คลิกฟังบทความที่…?
เปลว สีเงิน
เคยได้ยินคำว่า “ทฤษฎีโดมิโน” กันใช่มั้ยครับ?
ช่วง ๒๕๐๐-๒๕๒๒ ประมาณนั้น
“ระบอบคอมมิวนิสต์” ขยายตัวทั่วเอเชีย จีน เวียดนามเหนือ เกาหลีเหนือ เปลี่ยนการปกครองเป็น “ระบอบคอมมิวนิสต์” หมด
นักทฤษฎีก็เลยบอกว่า เป็นไปได้สูง ประเทศในย่านอาเซียน ลาว เขมร มาเลย์ อินโดฯ พม่า ไทย แถมด้วยอินเดีย
ในที่สุด ต้องถูก “ระบอบคอมมิวนิสต์” กลืนไปทั้งหมด!
การล้มตามๆ กันไปเช่นนี้ คือล้มแบบโดมิโน
หมายถึงตัวแรกล้ม ก็กระทบถึงตัวอื่นๆ ล้มตามกันไป
ก็ “หวิดจริง”
เพราะต่อมา เวียดนามใต้ก็ล้ม ลาวล้ม เขมรล้ม เมื่อล้ม “ล้อมไทย”
ทุกคนก็เพ่ง “ไทยคือโดมิโนตัวต่อไปที่ต้องล้ม”!
แต่….incredible
แทนที่จะล้ม ไทยกลับเป็นตัว “หยุดการล้ม” อยู่แค่เขมร ลาว เวียดนามใต้ ไม่ลามไปถึงมาเลย์ อินโดฯ พม่า อินเดีย ตามที่คาดกัน
เพราะอะไร เพราะไทยรบเก่งเหรอ?
ไม่ใช่หรอก…. ประการแรก
เพราะไทยล้วนหมาย รักสามัคคี
ไทยนี้ รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย
ประการที่ ๒ เพราะเรามีนายกฯ ที่ชื่อพลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ตามด้วย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และ พลเอกเปรม ติณสูลานน์ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อๆ มา
แต่ละท่านมีวิสัยทัศน์ “รู้เขา-รู้เรา” มองอนาคตขาด ซึ่งการภายใน ก็ดังว่า “ไทยรักสงบ แต่รบไม่ขลาด”
แต่ “รบ” แปลว่า “เรื้อรัง” มีแต่พินาศและล้มตาย ทั้งแก้ปัญหาให้หายขาดไม่ได้
แต่ละท่านจึงใช้หลัก “วิเทโศบาย” เดินนโยบายต่างประเทศตามหลักพระพุทธเจ้า
“ผล” เกิดจาก “เหตุ” เมื่อจะแก้ ต้องแก้ที่ “ต้นเหตุ”
ในย่านเอเชีย จีนคือต้นเหตุของการขยายตัวระบอบคอมมูนิสต์ ดังนั้น การจะแก้ปัญหา ก็ต้องไปเริ่มที่จีน
ไทยจึงเปิดประเทศสานสัมพันธ์กับจีน
“พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์” ยกคณะเดินทางไปคารวะท่านประธาน “เหมา เจ๋อ ตุง” ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปี ๒๕๑๘
แต่โดมิโนแข็งเด่ได้จริงๆ ทั้งจากภายนอกและภายในก็ยุค “ป๋าเปรม” ประมาณปี ๒๕๒๒-๒๕๒๓
และประการที่ ๓ นับเป็น “จุดแข็ง” ต้านทฤษฎีโดมิโน ทำให้ไทยเป็นกำแพงสกัดหยุดการล้มตามๆ กันไปทั้งภูมิภาคได้คือ
“สถาบันพระมหากษัตริย์”
เพราะไทยมี “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” เป็นแกนใจ-แกนประเทศ
คำว่า “ปิดทองหลังพระ” หมายถึงอย่างไร?
ทุกคนโปรดรู้-โปรดรับทราบผ่านคำนี้ไว้ให้จงดีเถิดว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทุกพระองค์ คือ
“จอมทัพไทย”!
ต้องบอกว่า “เสียดาย” คือเสียดายในความหมาย “ปิดทองหลังพระ” นั่นแหละ จึงไม่มีการบันทึก คนทั่วไปจึงไม่มีโอกาสรู้
นอกจาก “คณะรัฐบาล” สมัยนั้นๆ และทหารนักรบในสมัยนั้นๆ ที่ทราบ และเล่าไป น้ำตาไหลไป
บางท่านเมื่อเล่าจากประสบการณ์จริงตัวท่าน ถึงพนมมือก้มกราบ “พ่อบนสวรรค์”
พระองค์ทรงเป็นและทรงกระทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์และเพื่อทรงเอกราชแห่งชาติไทย
อาจพูดได้เลยว่า……….
ถ้าทราบสิ่งที่พระองค์ในความเป็นทั้งพระมหากษัตริย์และทั้งในความเป็น “จอมทัพไทย” ที่ทรงปฎิบัติหน้าที่ขณะนั้น
ทุกคนจะต้องบอกว่า
“เกิดมาเป็นอาณาประชาราษฎร์สุขสบายกว่าเป็นพระมหากษัตริย์” ร้อยเท่า-พันเท่า!
นี่ ผมก็เล่าสู่กันฟัง จากที่ผู้หลัก-ผู้ใหญ่แต่ละท่านเล่าให้ฟังบ้าง เคยเป็นเศษเสี้ยวอยู่ในบางเหตุการณ์บ้าง
เมื่อเห็นความเป็นไปในยุโรป-สหรัฐฯตอนนี้ ก็อดหวนนึกถึง “ทีเขา-ทีเรา” ไม่ได้
ก็ทฤษฎี “โดมิโน” นั่นแหละ ในนิยาม “ตะวันตก-ซันเซต
“สหรัฐ-ยุโรป” กำลังติด “บ่วงกรรม” ของตัวเอง
จากที่เคยทำย่ำยีกับชาติตะวันออก “เอเชียและอาเซียน” ไว้แสนสาหัส “ทุกรูปแบบ” ในอดีต
ฝรั่งเศส เยอรมัน อิสราเอล กำลังเป็นโดมิโนแห่งจักรวรรดิ์อำนาจโลก ค่อยๆ ล้มตามกันไปทีละตัว
อังกฤษ “พ่อสหรัฐฯ” อีกที ก็ยืนลักษณะโงนเงนเข้าไปทุกขณะ!
เรียกว่า “สมบัติ” จากที่แบ่งกันเข้ามาปล้นประเทศในภูมิภาคนี้กลับไปเลี้ยงดูกินอยู่กันหรูหรามาเป็นศตวรรษ
ขณะนี้ ร่อยหรอถึงขั้นหมดแล้ว
เหลืออย่างเดียว ทัศนคติเหยียดคนตะวันออกว่าต่ำกว่าแล้วซ่าไปซนกับตะวันออกอย่างรัสเซีย
เจ็บนี้ เห็นที “เจ็บนาน” และเจ็บเจียนตายแน่นอน!
ประมาท หลงระเริง ชะล่าใจ ปล่อยให้ รัสเซีย-จีน เดินแผน “กาวใจผนึกโลก” ค่อยๆ สร้างมิตรบ้าง-ประสานมิตรบ้าง ไปทีละประเทศ-สองประเทศ
จนตอนนี้ กว่าครึ่งโลก ผนึกเป็น “ขั้วอำนาจโลกใหม่” เป็นงาแซงกับ “รัฐบาลโลก” ของยิว-ไซออนิสต์ ที่ “สหรัฐ-ยุโรป” เป็นตัวหมากขับเคลื่อน
นิวเคลียร์น่ะ ต่างคน-ต่างมี กล้า “กดปุ่ม” ตายด้วยกันทั้งโลกมั้ยล่ะ?
วัดใจแล้วสหรัฐฯ “แหยกว่า”!
ในเมื่อต่างคนต่างกลัวตาย งั้นจะรบกันด้วยอะไรล่ะ?
รบด้วยอำนาจ “พลังงาน”
อ้าว…ตอนนี้ก็เสร็จขั้ว “จีน-รัสเซีย” ไปแล้ว เพราะซาอุฯ กับอิหร่านที่ถูกปั่นหัวให้ทะเลาะกันข้ามศตวรรษ จีนเป็นตัวกลาง ให้จับมือ “รวมเป็นหนึ่ง” กันไปแล้ว
สรุป พลังงานโลกตอนนี้ อยู่ในขั้ว “อำนาจโลกใหม่” จีน-รัสเซีย!
สหรัฐฯ เหลืออะไรที่เหนือ “อำนาจขั้วจีน-รัสเซีย” ตอนนี้?
เท่าที่เห็นก็มี “ข้อมูล” จากเทคโนโลยีไอทีทางการสื่อสารนี่แหละที่เหนือ
ระหว่างจุดแข็งทางเทคโนโลยีไอทีของสหรัฐฯ กับจุดแข็งทางพลังงานและเศรษฐกิจการเงินของ “จีน-รัสเซีย-ตะวันออกกลาง” ขณะนี้
อย่างไหนถือเป็น “แต้มเหนือ” กว่ากัน?
ถ้า “สหรัฐฯ-ยุโรป” ไม่นั่งโต๊ะเจรจาปัญหายูเครนกับรัสเซีย
อนาคต “ขั้วจีน-รัสเซีย-ซาอุฯ-อิหร่าน” จะเหนือกว่า!
เพราะขั้วตะวันออก มีเพื่อนเยอะกว่า มีพลังงานมากกว่า มีอาหารการกินที่เรียกเสบียงกรังเหลือเฟือกว่า เศรษฐกิจ-การเงินแข็งแกร่งกว่า
ที่สำคัญ “นิวเคลียร์” มึงมี-กูมี และถ้ามึงบ้า เกาหลีเหนือบอก…กูบ้ากว่ามึง!
และสุดท้ายแล้ว ประเทศในอาณัติสหรัฐฯ จากสงครามโลกย่านเอเชียคือ “เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น”
โอกาสจะบอกกับลูกพี่ว่า “มันจบแล้วนาย” และหันไปอยู่ในค่ายขั้วตะวันออกด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เยอรมัน” ในยุโรปเป็นตัวอย่าง เป็นประเทศใต้อาณัติสหรัฐฯ จากสงคราม ผลเดินตามสหรัฐฯ ในศึกยูเครนเป็นไง?
ไม่มีก๊าซจากรัสเซีย ไม่ซวยแค่ “คุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ” แต่ซวยไปถึงธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพลังงานจากรัสเซีย แบงก์เจ๊งเป็นโดมิโนอีกตัว คนตกงาน ของแพง เงินถูก แถมไม่มีอีกตะหาก ก็เดินขบวน หยุดงาน ก่อจลาจล
ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรัฐสวัสดิการ ขยายอายุเกษียณ จาก ๖๒ ไป ๖๔ ก็โวย จลาจลเผาเมืองไม่เลิกขณะนี้
ความจริง หลังสงครามโลก ราวๆ ปี ๒๔๘๘ ฝรั่งเศสเขาให้เกษียณอายุ ๖๕ ปี จึงจะได้บำนาญ
เพราะการเมือง “เลือกตั้ง” นั่นแหละ……
“ฟร็องซัว มีแตร็อง” ซึ่งเป็นฝ่ายซ้าย ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสปี ๒๕๒๔ หาเสียงไว้ จะเลื่อนอายุเกษียณให้เร็วขึ้น
พอได้เป็น ก็เลื่อนโดยลดจาก ๖๕ ปี เหลือ ๖๒ ปีเกษียณ
ตอนนั้น สมบัติที่ปล้นไปจากเอเชียยังอู้ฟู่ แถมเศรษฐกิจดี เก็บภาษีได้เยอะ แถมยังชักเปอร์เซนต์เงินเดือนคนงานร้อยละ ๑๕ สะสมไว้ได้สบายๆ
รัฐสวัสดิการก็แบบนี้ ภาษีเสียแพง บางประเทศถึง ๕๐% แต่ทุกคนพอใจ เพราะทุกอย่างรัฐดูแล
ทุกคนหวังตอนเกษียณจะได้เงินก้อนไปกิน-ไปเที่ยว ก่อนมานอนเหี่ยวตาย “มีแตร็อง” ให้เกษียณเร็วขึ้น
พวก “ภาษีกู” ก็ชอบ
ถึงตอนนี้ ฝรั่งเศสเหลือแต่เปลือก ไม่เชื่อไปถามคนมีเมียอยู่ฝรั่งเศสได้!
หนุ่ม-สาวเข้าตลาดแรงงานน้อย ขณะเดียวกัน คนสูงอายุที่รอรับบำนาญมีมากขึ้น แต่เศรษฐกิจพัง แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปหมุนเป็นบำนาญ?
“ประธานาธิบดีมาครง” ตอนนี้ จึงใช้อำนาจพิเศษ “ทุบโต๊ะ” เลื่อนอายุเกษียณ จาก ๖๒ เป็น ๖๔ ปี โดยไม่ต้องผ่านสภา
แถมเพิ่ม “จำนวนปี” ที่ประชาชนต้องจ่ายเงินสมทบเป็น ๔๓ ปี ถึงจะได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวน!
คนฝรั่งเศสก็เลยฮือ ปารีสเมืองสวรรค์ กลายเป็นนรกบนดิน ด้วย “สงครามกลางเมือง” ลามข้ามไปถึงอิสราเอลโน่นแล้ว
สิ่งที่ผมจะบอก จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ คือ
สังคมโลกเขาอิจฉา และนินทาไทย ว่า……..
ประยุทธ์ “เผด็จการ” แบบไหนกันนะ?
ครึ่งค่อนโลกวิกฤต ทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การอาหาร และการท่องเที่ยว ต่างเหี่ยวแห้ง
แต่ไทยกลับฟู่ฟ่า….
ออร่าจับเจิดจ้า เป็นดาวฤกษ์กลางจักรวาล ผู้คนแห่มาเที่ยวกัน “ตลาดแตก-แหกโลก” อยู่ประเทศเดียว
ผมจะตอบ เดี๋ยวเขาจะว่า “ยอกันเอง”
ยังงั้นก็ เศรษฐาก็ได้ อุ๊งอิ๊งก็ได้ พ่ออุ๊งอิ๊งด้วยก็ได้ เป็นไทยหรือเปล่าล่ะ?
ถ้าเป็นไทย ช่วยตอบเขาทีว่า….
๘ ปี ประยุทธทำยังไง ชาวโลกถึงได้อิจฉา?
เปลว สีเงิน
๒๙ มีนาคม ๒๕๖๖