ตารางชีวิตมันก็รวนไปหมด ทั้งการกิน-การถ่าย เมื่อไม่กินยาช่วงเดินทาง ขบวนการขับเคลื่อนภายใน มันก็เลย “หยุดงาน” ประท้วง

ตอน เดอะ ยัง วัน ๗ วัน ยังเฉย แต่พอ โอลด์ วัน แค่ข้ามราตรีเดียวไม่ขับถ่าย ความดันพุ่งระดับ ๑๗๐-๑๘๐ หูตาลาย มองอะไรมีใยแมงมุมคลุมไปหมด

ทำบัตร เป็นคนไข้ใหม่ ซักอาการ วัดความดันแล้ว เข้าคิวรอหมอ เจ้าหน้าที่แต่ละแผนกจิตใจบริการน่าชื่นใจ เหมือนโรงพยาบาลราชวิถีในกรุงเทพฯ

ถึงคิวเขาประกาศเรียกชื่อเข้าไปพบหมอ คุณหมอไม่ทราบท่านชื่ออะไร ซักอาการแล้วให้ขึ้นเตียงนอนคลำท้อง
เสร็จแล้วท่านคราง อืมมม…แบบนี้ต้องสวน!

อีกแล้วหรือนี่…
เคยสวนลำกล้องจนปากกระบอกพรุน จนต้องเศร้าตลอดชีวิต นี่ต้องมาสวนลำทวารถึงมุกดาหาร จนครบ “ทวารทั้งสอง”

เฮ้อ…บุญสร้างแต่ปางใดนะ ที่ชักใยให้ต้องมาประสบพบเจอกับการ “สวน” มิเว้นวาย!

ออกมานั่งรอคิวไม่นาน คุณพยาบาลเรียกไปเข้าห้อง

เดินตามเข้าไป
อ้าว…กลายเป็น “ห้องทำคลอด” ซะงั้น!

“อาการคุณไม่ดี เอาห้องนี้แหละ กำลังว่าง” คุณพยาบาลบอกแบบเวทนา

“เปลี่ยนกางเกงแล้วขึ้นเตียงนอนตะแคง หันก้นมา ไม่ต้องอายนะ”

ใช่ คุณพยาบาลไม่อาย แต่ผมงี้ แทบเอาหน้าซุกหว่างเข่าที่งอ อายเค้า!

คนเรานี่ก็แปลก ต่อหน้าคนอื่น ทำเป็นอาย แต่ลับหลัง ชั่วได้ทุกอย่าง ชนิดไม่อายทั้งคนอื่นและตัวเอง

สวนแล้วรีบเข้าห้องน้ำ มันมาแต่น้ำ-เนื้อไม่ยอมมา แต่มาบ้าง ดีกว่าไม่มาเลย อย่างน้อยช่วยให้ความดันลดระดับ ๑๔๐ กว่าปลายๆ

ยกมือไหว้คุณพยาบาล คุณหมอ พระคุณโรงพยาบาล ทั้งยา ทั้งตรวจ ทั้งปฎิบัตการเจ้าหน้าที่ แค่พันกว่าบาท

โรงพยาบาลหลวงของไทย เป็นโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชน “เท่าเทียม-ทั่วถึง” จริงๆ แถมเผื่อแผ่ถึงเพื่อนประเทศ

เดินตัวปลิว ผิวปาก ขึ้นรถ…ไปต่อโลดเลย ผม!

กลับมาคืนวาน มานั่งคิด-นอนคิด ที่อุดตันถึงวันนี้ก็ยังไม่เปิดโล่ง สงสัยเป็นเพราะเหล่าท่าน เห็นผมหนีไปเที่ยวแล้วแช่งแหงๆ

ก็เข็ดแล้ว ต่อจากนี้ ไปไหนๆ จะยื่นใบลาล่วงหน้าก็แล้วกันนะ อย่าแช่งกันเลย!

“การบ้าน-การเมือง” เรื่องตั้งรัฐบาลมายึดประเทศไปขายทอดตลาดให้พวกตะวันตกล่ะ ไปถึงไหน? อาจมีคนถาม

ผมก็ตามมั่ง-ไม่ได้ตามมั่ง เพราะรู้ว่า ช่วงนี้ จะมี ๒ เรื่อง

คือเรื่อง “ลิงหลอกเจ้า” เพื่อจะกลับเข้าเมือง แล้ว “กั้นม่านบัญชาการชักใย”

กับเรื่อง “ลิงหลอกสว.” ใช้แผนอำพราง “แสร้งแยก” เพื่อให้โหวตนายกฯ ให้ ได้แล้ว กลับไปรวมกันตั้งรัฐบาล เพื่อ “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่”

กลอกกลิ้ง “ไม่ยกเลิก/ไม่แก้ไข” ตอนนี้
ไปกลับกลอก “เขียนเนื้อหาใหม่/ย้ายหมวดไปทั้งหมด” ในตอนหน้า ตามบัญชาตะวันตกที่มันต้องการประเทศเป็นฐานทัพ

ตามยุทธศาสตร์ “นาโตเอเชีย”

ที่ “สหรัฐ-ยุโรป” จะเปิดสำนักงานประสานงาน “นาโตในเอเชีย” เป็นแห่งแรกขึ้นในภูมิภาคนี้ ที่ญี่ปุ่น ในปี ๒๕๖๗ เพื่อปฎิบัติการกับอำนาจจีน!

“นาโตเอเชีย” ด้วยภูมิศาสตร์ประเทศไทย ในความเป็นเซ็นเตอร์ ทั้งทางบก-ทางน้ำ และทางอากาศ

ไทยคือ “จิ๊กซอว์” ตัวสำคัญ….

ถ้าไม่ได้ไทยเป็นฐาน ทุกอย่างในความเชื่อมต่อทางยุทธศาสตร์ในแผนปฎิบัติการเด็ดหนวดมังกรของ “สหรัฐ-ยุโรป” ก็ล้มเหลว

เหมือนตอนสงครามมหาเอเชียบูรพา ที่ญี่ปุ่นต้องใช้ไทยสร้าง “เส้นทางสายมรณะ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” เป็นเส้นทางไปโจมตีพม่าและอินเดียนั่นแหละ

ก็เกริ่นไว้แค่นี้ก่อน ขอให้จำไว้อย่าง

“สัจจะในหมู่โจร” นั้น มี และเชื่อได้

แต่ “สัจจะในหมู่คนการเมือง” ไม่มี และเชื่อถือไม่ได้
ขืนเชื่อ “เสียเมือง” ….เชื่อผม!

เปลว สีเงิน
๑ สิงหาคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
“กรุงเทพเมืองฟ้าอมร”-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน การ “พาดหัวข่าว” นี่ “พลาด” นิดเดียว ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่, ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องได้ ชนิด “เปลี่ยนโลก” ถึงขั้นนั้น
Read More
0 replies on ““สัจจะโจร-สัจจะการเมือง” – เปลว สีเงิน”