เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิด 5 คุณสมบัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เหมาะสมจะก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ดังนี้
คุณสมบัติที่ 1 การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศตามวิถีประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน มีความสง่างามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่า
“ถ้าผมไม่มีชื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าประชาชนเลือกผมด้วย ไม่ใช่กาบัตรเลือกคนอื่น แล้วผมเป็นแค่ผลพลอยได้ ผมจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผมมั่นใจว่า คะแนนที่ได้มานั้น ประชาชนเลือกผม”
คุณสมบัติที่ 2 การเป็นมือประสาน 10 ทิศ สามารถทำงานกับฝ่ายการเมืองได้กับทุกพรรค ทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดการประสานการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 ดังปรากฎในผลโพล ที่ประชาชนต่างยกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดการแบ่งสี แบ่งขั้ว
คุณสมบัติที่ 3 สามารถทำงานกับข้าราชการ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันบ่อยครั้งอย่างเป็นกันเอง
คุณสมบัติที่ 4 การเป็นผู้มากบารมี สามารถเชื้อเชิญบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ให้มาร่วมกันแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าโดยไม่สะดุด หรือไร้รอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเห็นได้จากดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ซึ่งล้วนเป็นกูรูเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของประเทศ
และคุณสมบัติที่ 5 พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกลางคัน ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และเกิดความเชื่อมั่นทั้งประชาชนคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ
“พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าท่านจะเดินช้า แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของท่าน ได้ลงพื้นที่ไป 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกเรื่อง หวังให้ประชาชนพ้นจากความยากจนและคลายทุกข์ลงได้ ทั้งปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และปัญหาปากท้อง
เช่นเดียวกับครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยสมอง สองมือ และประสบการณ์ที่มีของตัวท่านเอง ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข และประชาชนอยู่ดีกินดี ขอเพียงพี่น้องประชาชนเปิดใจเลือก พล.อ.ประวิตร และเลือกพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทลายปัญหาความขัดแย้ง และนำพาประเทศไทยก้าวข้ามความยากจนไปได้อย่างยั่งยืน” นายชาญกฤช กล่าว
โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ขอให้คนไทยใช้โอกาสการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการเลือกผู้นำประเทศและผู้แทนฯ ของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า พร้อมเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้
และหากพรรคพลังประชารัฐคือคำตอบ โปรดอย่าลังเลที่จะเลือกหมายเลข 37 บนบัตรเลือกตั้งสีเขียว และเลือกผู้สมัครฯ ของพรรคทั่วประเทศ ผ่านบัตรเลือกตั้งสีม่วง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน