นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (18 กรกฎาคม 2566) เวลา 08.45 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ โถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำคณะเยาวชนไทยที่เติบโตในต่างประเทศ อายุระหว่าง 12 – 18 ปี จำนวน 40 คน จาก 11 ประเทศ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นไทยในโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ประจำปี 2566
ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับเครือข่ายวัฒนธรรมไทย จัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2551 จนถึง พ.ศ. 2565 เพื่อให้เยาวชนไทยในต่างประเทศ ได้มีโอกาสกลับมาเยือนแผ่นดินของบรรพบุรุษ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีของไทย
โดยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มร่วมกับศิลปิน วิทยากร และผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ณ สถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยที่เติบโตในต่างประเทศได้ตระหนักถึงความเป็นไทย ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย จากประสบการณ์ตรง รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทยในเวทีโลก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงความสามารถของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ด้วยการสาธิตศิลปวัฒนธรรม Nora Thai Fit (โนรา ไทยฟิต) โดยเป็นการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยโนราเข้ากับการออกกาลังกาย ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ระหว่างศิลปะและวัฒนธรรมเข้ากับการปฏิบัติ เพื่อให้ศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าใกล้กับวิถีคนในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งท่าไทยฟิตที่ออกแบบจาก “โนรา” เป็นศิลปะการแสดงทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโกด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวในนามนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ยินดีต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ รู้สึกดีใจและปลาบปลื้มที่ได้เห็นเยาวชนเชื้อสายไทยหลายประเทศในครั้งนี้ ทุกคนถือเป็นตัวแทนทูตทางวัฒนธรรมของประเทศไทยในการสร้างความเข้าใจ เผยแพร่สิ่งดีงาม ความสวยงามของบ้านเมืองสู่โลกภายนอก
แม้จะอยู่ประเทศใดก็ตามขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในความเป็นไทย คนไทยเรานั้นมีสิ่งสำคัญที่ไม่เหมือนคนอื่น คือ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากอดีตสู่ปัจจุบัน และกำลังเดินหน้าไปสู่อนาคต
คนไทยเป็นคนมีน้ำใจและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เอกลักษณ์ตรงนี้ต้องขอฝากทุกคนช่วยกันรักษาไว้ พร้อมทั้งขอให้ทุกคนระลึกไว้เสมอว่าสายเลือดไทยอยู่ในตัวเราทุกคน ถึงประเทศเราจะมีความแตกต่าง หลากหลาย มีความไม่เหมือนกันอยู่บ้าง
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราภูมิใจในความเป็นไทย ความเป็นชาติไทย ซึ่งทุกคนจะเห็นแล้วว่าประเทศไทยมีการพัฒนาต่าง ๆ มากมาย และเรากำลังเดินหน้าประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเต็มที่
ที่ผ่านมาเราได้รับรางวัล คำชื่นชมจากองค์กรระหว่างประเทศ ให้เราเป็นประเทศที่มีการพัฒนาสูงสุดหลายปีซ้อนในเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืน นั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถ ความตั้งใจของเราทุกคนที่จะเดินหน้าไปสู่อนาคต
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนามของรัฐบาลพร้อมทั้งข้าราชการ ขอฝากทุกคนช่วยกันเผยแพร่ความเป็นไทยผ่านการพูดคุยสนทนา ภาพถ่ายความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยไปอวดเพื่อน ๆ และขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข ประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียน การประกอบอาชีพ มีรายได้ที่เพียงพอในการสร้างครอบครัวต่อไปในอนาคต ถึงแม้ทุกคนจะอยู่ต่างดินแดนกัน แต่สายเลือดความเป็นไทยของเราต้องไม่จางหายไป
“สำหรับกิจกรรมเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่น ประจาปี 2566 กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 17 – 20 กรกฎาคม 2566 ณ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดราชบุรี เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน เชื้อสายไทยที่เติบโตในต่างประเทศ จำนวน 40 คน จาก 11 ประเทศ ประกอบด้วย
เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เมียนมา สวีเดน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย สามารถนำความรู้และประสบการณ์ ที่ได้รับไปปรับใช้จริง ทำให้ตระหนักถึงความเป็นไทย เกิดความผูกพันกับประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้กับเครือข่ายและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ในกลุ่มเป้าหมายชาวต่างประเทศ โดยขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมตามนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio Circular Green Economy) ที่ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และได้ยกระดับชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นการนำทุนทางวัฒนธรรม เสน่ห์ของวิถีชีวิต อัตลักษณ์ วัฒนธรรมประเพณีของชุมชน ตลอดจนความงดงามของธรรมชาติ มาสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนคุณธรรมทั่วประเทศ
ซึ่งการดำเนินกิจกรรมเยาวชนเชื้อสายไทยคืนถิ่นของกระทรวงวัฒนธรรม สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการฟื้นฟูจิตสำนึกความเป็นไทย และเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนไทยในต่างแดน
รวมทั้งยังส่งผลให้ชุมชนไทยในต่างแดนเหล่านี้ เป็นภาคส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีสันติสุข และเป็นตัวแทนที่ดีของชาวไทยในต่างแดน สามารถสื่อสารความรู้ด้านวัฒนธรรมไทยไปสู่ประชากรในดินแดนที่ตนตั้งถิ่นฐาน
ซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าว นอกจากจะช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ของความเป็นไทย (Thainess) แล้ว ยังนับเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศด้วยมิติทางวัฒนธรรมตามแนวทางการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) ด้วย” นางสาวรัชดาฯ กล่าว
