นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงนโยบายด้านการเกษตร ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับเกษตรกรทุกกลุ่ม มีนโยบายด้านการเกษตรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ
จากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาปุ๋ยขยับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าปัจจุบัน ปัญหาราคาปุ๋ยแพงจะคลี่คลายลงบ้าง จากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกที่เริ่มทยอยปรับลดลง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรเกิดความไม่มั่นใจ และเป็นห่วงว่าราคาปุ๋ยเคมีที่แพงและผันผวนมาก จะกระทบต่อต้นทุนการเพาะปลูก รวมถึงรายได้ของเกษตรกรอาจไม่เพียงพอต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
ที่สำคัญ ปีนี้ มีแนวโน้มว่า สถานการณ์ “ผลผลิตเกษตร” ของโลกลดลง จากปัญหา “ร้อน-แล้ง” และยังมีความ “ต้องการ” เพิ่มขึ้น ฉะนั้น เกษตรกรไทยจึงควรทำให้พืชผลทางการเกษตรมีศักยภาพในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลให้เกษตรกรมีต้นทุนการเพาะปลูกที่ต่ำ อีกทั้ง จำหน่ายผลผลิตเกษตรให้ได้ในราคาสูง
ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ออกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ทำให้สามารถซื้อปุ๋ยได้ในราคาถูก เนื่องจากรัฐบาลจะช่วยอุดหนุน 50 % พร้อมกับจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ซึ่งจะครอบคลุมเกษตรกร จำนวน 8 ล้านครัวเรือน เพื่อลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน
พร้อมฝากประชาชน พิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน