คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
แล้ว “เมษา.” ก็สิ้นไป!
ช่วงเวลา ๑๔ วันนับจากนี้ เป็นช่วงของการ “ปล่อยของ”
ฉะนั้น ก่อนถึงวันเลือกตั้ง “๑๔ พฤษภา.”
พรรคไหน-ใคร มีทีเด็ดอะไร ทั้ง “วิชาเทพ-วิชามาร” ก็งัดออกมาสู้กันให้หมด เพื่อชิง “เก้าอี้ทองคำ” ในตำแหน่งรัฐบาล
บางคน-บางพวก มองไกลไปถึงว่า
เลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา. “เดิมพัน” ไม่ใช่พรรคไหนจะได้สส.เข้าสภาไปเป็นฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านเท่านั้น
แต่ไปถึงขั้น จะคงระบบราชอาณาจักรไทยเป็นหนึ่งเดียว ผู้ใดจะแบ่งแยกไม่ได้ ให้ดำรงอยู่ภายใต้ระบอบ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ไว้เหมือนเดิม
หรือ……..
จะเปลี่ยนระบบประเทศจาก “ราชอาณาจักรไทย” ไปเป็นระบบ “สาธารณรัฐ” ซอยแผ่นดินประเทศ แบ่งกันไปครอง
ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมี “ประธานาธิบดี” เป็นประมุข?
นี่…..
มีคนและพรรคการเมืองบางพรรค เหิมเกริมเป็นกระบวนการ อันมี “อำนาจนอกชาติ” หนุนหลัง
ตอนนี้ เขาไปกันถึงขั้นนี้แล้ว!
เงื่อนไขที่บางพรรคต้องการ “เปลี่ยนระบบ-ระบอบประเทศ” ยกสิทธิในแผ่นดิน “จิ้มก้อง” ตะวันตก ให้เข้ามาเป็น “เจ้าเข้าครอง” ประเทศ
นั่นก็เพราะ………
อสัตย์ชาติกลุ่มนี้ จะได้แบ่งแผ่นดิน “เหนือ-ใต้-อีสาน” ไปปกครองกันเอง ใต้ระบบ-ระบอบ “ประธานาธิบดี” หมุนเวียน
ซึ่ง “จักรวรรดิอำนาจตะวันตก” การันตี
จะคุ้มกันให้พวกอสัตย์ชาติได้แผ่นดินแบ่งกันครอง ในระบบ “สาธารณรัฐ” มีประธานาธิบดีเป็นศูนย์กลางอำนาจสืบต่อกันในกลุ่มไปเรื่อยๆ
พวกองค์กรต่างชาติ มันสำรวจพฤติกรรมคนไทยไว้แล้ว
ว่าคนไทย บูชาฝรั่ง หลอกง่าย เชื่อง่าย
ฉะนั้น ไม่ต้องต้องแคร์ประชาชน เพราะคนไทย ทักษิณบอกแล้ว และใช้ได้ผลมาแล้ว
ว่าคนไทยเป็นพวก “ตาบอดไม่กลัวเสือ”!
ดังนั้น มองไม่เห็นหรอกว่า “สิ้นชาติ” คืออะไร?
ทั้งคนไทยไม่ชอบคิดมาก-คิดยาว ส่วนใหญ่จะมองกันว่า ประเทศชาติ “ไม่มีเจ้าของ” มือใครยาว-สาวได้สาวเอา
ด้วยทัศนคตินั้น…….
ประโยชน์เฉพาะตัวที่จะได้ ใครยื่นให้ คนไทยระดับหนึ่งจะ “เอาไว้ก่อน”
ส่วนชาติบ้านเมืองจะเป็นยังไง?
เขาบอก “ปัจจุบันเป็นเรื่องข้า-อนาคตเป็นเรื่องเอ็ง”!
เขาจึงตีโจทย์นี้ออกมาเป็นทฤษฎีว่า เรื่องอนาคตชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องของ “คนรุ่นใหม่” เป็นผู้กำหนด
ส่วน “คนรุ่นเก่า” นับวันจะเป็นภาระทางสังคมให้คนรุ่นใหม่ต้องเลี้ยงดู
ดังนั้น เขาจึงสร้างทัศนคติให้คนรุ่นใหม่ “กำหนดค่า “รุ่นพ่อ-แม่เป็น” ส่วนเกิน”
ไม่ต้องเคารพนับถือเป็นปู่,ย่า,ตา,ยาย,พ่อ,แม่ กระทั่ง ครู-อาจารย์ เราเสียเงินจ้างเขา ไม่ใช่สอนฟรี จึงไม่มีบุญคุณอะไรต่อกัน
แม้กระทั่ง “พระ-วัด” ก็เถอะ เขาสอนว่า เป็นส่วนเปลืองทรัพยากรชาติและการบวชพระไม่ต่างการเกณฑ์ทหาร
ทำให้ “สูญเสียทรัพยากรบุคคล” ในตลาดงาน!
นี่………
“คนเทศ” เขาสร้างทฤษฎีในนิยาม “สังคมไทยในอนาคต” ฝังชิพไว้ในหัวกะโหลกลูกหลานเราๆ ท่านๆ ในภาพ “คนรุ่นใหม่” ไว้อย่างนี้
และเขากำลังใช้ทฤษฎีนี้……
เป็น “กลยุทธ์-กลวิธี” ปั่นหัว “แตกคนไทย” ออกเป็นส่วนๆ แล้วเข้าครอบงำใช้เป็นเครื่องมือ “แตกสังคมชาติ-สังคมครอบครัว” ที่พ่อ-แม่ต้องปวดหัวกับพฤติกรรมลูกๆ ดังปัจจุบัน
ผมถือ “หุ้นประเทศไทย” อยู่ ๑ หุ้น
เท่ากับคนไทย ๖๐ กว่าล้านคน จึงขอให้สิทธินี้
ให้ “ข้อสังเกต” กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ๕๒ ล้านคน ว่า
ขอให้คิดกันดีๆ ตรองกันดีๆ ก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้ง
“เอาเงิน” ก็ไม่ว่ากัน
ถือเป็น “น้ำจิ้มประชาธิปไตย” เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน
แต่ขอให้คำนึง ว่าเรื่องส่วนตัวนั้น…..
มันมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง “ชาติบ้านเมืองไทย” ถึงขั้นว่า “จะล่มสลาย” หรือ “ดำรงอยู่”
ที่พวกเรา “คนไทยทุกคน”
รวมทั้งลูกหลานเราในอนาคต จะต้องเป็น “ผู้รับผล” จากการตัดสินใจครั้งนี้โดยตรง!
ผมก็บอกได้เท่านี้ ไม่ได้บอกตามตำรา ตามทฤษฎี แต่บอกจาก “ประสบการณ์”
จากที่เคยเห็นสหรัฐฯ เข้ามาตั้งสำนักงานปั่นข่าวให้คนไทย “เกลียด-กลัว” คอมมิวนิสต์ เมื่อก่อนปี ๒๕๐๐ โน่นแล้ว
ผลลงท้าย คอมมิวนิสต์ไม่ได้ย่ำยีประเทศไทย
“สหรัฐ-ตะวันตก” นั่นแหละ
ใช้ความกลัวคอมมิวนิสต์จากที่ปั่นหัวคนไทยไว้ เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานทำสงคราม ไทยตกหลุมพรางต้องเป็นศัตรูรบกับเพื่อนบ้านตามสหรัฐฯ ไปด้วย
ลงท้าย “แพ้” ไอ้กันเปิดตูดแน่บ หนีกลับประเทศ
ทิ้งไทย “มหามิตร” ให้เป็น “มหาโจร” ในหมู่เพื่อนเดียวดาย
เพราะ “พระมหากษัตริย์” ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของเรานั่นแหละ ประเทศชาติจึงรอดวิกฤติในภาวะที่นักการเมือง “ไม่มีปัญญาแก้” ได้ในครั้งนั้น
แล้วเด็กวันนี้ หาได้มีสำนึกไม่ นั่นก็ไม่ว่าอะไร เพราะไม่มีในตำราให้เรียนชนิดลงลึก
แต่ไอ้พวกผู้ใหญ่บางตัวในแก๊งนี่ซี เป็นถึงอธิการบดี คณะบดี อาจาน-อาจม ควรต้องรู้ แต่ถึงรู้ มันก็ทำเป็นไม่รู้
เพราะพวกมัน ไม่ต่าง “หมาเห็นขี้”
“ชาติหมา” มีมั้ยที่ไม่กินขี้ ยิ่งขี้ฝรั่ง หมาไทยพันธุ์นี้มันชอบ ชื่นชมว่าหอมปานชีสเค้ก!
ชาติตะวันตกมันใช้เล่ห์นี้แหละ เป็นเหยื่อล่อพวกอสัตย์ชาติใน “ประเทศด้อยพัฒนา” ให้ “แตกชาติ-แตกสามัคคี” มานักต่อนักแล้ว
เมื่อเกิดเป็นเงื่อนไข
มันก็ใช้เป็นข้ออ้าง “เสือกหัว” เข้ามาในบทบาท “ความปรารถนาดีของจิ้งจอก” ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้ามาทั้งตัว
และชี้นิ้วสั่งการผ่านรัฐบาลและประธานาธิบดี “ขี้ข้า” ภายใต้ตราประทับ CFR!
ฝรั่งมันประทับตราคนไทยเช่นนี้ จะว่าไป ก็ไม่ผิดนักหรอก
ถ้าผิด
พรรค “โกงทั้งโคตร” ที่เห็นๆ คนไทยจะเลือกเข้าไปเป็นสส.เป็นรัฐบาลได้อย่างไรซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า?
แล้วพรรค Hyperloop ที่ปลิ้นปล้อน พูดจาโกหกหลอกลวงสังคมมาตลอด
จนกระทั่งวันนี้ สื่อทั้งโซเชียล ทั้งหนังสือพิมพ์ ใช้คำว่า “พิธาคิโอ” ชนิดล่อนจ้อน
พวกกอดไอ้จ้อนเป็นสรณะรุ่นใหม่ก็ยังไม่ยอมปล่อย!
จึงเป็นสัญญานที่ต้อง “เตือนสติ” กัน
ประเทศไทยวันนี้ พ้นจากคำว่า “ประเทศด้อยพัฒนา” ไปสู่ระดับ “ประเทศกำลังพัฒนา” ที่ใกล้จะเป็นประเทศ “พัฒนาแล้ว”
แต่พัฒนาแค่วัตถุ
ส่วน “คน” ไม่พัฒนา มันจะมีประโยชน์อะไร และในความเป็นจริง ถ้าทรัพยกรบุคคลไม่พัฒนาทั้งความรู้ ทั้งคุณสมบัติความเป็นคนไปพร้อมๆ กัน
อย่าหวังจะเป็นประเทศ “พัฒนาแล้ว” ได้
จะเป็นได้ก็เพียง “ประเทศใต้อาณัติ” ของชาติที่พัฒนาแล้วเท่านั้น!
ถ้าถามว่า สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มีโอกาสจะเกิดขึ้นมั้ย?
ตอบได้เลย NO!
ถ้าจะให้อธิบายถึงเหตุผล บอกตรงๆ “ขี้เกียจ”
รอพิสูจน์ “สังคมจริง” วันที่ ๑๔ พฤษภา.หลังปิดหีบดีกว่า
“รวมไทยสร้างชาติ “ของพลเอกประยุทธ์น่ะ
“คะแนนเขต” ไม่ชนะได้สส.เป็นที่ ๑ หรอก
แต่ “คะแนนพรรค”
คนจะเลือกพลเอกประยุทธ์ เบอร์ ๒๒ พรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสมาเป็นที่ ๑
ภายใต้ข้อแม้ “แฟนลุงตู่” ต้องออกไป X เบอร์ ๒๒ กันให้ถึง ๘-๑๐ ล้านคน!
เปลว สีเงิน
๒๙ เมษายน ๒๕๖๖