คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
“หยก” คือใคร?
หยกคือ “เหยื่อที่สมยอมของก้าวไกล” สู่ความเป็นเครื่องมือขบวนการ “สามนิ้ว-สามสัส”
สู่ปฎิกริยาสังคมใหม่”……
ปฎิรูปคือปฎิวัติ “ชนิด” ขุดราก-ถอนโคน ตามแนวทางศาสดาตาปลาดุกนั้น จะสำเร็จได้
ขั้นแรก “ขบวนการนำ” ที่กระจายตัวซุกตามสถาบันการศึกษาในคราบ “ครู-อาจารย์-นักวิชาการ” ทั่วประเทศ
โดยมีองค์กร “ปิศาจในคราบนักบุญ” ตะวันตก แบ็กอัพ
จะล้างสมอง “เปลี่ยนความเชื่อ-เพาะความเกลียดชัง” ให้เกิดในหมู่นักศึกษาและเยาวชน “รุ่นต่อรุ่น”
ตามแผน…..
จะ “ล่มชาติ” ต้องล่มด้วยการทำลาย “ระบบสังคมและระบบครอบครัว” ให้พังก่อน
จากนั้น การ”หักฉัตร-หักยอด-ยึดแผ่นดิน”
ง่ายดุจ “พลิกฝ่ามือ”!
วิธีไปสู่จุดนั้น เขาสร้าง “กลุ่มแนวตั้ง” คอยหว่านล้อม ชักชวน ปลุกปั่น กลุ่มเป้าหมายมาเป็น “กลุ่มแนวร่วม” พร้อมปรนเปรอ
จากนั้น กระจายตัว….
สู่ปฎิบัติการตามเป้าหมาย ปฎิวัติ “สังคมราก” สู่สังคมยอดใหม่ ด้วยชุดความคิด
“เลวให้สุด-หยาบให้สุด-แรงให้สุด-เหวี่ยงให้สุด”
เพื่อ “ช็อคสังคม”
“เกลียด-รัก” จากช็อคนั้น ไม่มีความหมาย
ปฎิกริยาตอบรับจากสังคม คือ “คนจำ-คนสนใจ” นั่นตะหากคือ “ความหมาย” ที่ต้องการจากปฎิบัติการ”เลวให้สุด-หยุดที่ความระยำ”
“ฝูงสัตว์ต้องต้อน-ฝูงชนต้องนำ”
ในสังคมที่ช็อคย่อมแฝงความตื่นกลัว คนที่ตื่นกลัว จิตจะพร้อมสยบยอมความก้าวร้าว-รุนแรง
ยอมรับขบวนการ”ื ส้ม-ล้มชาติ” คือ”อำนาจที่เหนือกว่า”!
เนี่ย…….
เห็นแก๊งสามสัส ใช้นักเรียนหญิงคนหนึ่งชื่อเล่น “หยก” ให้ปฎิบัติกา ร”เลวสุดขั้ว-ชั่วสุดขีด” เพื่อเลี้ยงกระแสให้อยู่ในตลาดส้ม
วัน-สองวันนี้ เรียกว่า “สุดๆ” ยึดตลาดสังคมข่าวสาร เท่าที่ฟังก็มีบรรดานักการศึกษา นักการสังคม รวมทั้งนักสิทธิมนุษยชน ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเด็กคนนี้
ส่วนหนึ่ง มองโลก-มองสังคม ผ่านความเป็นจริงทางพฤติกรรมซ้ำๆซ้อนๆ
พฤติกรรมระยำเกินผู้ใหญ่ แต่พอถูกจับ อ้างสิทธิ “วัยเยาวชน” ไม่เกิน ๑๘
ส่วนหนึ่ง กางทฤษี-กางคัมภีร์เด็ก แล้วก็ท่องไป ผมฟังนักการศึกษาคนหนึ่ง จำได้เลยว่าเจ้าคนนี้
สมัยอุ๊งอิ๊ง “สอบเข้าจุฬาฯ” เกิดปัญหาว่า “ข้อสอบรั่ว”
นักข่าวไปสัมภาษณ์ ความที่เป็นนักการศึกษา อยากพูดก็อยาก กลัวพ่ออุ๊งอิ๊งก็กลัว ก็ให้สัมภาษณ์อ้อมเขาวงกต ๗ รอบ ผ่านมาร่วม ๒๐ ปีแล้วมั้ง?
นึกว่ายังหาทางกลับไม่ได้ แต่ก็กลับมาได้แล้ว เมื่อวาน เห็นให้สัมภาษณ์กระเตง “เด็กแก่แดด” ตามวิสัย “จาน-จอกแหน”
“โรงเรียนต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้เด็ก” บ้างละ”ต้องเปิดพื้นที่ผ่อนปรนให้น้องหยก” บ้างละ
เพราะประเทศมีนักการศึกษาประเภท “ลู่ตามลมสมประโยชน์การเมือง” ไม่ยึดเหตุแห่งความจริงที่เกิดปัญหา เอาแต่กางตำรา-ท่องทฤษฎีพูด
แหล่งการศึกษาวันนี้ มันถึงได้กลายเป็นแปลงเพาะ “นักเรียนเลว-นักศึกษาล่มชาติ” วันนี้ไง
แก่-แต่ทันสมัยนะ…..
เห็นใช้ศัพท์แสงอย่างพวกจานมหา’ลัย พวกแก๊ง ๓ สัสเขาใช้ “พื้นที่ปลอดภัย..พื้นที่ผ่อนปรน” ผมมันแก่ตกยุค ตามไม่ทัน
แต่พอ “รู้ทัน”!
เรื่อง “หยกกระเบื้อง” นี่ คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ก่อนจะพูดจาให้ความเห็นอะไร ควรต้องดูถึงเหตุและเจตนาในพฤติกรรมการกระทำของเด็กก่อน
และต้องดูพฤติการแวดล้อมที่เป็น “องค์ประกอบ” ของการกระทำด้วย
ไม่ใช่ยึดแต่คำว่า “เด็ก” เป็นน้ำหนักที่ต้องอภัยและยกประโยชน์ให้ไปในทุกเรื่อง
เพราะเอะอะก็ “ตีตั๋วเด็ก” นั่นแหละ
ไอ้แก๊ง “ส้ม-สามสัส” มันจึงใช้ “ช่องว่าง” นี้ ล้างสมองเด็ก เป็นเครื่องมือนำร่องิ “ล้มระบบสังคม”
จะเห็นชัด พวกนี้ “เดี่ยวๆ” ไม่กล้า
จะต้องมี “แกนตั้ง” นำขบวนไปเป็นแก๊งคุ้มกัน ถึงจะกล้า”เลวให้สุด-หยุดที่ระยำ”
อย่างหยกไปอาละวาดครู-อาจารย์ในโรงเรียน-หน้าโรงเรียน จะมีตัวนำกร่างไปเป็นฝูง
มีบทให้พูด ให้แสดง แล้วถ่ายทำคลิปโชว์
“หยก” ไม่ได้ชั่วโดยสุจริต หากแต่ “จงใจชั่ว”
ทุกวันนี้ พูดกันตรงๆ
ระบบ “ราชการ” อันเป็น “เสาเข็ม” สังคมชาติ “โทรมทรุด”!
ทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักและแรงกระแทก “ภายนอก-ภายใน” ให้ประชาชนมั่นใจว่า “ชาติเสถียร” ได้ไม่ถึง ๗๐%!
ก็ดูซี……..
ขบวนการ “ส้ม-สามนิ้ว” เซาะร่องรอยตะเข็บสถาบันมา ๔-๕ ปี “ระบบรัฐ” ดูจะไม่อาทร
กินเงินเดือน กินยศ-กินตำแหน่งกันสุขสำราญ ชนิด “บ้านเมืองใช่เรื่องของข้า”
ปล่อยจนมาถึงวันนี้ ไปถึงขั้นทำประชามติ “แยกแผ่นดิน”
มันมีอะไรที่ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑ ชัดมากไปกว่านี้อีกมั้ย?
ผมว่าไม่มีแล้ว นอกจากขั้นต่อไป ถ้า “ระบบรัฐ” ยังหน่อมแน้มอยู่อีก
ก็รอให้พวกก้าวไกล มันเขียนรัฐธรรมนูญใหม่
จาก “ราชอาณาจักรไทย” ไปเป็น “สาธารณรัฐ”!
ถ้าระบบราชการ ไม่ว่าพลเรือน ตำรวจ-ทหาร ยังถอดหมวกให้ขบวนการส้ม-สามนิ้วเดินสายปลุกระดมแยกชาติ/แยกแผ่นดิน อย่างที่ทำทุกวันนี้ต่อไป
จะเท่ากับ “ผลักประชาชน” ให้ตัดสินใจในแต่ละวิถีทางกันเอง ถ้าถึงจุดนั้่น…
“ผลดี” หรือ “ร้าย” กับประเทศ คงไม่ต้องให้ผมตอบ!
เอาคลิปหาเสียง ที่ธนาธร-พรรณิการ์-พิธา และผู้สมัครสส.ก้าวไกล พูดปลุกระดมชาวบ้านเหนือ-จรดใต้มาดูบ้างซิ
ถ้าไม่ทำอะไรกันให้เห็นว่า…..
“ประเทศมีตำรวจ-ทหาร, บ้านเมืองมีกฎหมาย” ละก็
ชาวบ้านก็คงต้องไปพึ่งกองทัพก้าวไกล กฎหมายธนาธร-ปิยบุตร อุ่นใจ-ปลอดภัยกว่า!
ทหาร-ตำรวจ ต้องเป็นรั้ว สถาบันยุติธรรมต้องเป็นหลัก ระบบราชการต้องเป็นที่อำนวยการ รัฐบาลต้องเฉียบขาด
ไม่อย่างนั้น ในสังคมที่ “มากด้วยผู้ตาม”
ก็จะหันไปสยบยอม “ยึดโจร” เป็นที่พึ่ง ตามสัญชาติญาน!
วันนี้ ผมขอชมและยกย่องผู้บริหาร,ครูอาจารย์ “โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ”
และ “นายปรีชา จิตรสิงห์” ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
ที่ออกแถลงการณ์ ว่า
“ตามที่ น้องหยก มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามสื่อต่างๆ และช่องทางโซเชียลมีเดียนั้น
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียน สมาคมนักเรียนเก่า ชมรมครูเก่า เครือข่ายผู้ปกครอง
รวมถึงสภานักเรียน ขอแถลงการณ์ ดังนี้
1. น้องหยก สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมาย วันที่ 1 เม.ย.2566 มารดาของน้องหยก ได้มาบันทึกขอเลื่อนการมอบตัวเพื่อศึกษาต่อระดับชั้น ม.4
ต่อมาวันที่ 19 พ.ค. 2566 โรงเรียนได้รับรายงานตัวน้องหยกไว้ก่อน เพื่อรักษาสิทธิ์ในการศึกษาต่อ(หลังจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จ.นครปฐม ได้ปล่อยตัวในคดี ม.112)
ซึ่งในการรายงานตัวดังกล่าว ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัว ตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566
ที่กำหนดให้นักเรียนต้องมามอบตัวที่โรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครอง ในวันที่ 2 เมษายน 2566 ซึ่งโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนเข้าเรียนก่อน
และเน้นย้ำให้นำผู้ปกครอง(มารดา)มามอบตัวนักเรียนให้สมบูรณ์ภายในวันที่ 10 มิ.ย. 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โรงเรียนจะต้องยืนยันข้อมูลจำนวนนักเรียนในระบบ DMC ของกระทรวงศึกษาธิการ
แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 256
2. หลังจากที่ น้องหยก เข้าเรียนในวันที่ 22 พ.ค. 2566 โรงเรียนได้ชี้แจงให้รับทราบระเบียบแนวปฏิบัติตามคู่มือนักเรียน ปีการศึกษา 2566
ที่ผ่านการประชาพิจารณ์โดยภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน และนักเรียนทุกคนได้ปฏิบัติตามระเบียบนี้
แต่น้องหยก ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่แต่งกายชุดนักเรียน การทำสีผม การมาเรียนตามเวลา/รายวิชาตามความพอใจของนักเรียน
รวมทั้งขอไม่เข้าร่วมกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมหน้าเสาธง และกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการไม่ยอมรับกฎระเบียบและไม่เข้าสู่กระบวนการของโรงเรียน
3. โรงเรียนขอเน้นย้ำให้ทราบว่า ไม่เคยปฏิเสธการรับนักเรียนเข้าเรียน และได้ให้การดูแลตามระบบ ดูแลการช่วยเหลือนักเรียนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ถึงแม้นักเรียนไม่ได้ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพฤติกรรม ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
……………………..
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และครู/อาจารย์ทุกท่าน
ท่านทำหน้าที่ “เสาหลัก” ให้อนาคตชาติที่ขอยกย่อง
ผมกราบ “จิตวิญญาน” ท่านครับ!
เปลว สีเงิน
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖