‘เศรษฐา’ ติดกับดักเพื่อไทย – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แทนที่นักการเมืองบางคนจะทำให้ประชาชนจดจำว่าพรรคที่ตัวเองสังกัดมีนโยบายอะไรบ้าง

กลับพูดย้อนอดีต จนอดีตตามหลอนกันหลายคน

หนึ่งในนั้นคือ พ่อค้าขายบ้านคิดจะเป็นผู้นำประเทศ

เรื่องราวดูจะบานปลาย เพราะยิ่งพูด ลิ้นยิ่งพัน จนยากจะแกะออก สุดท้ายอาจต้องตัดลิ้นทิ้ง

“เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ ให้พรรคเพื่อไทย

กลับกัน กลายเป็นคนสร้างความขัดแย้งระหว่างขั้วการเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก

คำปราศรัยที่มีปัญหาคือ เลือกภูมิใจไทยได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ มองเผินๆ ไม่มีอะไร แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยยืนกรานว่าตัวเองได้รับความเสียหาย มันก็ต้องมีคนตัดสิน

เพราะเป็นเรื่องข้อเท็จจริง

ตัวบทกฎหมายที่พูดถึงเรื่องนี้ก็มีอยู่

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๗๓ ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

(๕) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

คำพูดของ “เศรษฐา” ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หรือเปล่า

ประเด็นนี้ต่างกันสิ้นเชิงกับการปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยเคยสนับสนุนรัฐบาลคอร์รัปชัน รัฐมนตรีติดคุก นายกฯ หนีนะครับ

เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจริง

มิได้ใส่ร้ายด้วยความเท็จ

หรือจูงใจให้เข้าใจผิด

มีคำพิพากษาศาลถึงที่สุดแล้วว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีตมีการคอร์รัปชัน

แต่การบอกว่า เลือกภูมิใจไทยได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ เป็นการโจมตีทางการเมือง

และเมื่อย้อนอดีต จะพบว่าประเด็นเดียวกันนี้ หากพรรคตรงข้ามนำมาโจมตีพรรคเพื่อไทย ก็กลับกลายว่าเป็นเรื่องจริง

เพราะหลังเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ พรรคเพื่อไทยร่วมเสนอชื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ฉะนั้นหากวันนี้ พรรคการเมืองตรงข้ามพรรคเพื่อไทยไปปราศรัยว่า ให้ระวัง เลือกเพื่อไทย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อาจได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในอดีตเพื่อไทยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาแล้ว จะว่าเขาปราศรัยโจมตีโดยไม่มีมูลคงไม่ได้

มาทวนความจำกันหน่อยครับ

วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ “เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” ขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวในนามตัวแทน ๗ พรรคร่วมขั้วการเมือง

ถ้อยแถลงปรากฏดังนี้

…พรรคเพื่อไทยและ ๖ พรรคร่วมอุดมการณ์ ลงมติเสนอชื่อ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (๕ มิถุนายน)…

ที่น่าประหลาดใจคือ “ภูมิธรรม” อ้างว่าที่ไม่เสนอชื่อ “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” หรือ “ชัยเกษม นิติสิริ” ตามบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อรักษาแนวร่วม ๗ พรรคการเมืองไว้ เพื่อเป็นพลังทางการเมืองต่อสู้กับกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมในบ้านเมือง

งงมั้ยครับ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย จะทำให้ ๗ พรรคที่ต่อมาเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านแตกคอกันอย่างนั้นหรือ

มีเหตุอะไรให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งลำดับที่ ๑ ได้ ส.ส. ๑๓๗ คน ยอมยกเก้าอี้้นายกรัฐมนตรีให้พรรคที่ได้ ส.ส. ๘๑ คน

จะว่าเป็นเรื่องภาพลักษณ์ “ธนาธร” ที่มักแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขน เหน็บปากกา ๓ ด้าม ก็สื่อถึงความเป็นคนตั้งใจทำงาน มากกว่า “สุดารัตน์-ชัชชาติ-ชัยเกษม” มันก็ไม่ใช่

หรือเป็นเพราะก่อนนั้น “ธนาธร” ไปให้สัมภาษณ์ว่าจะคืนความเป็นธรรมให้ “ทักษิณ”

และพา “ทักษิณ” กลับมา

คลิปให้สัมภาษณ์เกิดขึ้นต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน

…คดีคุณทักษิณ มันชัดเจนว่าคดีอาญาที่ฟ้องคุณทักษิณทำขึ้นในรัฐบาลทหาร เราจึงขอเสนอว่า เราต้องคืนความยุติธรรมให้เขา เอาทักษิณกลับมา นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เขาต้องรับผลที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าเป็นทางออกเดียว ผู้นำของทั้งสองฝั่งต้องรับผิดชอบ…

…รื้อคดีต่างๆ พิจารณาคดีต่างๆ ใหม่ และผู้พิพากษาต้องเป็นกลาง ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่เราเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดคุณทักษิณ เขามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีภายใต้กระบวนการและศาลที่เป็นธรรม ผมเชื่ออย่างนั้น…

เป็นเพราะ “ทักษิณ” เห็นโอกาสกลับไทย จากการหยิบยื่นของ “ธนาธร” หรือเปล่า

แต่ก็มีอีกประเด็นที่พูดกันมากในขณะนั้น พรรคเพื่อไทยยอมลดเงื่อนไขตัวเอง ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ได้เป็นรัฐบาล

ขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นตัวแปรสำคัญ

มีการพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ ถึงท่าทีในการร่วมรัฐบาล เนื่องจาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศว่า ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ

พรรคเพื่อไทยเปิดแขนรับอ้าซ่า ยอมไม่ส่งแคนดิเดตพรรคตัวเองชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์สะดวกใจที่จะร่วมรัฐบาล

ณ วันนั้น พรรคเพื่อไทยยอมหมด ไม่ว่า “อนุทิน” หรือ “ธนาธร” ยอมสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่…อีกขั้วการเมืองเขาไม่ยอมปล่อยมือกัน

ที่ประชุมรัฐบาลมีมติเลือก “พี่ตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีไปด้วยคะแนนเสียง ๕๐๐ เสียง

“ธนาธร” ได้ไป ๒๔๔ เสียง

ก็เป็นอันจบโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมือง

“เลือกเพื่อไทย ชูธนาธรเป็นนายกฯ”

Written By
More from pp
RP เตรียมแผนรับมือโควิด-19 ลดค่าใช้จ่าย บริหารต้นทุน เพิ่มโอกาสธุรกิจสู่ New Normal ด้านผลประกอบการ Q1/63 รายได้รวม 174.30 ล้านบาท
ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) เผยแผนรับมือโควิด-19 ลดค่าใช้จ่าย บริหารต้นทุนประสิทธิภาพสูง พร้อมเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ดันผลประกอบการ Q1/63 รายได้รวม 174.30...
Read More
0 replies on “‘เศรษฐา’ ติดกับดักเพื่อไทย – ผักกาดหอม”