นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ พรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นถึงกรณีข่าวบางพรรคการเมืองใน 8 พรรคร่วมอาจเปลี่ยนใจไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกลว่า ทุกพรรคควรตั้งสติและอย่าไปหลงทางกับเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้าม ที่พยายามกดดันด้วยการปล่อยข่าวลือด้านต่างๆ ทั้งการขู่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย รวมถึงข้อสงสัยต่อพรรคก้าวไกล เพื่อสร้างความสั่นคลอนให้กับ 8 พรรคร่วม เพื่อให้ขาดเสถียรภาพ
พร้อมระบุว่าทุกพรรคต้องเชื่อในแรงสนับสนุน 312 เสียงเป็นเหมือนเสาเข็มให้รัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว แต่ทั้ง 8 พรรคต้องพูดคุยกันเพื่อหากลยุทธ์ให้ชนะศึกให้ได้ มั่นใจประชาชนพร้อมหนุนหลังในทุกการตัดสินใจ
#ธุรกิจสว #เมียน้อยสว ติดเทรนด์โซเชียล คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการไม่เคารพเสียงประชาชน
นายปริเยศ กล่าวถึงท่าที ของชาวโซเชียลต่อ สว.จนเกิดแฮชแทค #ธุรกิจสว และ #เมียน้อยสว ว่าตนไม่อยากให้ใช้คำว่า ราคาที่ต้องจ่าย เพราะรัฐธรรมนูญนี้ให้ ส.ว.มีอำนาจเรื่องนี้ แต่ในฐานะนักการเมืองตนเข้าใจประชาชนที่เขาคาดหวังว่า วุฒิสมาชิก พร้อมทีมงานผู้ช่วยราวสองพันคนที่ทำงานอยู่ในสภา ด้วยงบประมาณหลักพันล้านบาท น่าจะตอบแทนเขาได้มากกว่านี้ผ่านการโหวต
เชื่อหากประชาชนหันมาตรวจสอบการทำงานของ ส.ว.ชุดนี้ ในด้านการประชุมและงานด้านกรรมาธิการคณะต่างๆ เช่นการดูงานนอกพื้นที่ การแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาหรือผู้ช่วย ส.ว.อาจกดดันมากกว่าเดิม จึงนับได้ว่าเป็นโชคดีที่ประชาชนยังไม่ไปรื้อข้อมูลถึงขั้นนั้น
ไทยสร้างไทย เชื่อ ส.ว. ถูกประชาชนกดดันหนัก จนอาจยอมเปลี่ยนใจโหวตตามผลเลือกตั้ง
เชื่อว่าจากสถานการณ์ต่างๆ หากส.ว.กดดันกันเองหนักเข้าอาจอดทนไม่ไหว หันกลับมาสนับสนุน แคนดิเดตนายกฝ่ายประชาธิปไตยแทนในการโหวตครั้งหน้าก็เป็นได้
“อยากให้ประชาชน มั่นใจกับทุกการตัดสินใจของ 8 พรรคร่วม รวมถึงให้โอกาส สว.ได้มีเวลาคิด เนื่องจาก สว.หลายท่าน ต้องทำงานและประชุมกรรมาธิการหลายคณะ อาจยังไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกับทีมงานผู้ช่วย ผู้ชำนาญการ ที่ปรึกษาของ ส.ว. ที่มีอยู่นับพันคนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดคงเห็นแก่ประเทศบ้างไม่มากก็น้อย” นายปริเยศ กล่าว