ความรักของ ‘พิธา’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

น่าตื่นเต้นครับ

พรรคก้าวไกลกำลังแสดงพลัง เป็นพลังที่ประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศตามที่หาเสียงไว้

ช่วงรอยต่อจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านนี้ ก้าวไกล นำนโยบายออกมาตกเขียวหลายนโยบาย

ที่เด่นๆ และมีการจัดกิจกรรมรองรับคือ สุราเสรี และ สมรสเท่าเทียม ที่มีความหมายไม่ต่าง แต่งงานเสรี

สมรสเท่าเทียม สร้างความนิยมให้ก้าวไกลมากทีเดียว กลุ่ม LGBTQ เป็นฐานคะแนนหลักที่เลือกก้าวไกล ซึ่งกลุ่มนี้น้อยมากที่จะเลือกพรรคการเมืองอื่น

แต่เข้าใจได้ครับ ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองที่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองได้เท่านั้น นี่เป็นสูตรตายตัวในการเลือกตั้งทั่วโลก

LGBTQ ความหลากหลายทางเพศ เป็นเรื่องของความรัก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยืนยันว่ากฎหมาย สมรสเท่าเทียม จะผ่านสภาบังคับใช้ได้ทันทีใน ๑๐๐ วัน หลังรัฐบาลเข้ารับตำแหน่ง

ก็ไม่มีอะไรขัดข้อง เป็นการเปลี่ยนประเทศตามที่สัญญาไว้จริง

มีบางเรื่องที่ต้องตระหนักให้มาก การยอมรับ LGBTQ คือเรื่องที่ต้องอยู่ในสำนึก ไม่ต่างกรณีสีผิว หรือการนับถือศาสนา

แต่ไม่ควรสนับสนุนให้เกิดสังคม LGBTQ อย่างไม่มีขอบเขต

อย่าให้เกิดภาพว่า LGBTQ เป็นแฟชั่น หรือเป็นตามๆ กันไป อย่างเช่นที่เคยมีการวิจารณ์ละครหลังข่าว ที่เด็กๆ ลอกเลียนแบบความหลากหลายทางเพศ

เพราะวันข้างหน้าจะมีผลต่อจำนวนพลเมือง และการพัฒนาประเทศ

กรณี “สุราเสรี” หลายคนคงจะเริ่มกุมขมับแล้ว นักการเมืองพูดเรื่องเสรีการผลิตเหล้า เพื่อทำลายทุนผูกขาด แต่สิ่งที่จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้คือ เท่ากับสนับสนุนให้คนไทยร่ำสุรา

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันตรายและเป็นสาเหตุให้เกิดโรคในประชากร ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนามากกว่า ๖๐ โรค

อาทิ โรคตับแข็ง โรคติดต่อที่สำคัญ เช่น โรคเอดส์ วัณโรค

รวมทั้งโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ

คนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับที่ ๔๐ ของโลก

โดยเฉพาะเหล้ากลั่น ดื่มมากเป็นอันดับ ๕ ของโลก

เฉลี่ยดื่มคนละ ๕๘ ลิตรต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ๙ เท่าตัว

แอลกอฮอล์เป็นต้นเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึงร้อยละ ๙๐ โดยมีผู้เสียชีวิตร่วม ๓ หมื่นคนต่อปี ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละไม่ต่ำกว่า ๑.๕ แสนล้านบาท

นโยบายก้าวไกลแค่ให้ผลิตเหล้า ผลิตเบียร์ เปลี่ยนมือ

แต่ก้าวไกลไม่หันกลับมาดูปัญหาสังคมที่เกิดจากการใช้นโยบายสุราเสรีบ้างเลยหรือ

“สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ” มีไว้เพื่อท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองอย่างนั้นหรือ

ก้าวไกลไม่ถามคนไม่กินเหล้าบ้างเลยหรือว่า อยากได้นโยบายนี้หรือเปล่า

สุราเสรี คือทางออกเดียวของการกำจัดทุนจริงหรือ

พูดเรื่องทุน มีอีกทุนที่น่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องกับนโยบายของพรรคก้าวไกลด้วย

“แรงงานทุกกลุ่มตั้งสหภาพได้” นโยบายนี้ทำให้พรรคก้าวไกลหล่อขึ้นเยอะครับ

นโยบายด้านแรงงานของพรรคก้าวไกล มีความก้าวหน้ามากทีเดียว เพราะให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงานอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ก้าวไกลให้เหตุผลว่า ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน แรงงานกว่า ๓๙ ล้านคนทั่วประเทศทุกอาชีพ กำลังเผชิญความท้าทายหรือความไม่เป็นธรรมหลายประการ เช่น ค่าแรงที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ สถานภาพการจ้างงานที่ไม่มั่นคง การกำหนดค่าตอบแทนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน การทำงานเกินวันเวลาโดยไม่มีค่าชดเชย หรือสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่อันตราย

ข้อเสนอของก้าวไกลคือ รับรองให้แรงงานสามารถรวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานได้ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่แบ่งสถานที่ทำงาน

ว่ากันตามตรงครับ สภาพแรงงานคือสิ่งที่นายจ้างกลัวที่สุด

เพราะทำให้ลูกจ้างมีพลังต่อรองกับนายจ้างได้

นายจ้างอย่าง “ไทยซัมมิท” ก็เคยเจอปัญหานี้มาแล้ว

ย้อนไปดู ๑๖ ปีแห่งความหลังกันครับ

เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เวลาประมาณ ๑๐.๓๐ น. สมาชิกสหภาพแรงงานฟอร์ดและมาสด้า ประเทศไทย และ สมาชิกสหภาพแรงงานภาคตะวันออก จำนวนกว่า ๕๐ คน เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาพนักงานบริษัท ไทยซัมมิท อีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด จำนวน ๒๖๐ คน ซึ่งถูกสั่งเลิกจ้างงานตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ เพราะได้ไปสมัครเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานฟอร์ดและมาสด้า ประเทศไทย เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ลูกจ้างมีอำนาจต่อรองกับบริษัทมากขึ้นหากมีสหภาพแรงงาน

นอกจากนี้ กลุ่มผู้เรียกร้องยังได้ชี้แจงปัญหาการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายแรงงาน, นายจ้างไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม, การเลิกจ้าง, การกดดันให้พนักงานลาออก, การทำลายการรวมตัวของคนงาน ฯลฯ

ซึ่งกรณีต่างๆ นั้น สหภาพแรงงานฯ ได้เรียกร้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นายอำเภอปลวกแดง, ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง, อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน, สหพันธ์แรงงาน ยานยนต์ แห่งประเทศไทย ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานดังกล่าว

สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท ไทยซัมมิท อีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโตพาร์ท อินดัสตรี มาเปิดเผย พบว่า บริษัท ไทยซัมมิท อีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด จดทะเบียนวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ทุน ๑๐๐ ล้านบาท

๑๖ มีนาคม ๒๕๔๗ เพิ่มเป็น ๒๐๐ ล้านบาท

๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ เพิ่มเป็น ๗๐๐ ล้านบาท

และ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๐ ลดทุนเหลือ ๖๐๐ ล้านบาท

บริษัทนี้ ประกอบธุรกิจ ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์ และเครื่องยนต์

ณ วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๐ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือ ๔.๒ ล้านหุ้น คิดเป็น ๗๐%

น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนละ ๖ แสนหุ้น หรือคนละ ๑๐%

เป็นไงครับ นโยบายด้านแรงงานของพรรคก้าวไกล น่าตื่นเต้นหรือเปล่า

เชื่อเถอะครับนโยบายนี้หากก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะอยู่แค่ในอดีต เพราะ “ทุน” ส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย

การให้ลูกจ้างตั้งสหภาพ นายทุน กลัวกว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นร้อยเป็นพันเท่า

นายทุนในนั้นรวมถึงไทยซัมมิทด้วย

แต่หาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บอกว่าไม่กลัว ไปกระซิบกับ “พิธา” เลยครับ

ไทยซัมมิทจะนำร่องให้พนักงานตั้งสหภาพฯ และจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก่อนรัฐบาลพิธาจะเข้าบริหารประเทศ

ทำด้วยความรักครับ

เหมือนมุมมอง “พิธา” ที่มีต่อ LGBTQ

ประเทศต้องเคลื่อนด้วย “ความรัก” ไม่ใช่ “ความกลัว”

0 replies on “ความรักของ ‘พิธา’ – ผักกาดหอม”