“จุรินทร์” เปิดหลักสูตรสายสัมพันธ์ไทย-จีน ชี้! ไทยยืนอยู่บนจุดสมดุลระหว่างขั้วมหาอำนาจแล้ว อย่าเขว อย่าเป็นเครื่องมือใคร

“จุรินทร์” เปิดหลักสูตรสายสัมพันธ์ไทย-จีน ชี้! ไทยยืนอยู่บนจุดสมดุลระหว่างขั้วมหาอำนาจแล้ว อย่าเขว อย่าเปลี่ยน อย่าเป็นเครื่องมือใคร เดินหน้ามุ่งใช้ประโยชน์จากภูมิรัฐศาสตร์เพื่อความได้เปรียบของประเทศ

10 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดหลักสูตร สายสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 และบรรยายพิเศษหัวข้อ” เศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-จีน” โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายฐิตินันท์ วัธนเวคิน ผู้อำนวยการหลักสูตรสายสัมพันธ์ไทย-จีน ดร.นุชนาถ วสุรัตน์ ประธานชมรมสายสัมพันธ์ไทย-จีน ร่วมด้วย ที่ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 28 บางกอกคลับ อาคารสาทรซิตี้ กรุงเทพ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า จีนทวีความสำคัญมากขึ้นในสังคมโลก อย่างน้อย 3 ด้าน 1. ภาษา 2. เศรษฐกิจ 3. ภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันจีนเป็น 1 ใน 2 อภิมหาอำนาจของโลกคู่กับสหรัฐอเมริกาเศรษฐกิจจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก มีจีดีพีรองจากสหรัฐฯ เป็นตลาดอันใหญ่อันดับ 1-2 ของโลก มีประชากรถึง 1,400 ล้านคน และจีนนำเข้าเป็นอันดับ 2 ของโลก การส่งออกหลายประเทศในโลกต้องพึ่งพาตลาดจีน

ขณะที่หลายประเทศในโลกเศรษฐกิจถดถอย แต่จีนปีที่แล้วจีดีพีโต 3% ปีนี้คาดการณ์ว่าจะโต 5.2% และสกุลเงินหยวนของจีนเป็นสกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับใช้เป็นเงินสำรองของประเทศต่างๆในโลก ล่าสุดปีนี้ IMF ให้ใช้เงินหยวนเป็นเงินทุนสำรองในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เดิมไม่เกิน 10.92% เป็น 12.28% ด้านความมั่นคง การเมืองโลก ภูมิรัฐศาสตร์ จีนผงาดเป็น 1 ในมหาอำนาจของโลกคู่กับสหรัฐอเมริกา

ที่ตนติดตาม จีนเร่งสร้างพันธมิตรทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคงและวัฒนธรรม ด้านภูมิรัฐศาสตร์ฝั่งสหรัฐฯ มีอียู สหภาพยุโรป 27 ประเทศ กลุ่มนาโต้ 26 ประเทศ กลุ่มจี7 และปี 2019 มีกลุ่ม THE QUAD กลุ่มแนฟตา ต่อมาเป็น USMCA และปี 2022 คือ

กลุ่มอินโด-แปซิฟิก และฝั่งจีน มีการรวมกลุ่ม เช่น กลุ่ม SCO (Shanghai Cooperation Organization) 7 ประเทศ และกลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่ม BRICS รวมกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา (จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ บราซิลและรัสเซีย) ไม่กี่วันมานี้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เสนอในกลุ่ม BRICS ว่าอยากขยายจำนวนสมาชิก

นอกจากนี้ มี RCEP ที่เป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สมาชิก 15 ประเทศ 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก ประชากร 1 ใน 3 ของโลก ทั้งสองขั้วทวีความสำคัญขึ้น ล่าสุด การประชุมที่โป๋อ่าว จีนเสนอโครงการความมั่นคงโลกให้ทุกประเทศร่วมแสวงหาความมั่นคงรูปแบบใหม่เน้นการเจรจามากกว่าการเผชิญหน้า ร่วมกันสกัดกั้นอาวุธทำลายล้างสูง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยกับจีน มีสัมพันธ์หลายมิติทั้งการทูตการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เป็นต้น สถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต 48 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 ในระดับพรรคการเมืองก็มีการแลกเปลี่ยนการเยือนหลายครั้ง

ด้านเศรษฐกิจการค้า จีนเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย 11 ปีต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2556 เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยรองจากสหรัฐฯ และช่วงที่ผ่านมา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนได้คิดค้นนวัตกรรมทางการค้าอันใหม่เกิดขึ้น คือ การทำ mini-FTA เพราะ FTA ปกติใช้เวลานาน

ตนจึงคิดข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย วันนี้มี mini-FTA 7 ฉบับแล้ว โดย 3 ใน 7 ฉบับ เป็นการทำกับจีน เรามีกับไห่หนาน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดของจีน และกับมณฑลกานซู่ เพราะมีมุสลิมเยอะจะเป็นตลาดสินค้าฮาลาลของไทย ล่าสุด เดือน มี.ค. 2566 เราทำ mini-FTA กับกับเซินเจิ้น โดยตั้งเป้า 2 ปีแรกจะทำมูลค่าค้าขายระหว่างกัน 10,000 ล้านบาท และเร็วๆนี้ จะทำเพิ่มกับมณฑลยูนนานจะเป็นอีกตลาดที่สำคัญต่อไป

ด้านการลงทุน ปี 2565 ที่ผ่านมา จีนมาขอ BOI กับไทย ถึง 7.7 หมื่นล้านบาท มากที่สุดในโลก เพิ่มจากปี 64 ถึง 108% ด้านการท่องเที่ยว ปี 65 นัดท่องเที่ยวจีนมาไทย 270,000 คน ปีนี้คาดว่ามีจำนวนถึง 4.25 ล้านคน โดยไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศของโลกที่จีนอนุญาตให้จัดกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวได้

“และประเด็นที่ท้าทาย คือ ท่ามกลางความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยจะรอดได้อย่างไร เราต้องให้คำตอบไว้ในใจ ล่วงหน้าว่าระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจ อะไรคือจุดสมดุล ให้เรายืนหยัดได้อย่างสง่างามในเวทีโลกต่อไป ตนมีคำตอบว่า วันนี้ประเทศไทยของเรายืนอยู่บนจุดที่ถูกต้อง เป็นมิตรกับทุกฝ่าย แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ไม่เป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ภาษา เศรษฐกิจและอื่นๆ ให้เราเป็นเพื่อนกับโลกทั้งใบได้ เพราะเราเดินมาถูกทาง จึงสามารถมีส่วนร่วมกับกลุ่มสำคัญทั้งการเมืองเศรษฐกิจของโลก

ที่สำคัญความสัมพันธ์ในอาเซียนที่เราต้องไม่ทิ้งกันอยู่ด้วยกัน และเราต้องดูแลประโยชน์สูงสุดกับประเทศเรา ท่ามกลางความขัดแย้ง อย่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด รักษาความเป็นเราไว้ รักษาจุดสมดุลที่อดีตเคยให้ไว้กับเรา เพื่อประโยชน์สูงสุดของความเป็นเราต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว

Written By
More from pp
นายกฯ ชื่นชมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” ร.ร.ศรีแสงธรรม และศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ โคก หนอง นา วัดป่าศรีแสงธรรม จ.อุบลราชธานี แนะขยายการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ควบคู่การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
15 ต.ค.64  เวลา 10.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทน “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” ณ...
Read More
0 replies on ““จุรินทร์” เปิดหลักสูตรสายสัมพันธ์ไทย-จีน ชี้! ไทยยืนอยู่บนจุดสมดุลระหว่างขั้วมหาอำนาจแล้ว อย่าเขว อย่าเป็นเครื่องมือใคร”