ผักกาดหอม
ไอ้เสือถอย!
เกมเปลี่ยนแล้วครับ
พรรคเพื่อไทย ประชาธิปไตยเต็มทุกตารางนิ้วจริงๆ นึกจะพลิกเกมก็พลิกชนิดลูกพรรคงงเป็นไก่ตาแตก ตามไม่ทัน
ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรดูเหมือนจะจบแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อวันเสาร์ เพื่อไทยกับก้าวไกลยังปะทะคารมกันดุเดือด
จู่ๆ เพื่อไทยยกให้ก้าวไกลซะงั้น…มันง่ายเกินไปหรือเปล่า
เรื่องมาจาก “เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเสียงดังฟังชัดว่า
“…ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยืนยันหลักการเดิมมาโดยตลอด ว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้ประมุขฝ่ายบริหารแล้ว พรรคเพื่อไทยควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เพื่อให้ได้ข้อยุติและไม่เกิดปัญหากับทั้งสองพรรค พรรคเพื่อไทยจึงมีจุดยืนและข้อสรุปของพรรคต่อกรณีประธานสภาฯ ดังนี้
๑.เราเห็นชอบในหลักการว่าพรรคอันดับ ๑ จะทำหน้าที่ประธานสภาฯ
๒.เนื่องจากพรรคอันดับ ๑ และ ๒ มีจำนวนใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทั้ง ๒ คน จึงควรเป็นคนของพรรคลำดับ ๒
และ ๓.รายละเอียดการประสานงานต่างๆ จะเป็นวาระของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยตัวแทนของ ๒ พรรคควรหารือกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการเลือกตั้งและการประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการก่อน ตัวแทนของ ๒ พรรคการเมืองจะหารือกันเพื่อสรุปให้เกิดความชัดเจนต่อไป…”
สงสัยมั้ยครับ…คนบอกข่าวดีให้ก้าวไกลทำไมต้องเป็น “ภูมิธรรม”
ทำไมไม่เป็น “ชลน่าน ศรีแก้ว” คนเป็นหัวหน้าพรรค
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ กำหนดอนาคตการเมืองของพรรคเพื่อไทยเลยทีเดียว
หรือ “ภูมิธรรม” สายตรง “ทักษิณ”
ทุกอย่างในพรรคเพื่อไทย ยังคงอยู่ใต้บาทาของ “ทักษิณ” อย่างที่ผู้คนนินทากันอย่างนั้นหรือ
วิเคราะห์คำพูด “ภูมิธรรม” ก็ดูแปลกๆอยู่ไม่น้อย
“ภูมิธรรม” ใช้คำว่าพรรคอันดับ ๑ อันดับ ๒
ไม่ใช่ ก้าวไกล หรือ เพื่อไทย
การรอกกต.ประกาศผลอย่างเป็นทางการ ก็ไม่มีนัยสำคัญให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พรรคอันดับ ๑ กลายเป็นพรรค อันดับ ๒ หรือพรรคอันดับ ๒ กลายเป็นพรรคอันดับ ๑ แต่อย่างใด
เพราะ ๗๑ รายชื่อส.ส.ที่กกต.แขวนไว้นั้น มีพรรคเพื่อไทย ๒๐ คน ก้าวไกล ๗ คน
ขณะที่ส.ส.ทั้ง ๒ พรรคห่างกัน ๑๐ เสียง
ก้าวไกลมี ๑๕๑ เสียง
เพื่อไทยมี ๑๔๑ เสียง
ฉะนั้นต่อให้ก้าวไกลถูกใบแดงทั้ง ๗ คน โดยที่เพื่อไทยไม่โดนใบแดงเลย ก้าวไกลก็ยังมีส.ส.มากกว่าเพื่อไทย ๓ คน
หรือมีข้อมูลใหม่!
จำนวนส.ส.ที่กกต.แขวน ซึ่งปรากฎเป็นข่าวนั้นมีความคลาดเคลื่อน
ของจริงอาจมีขยับ พรรคอันดับ ๑ อาจหล่นเป็นพรรคอันดับ ๒ ได้
ครับ…ต้องรอกกต.แถลงรับรอบส.ส.อย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้
แต่ที่ไม่ต้องรอคือ “ภูมิธรรม” กับ “ชลน่าน” เล่นดนตรีคนละเพลงอย่างน่าอัศจรรย์
คำตอบจาก “ชลน่าน” เรื่องดีลเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรคือ..
“…ทราบจากทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากที่ได้คุยไว้กับพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้…”
ทั้ง “ภูมิธรรม” และ “ชลน่าน” ต่างก็ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์เหมือนกัน
แล้วทำไมถึงต่างกันหน้ามือเป็นหลังเท้า
“ชลน่าน” ให้เหตุผลยืดยาวดังนี้
“…ในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น คงจะไม่ได้นำมาหารือกันในวงประชุมของหัวหน้าพรรค แต่ควรไปหารือกันผ่านคณะเจรจาระหว่างพรรค โดยพรรคก้าวไกลจะเป็นแกนหลักในการพูดคุยร่วมในแต่ละพรรคการเมืองเพื่อหาข้อตกลง
ทั้งนี้ เมื่อทราบผลการรับรอง ส.ส. จาก กกต. แล้ว ส่วนตัวมองว่าการหารือกันในสัปดาห์นี้ต้องเริ่มมีความชัดเจนทั้งในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วย เพราะเมื่อ กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ครบ ๙๕% และ ส.ส. ทยอยรายงานตัวที่สภาฯ แล้ว ทางพรรคร่วมฯ ก็ต้องมีแนวทางและทิศทางในการโหวตตำแหน่งประธานสภาฯ หลังเปิดการประชุม…”
ก็แสดงว่ายังไม่ได้คุยกัน
ยังไม่รู้ว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯจะเป็นของพรรคไหน
ตกลงในพรรคเพื่อไทยต้องฟังใคร
ระหว่างหัวหน้าพรรค กับคนใกล้ชิด “ทักษิณ”
แต่เพื่อไทยในวันที่ร่วงโรย ใช่ว่าจะฟัง “ทักษิณ” กันทุกคน
“อดิศร เพียงเกษ” ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดูจะเดือดดาลกับคำพูดของ “ภูมิธรรม” เป็นพิเศษ
“…ยังยืนยันความเห็นเดิมว่าเมื่อพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีใครได้เสียงข้างมากเด็ดขาดไปกว่ากันก็สมควรไปโหวตในสภา ใครจะได้ตำแหน่งประธานสภาเรื่องนี้ควรเป็นทฤษฎี กินแบ่ง ไม่ใช่ กินรวบ…”
“…ถ้าอยากจะกินรวบต้องได้เสียงขาดลอย ๓๗๖ เสียง แต่ถ้าสูงแค่ ๑๕๑ แล้วจะเป็นทั้งประมุขฝ่ายบริหารและประมุขฝ่ายนิติบัญญัติถือว่าเพ้อฝัน ได้เท่านี้แต่จะเอาทั้งหมดไม่ได้ ยืนยันว่าตำแหน่งประธานสภาควรเป็นของพรรคเพื่อไทย หรืออย่างน้อยต้องใช้มติที่ประชุมสภาตัดสิน เพราะสภาเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล…”
“…เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เคยแจ้งให้ทราบมาก่อน ผมไม่เห็นด้วยและเชื่อว่ามีคนในพรรคก็ไม่เห็นด้วยหลายคนเช่นกัน ซึ่งจะไปตัดสินใจโดยความเห็นของแกนนำเพียง ๑-๒ คนไม่ได้ ผมก็เป็นผู้ใหญ่ในพรรค แต่ก็ไม่รู้เรื่องนี้ ฉะนั้น จึงควรนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมพรรคเพื่อสอบถามความเห็นสมาชิกพรรคก่อน อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องนี้ไปสู้ในที่ประชุมพรรคอย่างถึงที่สุดแน่นอน
วันที่ ๒๑ มิถุนา ผมจะนำเรื่องนี้ไปสอบถามต่อที่ประชุมว่าเหตุใดไม่แจ้งให้สมาชิกทราบ ไม่ใช่ไปตัดสินใจกันเองคุณภูมิธรรม เป็นก้าวไกลไปแล้วหรือ
พรรคเพื่อไทยเคยพลาดตอนไปช่วยโหวตให้ ธนาธร ในขณะนั้น ชิงตำแหน่งนายกฯ ตอนปี ๒๕๖๒ มาแล้ว ทั้งที่พรรคก็มีชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของตัวเองอยู่ จะไปกลัวเขาตลอดไม่ได้ เหล็กอยู่เฉยๆ จะอ่อนได้ยังไง จะต้องมีอะไรเกิดขึ้น…”
ถือว่าแรง!
เพื่อไทยกำลังมีความขัดแย้งภายใน นับเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ เพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
คิดในมุมบวกสำหรับเพื่อไทย พรรคอันดับหนึ่งและสอง ที่ “ภูมิธรรม” พูดถึงนั้น มิได้ระบุชื่อพรรค ตราบที่กกต.ยังไม่รับรองส.ส.ครบทั้ง ๕๐๐ คน ก็ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อยู่
จะมีหมากลึกลับโผล่มาหลังสิ้นเสียงกกต.
หรืออีกทาง “ทักษิณ” หมอบแล้ว