ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
จะไม่ทำตัวเป็น “พระเอกหนังตะลุง”ไปหน่อยหรือ?
ผมถามคุณเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์น่ะ เพราะจากที่เฝ้าดูบทบาทแต่ละฉากที่โผล่หน้าทั้งไลฟ์สด ทั้งให้สัมภาษณ์ นอกจากจะวางมาด จีบปากจีบคอแล้ว..ทุกเรื่องที่พูด ล้วนเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อรัฐบาลที่ตัวเอง-ประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย เป็นรายวัน!
อย่างวันสองวันที่ผ่านมา คุณเทพไทก็แกว่งปากวิจารณ์รัฐบาลตัวเองว่า.. “ถ้ามีการชิงปิดการอภิปรายเกิดขึ้นจริง ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลคับแคบ ใช้เสียงข้างมากขัดขวางการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน..
ปิดปากไม่ให้มีการตรวจสอบรัฐบาล ถือว่าเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน”
ซึ่งแม้จะฟัง-อ่านดูดี เพิ่มความสง่าราศีให้กับคนพูดก็จริง แต่คุณเทพไท-พรรคประชาธิปัตย์ ก็ร่วมอยู่ในรัฐบาล..สามัญสำนึก-มรรยาทย่อมต้องมี!
ผมไม่ได้หมายถึง.. “ดี-ชั่ว เมื่อร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว จะต้องกอดคอไปด้วยกัน” แต่การที่คุณเทพไทไปแย่งซีน-ทำหน้าที่แทน “ฝ่ายค้าน” เยี่ยงนี้นั้น..
นอกจากจะตอกย้ำคำพูด.. “ประชาธิปัตย์คบไม่ได้-ไร้มิตรทางการเมือง” แล้ว ยังจะทำให้เกิดคำถาม..สร้างความกินแหนงแคลงใจกันในพรรคร่วมรัฐบาลไปเพื่ออะไร?
ใจคับแคบ กับ “ใจเคียดแค้น” ผมไม่รู้ว่าความหมายจะใกล้เคียงกันแค่ไหน-อย่างไร แต่ที่รู้..
ทั้ง “สองใจ” ใครก็ไม่อยากคบหาสมาคม!
แต่นี่.. “ใจเดียว-เด็ดขาด” เหมาะเป็นผู้นำ ฟังที่คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นั่งแถลงข่าวหัวเดียวกระเทียมเลียบ ที่รัฐสภาเมื่อวาน..
“อุดมการณ์ไปไม่ได้ก็อยู่กันไม่ได้ ผมหวังว่าการแถลงครั้งนี้จะชัดเจนและเด็ดขาด และไม่ต้องถามผมอีกว่าจุดยืนผมอยู่ตรงไหน
ผมจะรักษาคำมั่นและคำพูดของผม ส่วนคนอื่นผมไปบังคับไม่ได้ ให้ไปใช้วิจารณญาณพิจารณากันเอง”
ก็..ชัดเจนว่าคุณมิ่งขวัญยังอยู่ร่วมกับฝ่ายค้าน (คนเดียว) ต่อไป และจะยังอยู่กับพรรคเศรษฐกิจใหม่ จะไม่ลาออกจนกว่าจะสิ้นสุดอายุสภา!
มีคนถาม..คุณมิ่งขวัญกลับเข้ามาเล่นการเมืองคราวนี้ เจตนา ความมุ่งหวัง ตั้งใจ เพื่ออะไร?
ผมบอกไม่รู้ แต่..ในเมื่อตัวเองก็เดินห่างออกมาจากคุณทักษิณ และไม่ได้มีความผูกพันอันใด แล้วจะต้องเอาพรรค-เอาตัวเข้าไปติดอยู่กับ “ฝ่ายค้าน” ทำไม?
คุณมิ่งขวัญมีความรู้ ความสามารถ และมีโอกาสที่จะได้นำนโยบายที่หาเสียงมาบริหารประเทศ แต่กลับ “ปฏิเสธ” โอกาสไป หรือในใจ..
จะยังมีเยื้อใยกับเขา คนนั้นอยู่ ก็ไม่รู้นะ!