2 กรกฎาคม 2566 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังร่วมประชุมคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน 8 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย พิจารณาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 โดยยึดมั่นในเรื่องของประโยชน์การจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยและประโยชน์พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
1. สำหรับการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภา คณะเจรจาของทั้งสองพรรค ได้ปรึกษาหารือกันอย่างไม่เป็นทางการมาโดยตลอด สิ่งที่รับทราบคือความก้าวหน้าในการพูดคุยเป็นลำดับ และทั้งสองพรรคต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ
2. พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีความหลากหลาย ผสมผสานผู้คนในการเมืองที่แตกต่าง ดังนั้น เมื่อมีความคิดเห็นแตกต่างภายในพรรค ก็ต้องมีกระบวนการภายใน อาศัยข้อบังคับพรรคเป็นกรอบดำเนินการ ซึ่งต้องขอบคุณพรรคก้าวไกลที่เข้าใจกระบวนการภายในของพรรคเพื่อไทย
3. พรรคเพื่อไทย ยืนยันการทำงานร่วมกันของทั้ง 8 พรรค เพื่อเดินหน้าไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชน เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พรรคจะมีข้อสรุปที่ทำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าจะเป็นประโยชน์กับการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของพี่น้องประชาชน
4. พรรคเพื่อไทยจะนำข้อสรุปจากคณะเจรจาของทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุม ส.ส.ของพรรคในวันที่ 3 กรกฏาคมนี้ โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ที่ประโยชน์ในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
(ตั้งแต่ข้อ 5-9 เป็นส่วนของสรุปเนื้อหาการประชุมคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 )
5. สำหรับการประชุมคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน ของ 8 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 นั้นเป็นการหารือกันเกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชนในเรื่องเร่งด่วนต่างๆ ทั้งปัญหาพลังงาน ปัญหาเศรษฐกิจดิจิทัลและปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ค่าครองชีพ ซึ่งพรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค, ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคและ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค ได้เข้าร่วมประชุมและสรุปปัญหาพร้อมเสนอแนวทาง โดยข้อสรุปของคณะทำงานทุกชุดจะนำไปบรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐบาล โดยวันนี้มีประเด็นข้อสรุป ตามข้อ 6-9 ดังนี้
6. ประเด็นปัญหาด้านพลังงาน นั้นควรพิจารณาเลื่อนการปรับราคาน้ำมันดีเซล ขึ้นลิตรละ 5 บาทในวันที่ 20 กรกฏาคมนี้ออกไปก่อน ซึ่งยังอยู่ในอำนาจของรัฐบาลรักษาการ โดยสามารถใช้กลไกต่างๆ เช่นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเข้ามาแก้ปัญหา เพื่อช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพประชาชน
7. ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมนั้น ได้เสนอตั้งวอร์รูมแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่คุกคามประชาชนอย่างหนัก รวมถึงลดค่าใช้จ่ายการใช้อินเตอร์เน็ต และเปิดโอกาสให้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตมากขึ้น พร้อมเสนอเปลี่ยนอินเตอร์เน็ตประชารัฐเป็นอินเตอร์เน็ตประชาชนโดยเพิ่มคุณภาพอินเทอร์เน็ตและเปิดโอกาสประชาชนเข้าถึงมากขึ้น โดยมีกลไกเรื่องสัญญาณเพื่อไม่ให้เป็นการแข่งขันกับเอกชน
8. ด้านเศรษฐกิจปากท้อง เสนอความคืบหน้าปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ โดยรัฐบาลใหม่ต้องหาตลาดใหม่ให้ธุรกิจ SME มากขึ้นและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเอฟทีเอที่มีอยู่แล้วและทำเอฟทีเอการค้าให้มากขึ้น ตัั้งสภา SME เพื่อเป็นปากเสียงให้ผู้ประกอบการรายย่อยเหมือนที่สภาอุตสาหกรรมเป็นปากเสียงให้ผู้ประกอบการรายใหญ่
9. สำหรับหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาและหนี้สินของข้าราชการ ต้องมีการพิจารณาลดดอกเบี้ยเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์และปรับโครงสร้างเงื่อนเวลาในการผ่อนชำระโดยไม่กระทบโครงสร้างรายได้ของลูกหนี้
