ถึงบท “โอ้ว่า…พิธาเอ๋ย” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“คลิปลับ”
ฉบับ “ประดิษฐ์เอง” เรื่อง “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”
องก์ ที่ ๑……
แดง:เราเสนอราคาให้ ๑๔+๑ โอเค้?
ส้ม:แหม…นี่ส้มคัดเกรดนะ รับรองเปรี้ยวจากหัวยันตีนทุกลูก”

แดง:งั้น เอาไป ๑๕+๑ เอ้า
ส้ม:มันผิดหลักการน่ะพี่ พรรคอันดับ ๑ ต้องเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ประธานสภาก็ต้องเป็นของพรรคอันดับ ๑ ด้วย”

แดง:เออ..ก็ตามใจ ถ้าพรรคอันดับ ๒ เขาถอนตัวไปตั้งรัฐบาลเอง ก็จะอดทั้งนายกฯทั้งประธานสภา แล้วอย่ามาว่ากันนะ…บอกไว้ก่อน”
ส้ม:งั้นรอแป๊บนะ ไปถามเฮียตี๋หัวตั้งกับพี่ตี๋ตาปลาดุกเค๊าก่อน เขาจะเอาไง?”

หายไปคืนกะวัน …..
จากที่เคยจี๊ดจ๊าดทุกเม็ด กลับเงียบฉี่เหมือนถูกธรณีสูบ

ณ ที่รโหฐาน แต่ละหัวที่สุม เครียด…กินเหล้า งัดสุราเสรีแบรนด์ “อบายมุขก้าวหน้า” เวียนกันซด

แค้นนัก…
“กูว่าแล้ว มันต้องเล่นไม้นี้ แล้วเราจะแก้เกมยังไง ยอมมัน หรือไปเป็นฝ่ายค้านกะพวกเผด็จการ ล้างแค้น คว่ำมันในสภา รึว่า “ไฟลามทุ่ง” เหนือจรดใต้ คว่ำชาม อดแดกด้วยกันทั้งคู่ซะตอนนี้เลย?

ในดึกดื่น ที่ยังไร้บทสรุป….
กลางกองขวดสุราก้าวหน้าเกลื่อน ควันบุหรี่ตลบ

ชาวคณะฟุบหน้าพากันนั่งยานไฮเปอร์ลูปขึ้นไปเฝ้า “วิญญานคณะราษฎร ๒๔๗๕” (ณ ขุมไหน ก็ช่างมันเถอะ)

องก์ ที่ ๒…..
บ่ายแก่ๆ ของอีกวัน
ท่ามกลางแสง ไร้ตัวตน แต่มีการสื่อสารผ่านควันธูปออกมา

“พรรคก้าวไกลเชิญ ๘ พรรคร่วมประชุมเช้าวันอาทิตย์ ที่ ๒ กรกฎา.เพื่อหาข้อสรุปที่พอใจกันทั้ง ๒ ฝ่าย
โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก”

องก์ที่ ๓…..
เสียงผู้มีนามว่า “ประชาชน” บ่นลอยคละเคล้ากับควันธูปคลุ้ง
เอะอะก็ผลประโยชน์ประชาชน

“อ้างประชาชนหาแดกทุกชอตเลยนะ…พวกเมิ้งงงง!”
แล้วม่านก็รูด……..

การละครเรื่อง “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” ครบองก์ ๓ ก็จบลงประมาณนี้ ก่อนที่สภานัดปฐมฤกษ์จะเปิดจันทร์ที่ ๓ กรกฎา.
และเลือก “ประธานสภา” กัน วันอังคารที่ ๔!

ก็จะเห็นว่า ทั้งหมด ตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา.จากวันนั้น ถึงวันนี้ ๘ พรรค ตั้งรัฐบาล
“ก้าวไกล” กับ “เพื่อไทย” ก็วนลูปอยู่แค่นี้!

ถ้าถามว่า สุดท้ายแล้ว ก้าวไกลจะยอมตามเงื่อนไขเพื่อไทยหรือไม่?
คือเพื่อไทยเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีให้ก้าวไกลอีก ๑ รวมเป็น ๑๕ เก้าอี้ +๑ ตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนเพื่อไทย เอาแค่ ๑๓ เก้าอี้ + ๑ คือ เก้าอี้ประธานสภา

ผมว่านะ ถึงตอนนี้แล้ว “พิธา-ก้าวไกล” มี ๒ ทางเลือกเท่านั้น คือ do or die
ถ้าต้องการอยู่ร่วมรัฐบาล ก็ต้อง “หยิ่งแบบหมาจนตรอก”
ศิโรราบเพื่อไทยเขาไป

ไม่ใช่ +๑ แค่เก้าอี้ประธานสภาหรอก เก้าอี้นายกฯ ด้วย เค๊ารู้กันมาตั้งปีมะโว้แล้ว!
และต่อให้ชาติหน้าบ่ายๆ พิธาก็ไม่ได้เป็นนายกฯ

แต่ถ้า “นายกสมาคมนักโทษการเมือง” นั่น ในอนาคต ไม่แน่

เพื่อไทยเขาอ่านหมากทะลุกระดานตั้งแต่นาทีแรกแล้ว จึงส่งชลน่านไปเล่น “จำอวดหน้าม่าน” ก่อนเปิดฉากการละคร

ฉะนั้น ๒ กรกฎา.พิธาไม่ต้องไปต่อรองอะไรเขาหรอก บอก “หมอสัตว์” ที่จะให้นั่งประธานสภานั่นด้วย ว่าไม่ต้อง กระดี๊กระด๊าให้ต้องไปกระดากหน้าทีหลังหรอก

ยังไงๆ เพื่อไทยเขาไม่ให้อยู่แล้ว

เป็นพรรคอันดับ ๑ ในราคาคุย แต่เป็นอันดับ ๒ ในราคาจริง นั่นโลกที่เป็นจริง
เพื่อไทยเขาให้ตั้ง ๑๕ เก้าอี้ ก็รีบคว้าก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจเถอะ

เอา “เก้าอี้นายกฯ” ลมๆ แล้งๆ ไปแลกเอาเก้าอี้รัฐมนตรีอีกซัก ๒ ตัว ยังจะเข้าท่ากว่า

อ้อนดีๆ เพื่อไทยเขาอาจ ลูบหัว-ลูบหลัง ด้วยเอ็นดู เจ้าหนูน้อย แล้วยกให้ก็ได้

หยิ่งแบบ “หมาจนตรอก” อย่างนี้ ยังมีเก้าอี้รัฐมนตรีนั่ง
ดีกว่าไปฝืนใจสยุมพรกับรวมไทยสร้างชาติอยู่ในซีกฝ่ายค้าน จริงมั้ย?

อย่างน้อย ยึดสถานะรัฐบาลไว้ มีกระทรวงครอง พวก “ส้มสามนิ้ว” จะได้มีตำแหน่งแบ่งๆ กันไปวางแผนล่มชาติ
กลิ่นหอมแห่งความเจริญจะได้ขจรขจายเร็วๆ!

เห็นว่า ขนาด “ลูกผี-ลูกคน” ยังส่งสมุนเข้าไปจุ้นจ้านแทบทุกกระทรวงช่วงนี้ เสียงด่าลับหลังขรม ไม่ได้ยินบ้างรึ?

แต่ถ้า “พิธา” มั่นใจ ยิ่งเลือกตั้ง ก้าวไกลยิ่งถล่มทลายละก็
เล่นบท “ราชสีห์นั่งทับไข่” คำรามให้มันดังๆ ไปเลย

จะได้สยบ “สังคมคนตาบอด” ให้ครั่นคร้าม นึกว่าคำรามสู้ กลบความจริงที่ว่า
ที่แท้ โฮกๆ แฮ่ๆ นั่นเพราะ “ราชสีห์หน้าเขียว”!

เห็นนักวิชาการ “ขาประจำหน้าจอ” ออกมาโฉงเฉงเย็นวาน “มันเป็นประเพณี เป็นหลักการ พรรคอันดับ ๑ ต้องเป็นประธานสภา ฉะนั้น เพื่อไทยต้องให้ก้าวไกลเขา”

เห็นว่าเป็นดอกเตอร์ กูรูรัฐศาสตร์ ยกอ้างโน่นนี่
กูละเบื่อ กับพวกจานดัดจริตทันสมัย แค่หวังประจบส้ม

ประเพณีที่ไหน ว่าพรรคอันดับ ๑ ต้องเป็นประธานสภาเสมอไป ถมไป พรรค ๒-๓ เสียงได้เป็นประธานสภาก็มี พรรคอันดับ ๔ อันดับ ๕ ก็มี

ต้องดูอื่นไกลที่ไหน ตำตาอยู่ขณะนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์นี่แหละ พรรคอันดับ ๒ ได้ตั้งรัฐบาล
พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ ๔
อดีตนายกฯ “ชวน หลีกภัย” เป็นประธานสภา!

แล้วก็จำไว้ซะด้วย พ่อดอกเตอร์ อย่างนี้ตะหาก ที่เป็นสปิริตพรรคการเมืองอันดับ ๑-๒ เขาปฎิบัติกัน จะได้ไม่ไปเป็น “กูรูหน้าจอ” เสล่อๆ!

พรรคอันดับ ๑-๒ เขาจะไม่ร่วมกันเป็นรัฐบาล

ให้โอกาสอันดับ ๑ ตั้งรัฐบาล
ส่วนอันดับ ๒ จะไปทำหน้าที่ตรวจสอบในหน้าที่ฝ่ายค้าน

แต่ถ้าพรรคอันดับ ๑ ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็จะให้โอกาสพรรคอันดับ ๒ เป็นฝ่ายรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล
แล้วอันดับ ๑ ที่ตั้งไม่ได้ ก็ไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

นี่คือ “สปิริตประชาธิปไตย” ในอดีตผ่านๆ มา นี่เป็นครั้งแรกของวัฒนธรรมใหม่ด้วยซ้ำ
ที่ก้าวไกล-พรรคอันดับ ๑ กับเพื่อไทย-พรรคอันดับ ๒ จับมือกันตั้งรัฐบาล!?

ถ้าไปอีกขั้น คงเป็นประชาธิปไตยแบบสิงคโปร์ รวมหัวกันเป็นรัฐบาล
จนต้องขยิบตาให้พรรคเล็กๆ ๔-๕ คน ไปทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลในบท “ฝ่ายค้าน” พอไม่ให้อุจาดบ้าง!

นี่ผมก็ยังไม่ปักใจว่า สุดท้ายของบทจบ
“เพื่อไทยกับก้าวไกล” จะอ้างบท “ฝ่ายประชาธิปไตย” เป็นรัฐบาลด้วยกัน

มันอาจเข้าครรลองก็ได้ ที่ก้าวไกล-เพื่อไทย ต้องแยกไปอยู่ในสถานะที่ควรอยู่ เพื่อทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ระบบสภา
ก็ไม่อยากบอกเป็นครั้งที่ ๑๐๐+๑ ว่า

ยังไงๆ พิธาก็เป็น “เทวดาตกสวรรค์”!
ฉะนั้น คว้าอะไรได้ก็คว้าไว้ จะยอดยางหรือยอดหญ้า

ยังไงๆก็ให้ “ศิริกัญญา” ได้เป็นรัฐมนตรีคลังละกัน
คนอยากได้เดือนละ ๓,๐๐๐ เขารอ!

เปลว สีเงิน

๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
พปชร.ที่ “อยู่เป็น-อยู่ไม่เป็น”
บอกก่อน….. ผมไม่รู้จริงๆ ว่า “พรรคพลังประชารัฐ” เขาเล่นอะไรกัน? รัฐบาลกำลังไปได้ดี จู่ๆ ก็เล่นเกมชิงเก้าอี้ “หัวหน้าพรรค” โดยกก.บห. “เกินกึ่งหนึ่ง” รวมหัวกัน...
Read More
0 replies on “ถึงบท “โอ้ว่า…พิธาเอ๋ย” – เปลว สีเงิน”