ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
วันนี้-21 กุมภา..
“ยุบ-ไม่ยุบ” พรรคอนาคตใหม่ เป็นอำนาจ-หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน!
และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็ถือเป็น “ยุติ” สำหรับผู้ที่เคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้
จะถูกใจ-ไม่ถูกใจ นั่นเรื่องของปุถุชน แต่หลักของกฎหมาย เมื่อบัญญัติไว้อย่างไร ศาลก็จะปฏิบัติไปตามนั้น
การยุบ-ไม่ยุบพรรคการเมือง จึงไม่ใช่การกระทำตามอำเภอใจ หรือกลั่นแกล้ง หากแต่ต้องพิจารณาทุกขั้นตอนอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน ก่อนจะตัดสิน!
ส่วนจะเป็นการสร้างปัญหาหรือแก้ปัญหาของสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่ศาล แต่ขึ้นอยู่กับนักการเมืองจะเลือก “สร้าง” หรือจะเลือก “แก้”?
แต่นี่..ยังไม่ทันลงมือ “สร้าง” นักการเมืองอย่าง นายธัญวารินทร์ สุขะพิศิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ “อดีต” นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ก็ออกมาคัดค้านทันที-ทันควัน
ก็..ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนอเเนวคิด และมีคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม เเละกระทรวงวัฒนธรรมจัดสร้างภาพยนตร์สารคดีประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการสงครามของประเทศ
เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เชิงประวัติศาสตร์ และส่งเสริมให้เกิดความรักชาติ นั่นแหละ!
อดีตนายกสมาคมผู้กำกับฯคัดค้าน เพราะเห็นว่าการสร้างศรัทธาให้ประชาชนรักชาติ ไม่จำเป็นต้องเสนอด้วยการสร้างภาพยนตร์ ที่ชูภาพลักษณ์เเละโปรโมทองค์กรทหาร
เธอว่า.. “แทนที่จะสร้างภาพยนตร์เพื่อชูภาพลักษณ์องค์กรสถาบันทหารนั้น ควรสร้างภาพยนตร์ที่เเสดงให้เห็นจุดบอดความบกพร่องของกองทัพในปัจจุบัน
เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับประชาชนหรือส่งเสริมภาพยนตร์ประเภทอื่นที่จะส่งผลต่อการสร้างรายให้กับประเทศยังดีเสียกว่า
ภาพยนตร์ทหาร-สงครามส่วนมากสร้างเพื่อต่อต้านการทำสงครามวิพากษ์วิจารณ์ความบ้าอำนาจของผู้มีอำนาจที่กระหายสงคราม หากผู้สร้างภาพยนตร์สร้างเพื่อวิพากษ์วิจารณ์สงคราม หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำที่กระหายสงครามนายกจะรับได้หรือไม่
แนะนำให้ท่านดูภาพยนตร์เกาหลี ที่พึงได้รับรางวัลออสการ์เรื่อง Parasite หรือชนชั้นปรสิต ที่นำความเป็นเกาหลีออกไปสู่สากล ซึ่งนับเป็นความสำเร็จระดับโลกของประเทศเกาหลี
หากประเทศไทยอยากจะทำแบบนั้นบ้าง ภาพยนตร์ไทยจะต้องวิพากษ์วิจารณ์ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันของคนในสังคมและตีแผ่ออกไปในระดับสากลแบบนี้ท่านรับได้หรือไม่”
ประทานโทษครับท่านส.ส…ตอนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ทำไมไม่คิด-ไม่ทำหนังอย่างที่ว่าบ้างล่ะ เห็นทำแต่หนังตุ๊ด-หนังเกย์ และแค่เรื่องแรกก็โดนแบนแล้ว เพราะหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องใต้สะดือ!
และที่ว่า.. “ที่ผ่านมาขาดการเยียวยาเเละการสนับสนุนจากภาครัฐในการทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยได้ทัดเทียมเท่าสากล ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ” นั้น
รัฐบาลไม่สนับสนุน หรือเป็นเพราะผู้กำกับ (บางคน) มัวแต่คิดทำหนัง..
สนองตัณหาตัวเอง ขอรับ!