เวทีหนองคาย-อุดร พิธาเปิดวิสัยทัศน์ ‘อีสาน 2574’ ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ – ปิยบุตรชูก้าวไกลพร้อมทำเรื่องยาก ตรงไปตรงมา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก 

17 เมษายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และ นายิกา ศรีเนียน หรือ ‘แคนแคน’ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยแนะนำผู้สมัครและนโยบายพรรคก้าวไกล ที่ จ.หนองคาย

โดยช่วงเช้าได้เปิดเวทีที่หน้าวัดหายโศก ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย หาเสียงให้ อภิญญา บุญจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 1

ส่วนช่วงบ่ายเปิดเวทีที่วัดหนองคอน ต.โพนแพง อ.รัตนวาปี หาเสียงให้ แสวง ราชพลแสน ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2  โดยทั้งสองเวทีต่างได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง

พิธากล่าวว่า พรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมากขึ้น นั่นเป็นเพราะเราเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ นโยบายไม่ได้มีแต่สำหรับคนรุ่นใหม่ แต่มีนโยบายเพื่อคนรุ่นใหญ่ด้วย ทั้งรัฐสวัสดิการ เบี้ยผู้สูงอายุ ฯลฯ

นอกจากนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะติดดิน ป้ายหาเสียงอาจจะน้อยไปหน่อย และเป็นพรรคที่ไม่มีเครือข่ายหัวคะแนน แต่เวลามีปัญหา ประชาชนเข้าถึงเราได้ทันที ไม่ต้องผ่านใคร ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลคือนักการเมืองสายเลือดใหม่ ที่ไม่ใช่นักการเมืองหน้าเก่าในขวดใหม่หรือลูกหลานของใคร ประชาชนคนธรรมดาก็มาเป็น ส.ส. ได้ และเราพร้อมต่อสู้ร่วมกับประชาชนเสมอ พรรคก้าวไกลคือความ ‘ตรงไปตรงมา’ เป็นคุณค่าที่ประชาชนต้องการ เราคือความตรงไปตรงมาทางการเมือง เศรษฐกิจ และอนาคต

สำหรับภาคอีสานนั้น สิ่งที่เรามองเห็นตลอดเวลาที่ผ่านมา คือทั้งสภาฯ มี ส.ส.อีสานถึง 132 คน จาก 500 คน หรือ 1 ใน 3 ของรัฐสภา แต่คำถามคือทำไมอีสานยังเจ็บยังจน มีแหล่งน้ำมากมายแต่ทำไมยังแล้งซ้ำซาก นั่นแปลว่าระบบการเมืองและความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยมีปัญหาแน่นอน

พรรคก้าวไกลจึงเสนอว่าประชาชนทุกคน รวมทั้งที่ภาคอีสานแห่งนี้ ต้องได้เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง แก้ปัญหาด้วยมือของประชาชนเอง และหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะทำประชามติทันที ถามประชาชนว่าเห็นชอบหรือไม่ ให้มีการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และโอนถ่ายอำนาจการบริหารจังหวัดไปสู่ท้องถิ่นในทุกจังหวัดภายใน 5 ปี

พิธายังกล่าวต่อไปว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พรรคก้าวไกลเคยนั่งคิดว่าจะแก้คำสาปห้ามพัฒนา หยุดการแช่แข็งภาคอีสานได้อย่างไร จนนำมาสู่วิสัยทัศน์ ‘อีสาน 2574’ ของพรรคก้าวไกล ที่มีเป้าหมายในการทำให้ภาคอีสานหายเจ็บหายจนภายใน 10 ปี แก้ปัญหาที่ที่ผ่านมาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สิน การสาธารณสุข และตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกอย่างของภาคอีสาน ตามหลังประเทศไทยในภาพรวมกว่า 2 เท่าเสมอ

อย่างเช่นที่จังหวัดหนองคายนี้ เป็นจังหวัดที่เน้นเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นได้เพียง ‘การค้าผ่านแดน’ ไม่ใช่ ‘การค้าชายแดน’ เป็นเพียงทางผ่านของสินค้าจากต่างประเทศที่จะไปที่ลาว มาลงแหลมฉบัง ส่งมาผ่านที่หนองคาย แล้วค่อยส่งต่อไปให้ลาว แต่สิ่งที่ขาดไปคือศูนย์กลางการค้าในระดับภาคอีสาน

หากจะทำให้เศรษฐกิจชายแดนเป็นการค้าชายแดนได้อย่างแท้จริง SMEs ในจังหวัดชายแดนจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายส่งเสริม SMEs หลายนโยบาย เช่น หวย SMEs ทุนสร้างตัว ทุนตั้งตัว ที่ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ให้เศรษฐกิจติดดินของประชาชนได้เติบโต ควบคู่ไปกับการสร้างรัฐสวัสดิการ รีดงบประมาณไขมันกองทัพมาทำสวัสดิการให้ประชาชน พร้อมกับการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นของประเทศไทยเอง เช่น น้ำประปาดื่มได้ รถเมล์ไฟฟ้า ฯลฯ ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และการจ้างงานใหม่ๆ ด้วย

“ภาพอนาคตของภาคอีสานในปี 2574 สำหรับพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่เรียบง่าย เพียงแค่การทำให้ทุกคนตื่นมาตอนเช้ามีน้ำสะอาดใช้ ส่งลูกไปโรงเรียนก็เรียนฟรีจริง เดินทางไปไหนมีคมนาคมสาธารณะใช้ มีงานที่ดีใกล้บ้านตัวเอง ไม่ต้องเดินทางไปหางานไกลๆ ทำ ตอนเย็นกลับบ้านมาได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ไม่ต้องรอมาเจอกันทุกวันหยุดเทศกาล นี่คือเป้าหมายที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิดถึงตัวเลขสวยหรูที่จับต้องไม่ได้”

ด้านอภิชาติ ระบุว่า ที่ผ่านมาตลอด 4 ปี ไม่ว่าตนและพรรคก้าวไกลไปที่จังหวัดไหน ก็จะต้องเจอปัญหาที่ดินอยู่ทุกจังหวัด หลังการศึกษาปัญหามาอย่างยาวนาน เราก็พบว่านี่เป็นปัญหาที่เกิดจากการรวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจ และวิธีคิดในการจัดสรรที่ดินโดยรัฐบาล ที่ทำให้เกิดปัญหาสะสมมาหลายทศวรรษที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองเสนอการแก้ปัญหาแบบผิวเผิน แต่วันนี้พรรคก้าวไกลกำลังเสนอการรื้อระบบที่ดินครั้งใหญ่ ให้สมกับที่เป็นประเทศประชาธิปไตย ที่มีการกระจายอำนาจในการจัดการปัญหาที่ดิน

รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะทำให้เกิดการพิสูจน์สิทธิในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประชาชนกับรัฐ แก้เงื่อนไขการพิสูจน์สิทธิที่ไม่เป็นธรรม เช่น ให้รัฐบาลต้องยอมรับหลักฐานว่าประชาชนมีการทำกินของประชาชนและการดำรงอยู่ของชุมชนมาก่อน ไม่ใช่แค่หลักฐานเอกสารที่รัฐออกให้เท่านั้น นอกจากนี้ รัฐบาลก้าวไกลยังจะตั้งกองทุนพิสูจน์สิทธิ 1 หมื่นล้านบาท นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้การพิสูจน์สิทธิเสร็จสิ้นภายใน 4 ปี ไม่ให้เป็นปัญหาค้างคาอีก

จากนั้นช่วงเย็น พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี พร้อมแกนนำพรรคครบครัน โดยได้รับการตอบรับจากประชาชน ให้ความสนใจร่วมการฟังปราศรัยอย่างหนาแน่น จนเกินจำนวนเก้าอี้ที่เตรียมไว้กว่า 2,000 ตัว

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายครบวงจรทุกเรื่องกว่า 300 นโยบาย ตัวแทนพรรคก้าวไกลตอบคำถามในเวทีดีเบตต่างๆ ได้อย่างแหลมคมชัดเจน เพราะเรามีนโยบายที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง ที่สอดคล้องกับสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกล ที่เป็นสามเหลี่ยมคว่ำ สืบทอดมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งคิดจากพื้นฐานที่ว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา โครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรม ดูดเอาอำนาจและทรัพยากรของประเทศไปอยู่บนยอดพีระมิดเกือบทั้งหมด เราจึงตั้งใจอาสาตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปพลิกสามเหลี่ยมให้คว่ำลง เอาคนส่วนใหญ่ของประเทศขึ้นไปข้างบน การออกแบบนโยบายจึงเป็นไปเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรัฐสวัสดิการ ที่ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย มีการศึกษา ได้ทำงานในพื้นที่ตัวเอง มีน้ำประปาสะอาดทั่วประเทศ มีรถเมล์ไฟฟ้าขนส่งสาธารณะทุกจังหวัด มีนโยบายปฏิรูปที่ดิน ทลายทุนผูกขาด ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ทั้งหมดล้วนแต่เป็นนโยบายเพื่อประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศทั้งสิ้น

ปิยบุตรกล่าวต่อไป ว่าที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคต่างมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดีจำนวนมาก แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลแตกต่างจากทุกพรรคการเมืองอย่างชัดเจน คือเรื่องการเมือง นำมาสู่คำขวัญ ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ เป็นการเดินพร้อมกันสองขา เพราะหากปราศจากนโยบายการเมืองที่ดี แต่ละพรรคเมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วก็จะเจอทหารยึดอำนาจ เจออำนาจพิเศษเข้าแทรกแซง พรรคก้าวไกลจึงเล็งเห็นว่าต้องมีนโยบายการเมืองดี เป็นการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ ที่จะทำให้นโยบายเศรษฐกิจส่งมอบให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อทุนผูกขาด และกองทัพ

ปัญหาของประเทศไทยวันนี้ คือความไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตัวชี้วัดคือจำนวนรัฐประหาร นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มีการรัฐประหารไปแล้ว 13 ครั้ง ส่งผลต่อชีวิตประชาชนอย่างมหาศาล ทุกครั้งที่ประเทศกำลังมีการเมืองที่ดี รัฐบาลกำลังทำนโยบายเศรษฐกิจที่ดี กำลังทำงานได้ดีก็ถูกยึดอำนาจ เลือกตั้งใหม่ได้ไม่นานก็ถูกยึดอำนาจอีก

พรรคก้าวไกลจึงเสนอตัดวงจรรัฐประหารไม่ให้วนเวียนซ้ำซากแบบนี้อีก ด้วยการปฏิรูปกองทัพ เอาทหารกลับเข้ากรมกอง ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่ให้บิ๊กต่างๆ ออกมาพูดการเมือง ใครอยากเป็นนักการเมืองก็ลาออกจากทหารมาสมัคร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ทำให้การนิรโทษกรรมของคณะรัฐประหารเป็นโมฆะ นำไปสู่การลงโทษไม่ให้นายทหารรุ่นน้องเอาแบบอย่างรุ่นพี่อีก รวมทั้งยกเลิกการเกณฑ์ทหารด้วย

และที่สำคัญ พรรคก้าวไกลจะแก้กฎหมายหลายฉบับที่ถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งหมดพรรคก้าวไกลจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายไว้เสร็จแล้ว เหลือแค่เสนอให้สภาฯ พิจารณาเท่านั้น นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลจะปกป้องการแสดงออกทางการเมืองและการชุมนุมของประชาชน ที่เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เกิดการชุมนุมที่ไปกระทบกล่องดวงใจของรัฐ ประชาชนต้องเผชิญกับการสลายการชุมนุมจนมีคนเจ็บคนตายทุกครั้ง อย่างเช่นในเหตุการณ์ปี 2553 ระบบรัฐของประเทศไทยในปัจจุบันจงใจทำให้การสลายการชุมนุมเป็นเรื่องที่ถูกลืม สะสางกันไม่ได้ ไม่มีการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับผู้สลายการชุมนุม ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พรรคก้าวไกลจึงมีนโยบายชัดเจน ว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไร รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะลงนามให้สัตยาบันศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ทันที เรื่องนี้พูดมาเป็นสิบปีแล้ว มีแต่ข้ออ้างว่าทำไม่ได้ ต้องศึกษาก่อน แต่สำหรับพรรคก้าวไกล ใครจะศึกษาก็ศึกษาไป พิธาเป็นนายกฯ เมื่อไรลงนาม ICC ทันที และพรรคก้าวไกลยังมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 โดยประกาศอย่างชัดเจนว่าภายใน 100 วันหลังได้เป็นรัฐบาล จะให้มีการลงประชามติถามประชาชน ว่าอยากให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่

ปิยบุตรกล่าวต่อไป ว่าภารกิจเหล่านี้เป็นภารกิจที่ยาก และจะทำสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีพรรคการเมืองของมวลชนที่มีเจตจำนงชัดเจน พร้อมทำในทันทีโดยไม่ต้องรีรอ และมีจำนวน ส.ส. มากพอ เป็นพรรคที่ยืนอยู่ได้ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรจากประชาชน ไม่ใช่กลุ่มทุนผูกขาด เราทราบดีว่าการเมืองที่ผ่านมาทำกันอย่างไร แต่เราจงใจไม่ทำแบบเดิม ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกลจึงมีผู้แทนราษฎรที่กล้าอภิปรายในสภาฯ อย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา ไม่ลูบหน้าปะจมูก ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู มี ส.ส. ที่มีจุดยืนและอุดมการณ์ ด้วยเหตุนี้การคัดสรรผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจึงไม่มีการชักชวน ส.ส. เก่าจากมุ้งนั้นมุ้งนี้มาเป็นผู้สมัคร ประเภทที่กระโดดย้ายพรรคไปมาตามแต่ว่าใครมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เปลี่ยนย้ายข้างตามดินฟ้าอากาศ แบบนี้ไม่มีในพรรคก้าวไกลเด็ดขาด

นอกจากนี้ ส.ส. เขตของพรรคก้าวไกล จะต้องมีคุณสมบัติสองข้อ คือ 1) ต้องดูแลประชาชน เข้าถึงได้ ขยัน ติดดิน ไม่ใช่ปล่อยให้หัวคะแนนทำงานแทน 2) ต้องสามารถอภิปรายในสภาฯ เป็นปากเสียงให้ประชาชนได้ ไม่ใช่ ส.ส. ที่ไม่เคยพูดในสภาเลย

ปิยบุตรกล่าวต่อไปว่าที่อุดรธานี ตนทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเลือกพรรคอะไร ก็เพราะที่ผ่านมาพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับการรัฐประหารมีเพียงหนึ่งพรรค เราจึงแสดงออกอย่างสมัครสมานเป็นหนึ่งเดียวในปี 2554 แต่ปัจจุบันสภาพการเมืองเปลี่ยนไปมากแล้ว ความคิดความอ่านของประชาชนก็เปลี่ยนไปมากแล้ว ในปี 2562 ธนาธรและพวกตนจึงสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เมื่อถูกยุบก็สืบสานมาต่อเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ เพื่อแก้โจทย์และปัญหาที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะมาก่อน พรรคก้าวไกลวันนี้มาขออาสาประชาชน ว่าภารกิจเหล่านี้ หลายพรรคอาจไม่ทำ จะทำหรือไม่ทำไม่รู้ ไม่ชัดเจน แต่พรรคก้าวไกลอาสาทำให้เอง

“ผมจึงขอโอกาสพี่น้องสักครั้ง เปิดใจเปิดทางให้โอกาสมากาให้พรรคก้าวไกลสักครั้ง ลองเปลี่ยนสักครั้ง แล้วพรรคก้าวไกลสัญญาว่าจะทำให้ดู การปฏิรูปกองทัพที่ไม่สำเร็จหรือไม่เคยมีใครทำมาก่อน รัฐสวัสดิการที่มั่นคงยั่งยืน การกระจายอำนาจ น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องยากๆ เหล่านี้พรรคก้าวไกลจะอาสาเข้าไปทำให้ดูเอง เรื่องที่ยากแบบนี้จำเป็นต้องมีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ช่วยผลักดันให้เราทำสำเร็จ เลือกก้าวไกลสักครั้งแล้วประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม”

Written By
More from pp
คุยกันแบบพระเอก-พระเอก
คอลัมน์ ผสมโรง สันต์ สะตอแมน ใส่ซองงานศพ 500 บาท.. แต่เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ “ใบเหลือง” สั่งเลือกตั้งใหม่...
Read More
0 replies on “เวทีหนองคาย-อุดร พิธาเปิดวิสัยทัศน์ ‘อีสาน 2574’ ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ – ปิยบุตรชูก้าวไกลพร้อมทำเรื่องยาก ตรงไปตรงมา ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ”