ถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่?-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เรื่องไม่เป็นเรื่องบางทีก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
ดูเหมือนรัฐบาลลุงตู่ ต้องเผชิญกับ “การขับไล่” อยู่ตลอดเวลา
ด้วยข้อหา ๗ ปี ไม่มีอะไรดีเลย
อภิปรายไม่ไว้วางใจก็แล้ว
ใช้ม็อบกดดัน จากสามนิ้วมาเป็นทะลุแก๊ส รัฐบาลก็ยังอยู่
วันนี้โหนน้ำท่วม
มุมหนึ่งก็เหลือเชื่อครับว่า นักการเมืองยุคนี้คิดได้แค่หางอึ่ง ตั้งหน้าตั้งตาไล่รัฐบาลเพราะเรื่องน้ำท่วม
สมเพชกว่านั้นคือดันไปชู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมเก่งกว่า

    กระพือข่าวกันในโซเชียล แล้วไล่งับตามๆ กัน ไม่เอะใจบ้างเลยหรือว่า สุดท้ายกลายเป็นด่าตัวเอง
พรรคเพื่อไทยน่าจะอาการหนัก!
โฆษกพรรคเปิดหัวไปวันก่อน “ถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่ ตู่คงไม่ต้องสวดมนต์ไล่พายุ”

    ส.ส.ตามครับ…
“ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” ส.ส.กรุงเทพฯ

    เห็นด้วยกับผู้ที่กล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ถูกยึดอำนาจโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนก็ไม่ต้องมาลอยคอสวดมนต์ไล่น้ำท่วมแบบนี้

    “…ย้อนกลับไปปี พ.ศ.๒๕๕๕ สมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง โดยนำผลศึกษาน้ำท่วมในอดีตก่อนเข้ารับตำแหน่ง และน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ มาวางระบบการจัดการฯ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำมาระดมสมองร่วมกัน จนสำเร็จออกมาเป็นแผนดำเนินการ หลังเข้ารับตำแหน่งเพียง ๑ ปีเท่านั้น

เพราะทราบดีว่าปัญหาน้ำเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรทำสวนไร่นา แต่เสียดายที่โครงการไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะมีการยึดอำนาจรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี พ.ศ.๒๕๕๖

    ตัดภาพกลับมาปัจจุบัน ไทยต้องประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งรุนแรง สลับกันทุกปี และวิธีการที่รัฐบาลใช้แก้ปัญหาคือ รับบริจาคเพื่อไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย หรือใช้ภาษีของประชาชนแจกเงินผู้ลงทะเบียนกันไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบเลย

    ๗ ปี ที่พลเอกประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันอย่างยาวนาน ที่จะทำโครงการเร่งด่วนให้สำเร็จได้ แต่กลับเป็น ๗ ปี ที่สูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ สร้างแต่ความถดถอยให้ประเทศ และความชอกช้ำให้ประชาชน….”

    เอาประเด็นสวดมนต์ก่อน…
วันก่อนเขียนไปแล้ว อ่านข่าวเต็มๆ ไม่ตัดต่อความ “ลุงตู่” บอกว่าช่วยกันสวดมนต์ไม่ให้พายุเข้า
พายุมันจะเข้า “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” โบกมือห้ามเข้าได้หรือเปล่า หรือมีวิธีอื่น ขนาดชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกายังถูกพายุโจมตีทุกปี

    ฉะนั้นก็สวดมนต์เพราะมันทำอะไรไม่ได้
“ลุงตู่” ไม่ได้บอกว่าช่วยกันสวดมนต์แล้วน้ำมันจะไม่ท่วม

    แต่…เคยมีครับรัฐบาลที่ชวนประชาชนสวดมนต์เพื่อให้รอดพ้นจากน้ำท่วม
ค้นข่าวเก่าๆ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ เกือบจะเป็นวาระแห่งชาติครับ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จัดพิธีสวดมนต์ทั่วประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วม
เป็นพิธีที่เป็นทางการนะครับ

    เริ่มจากการแถลงข่าวในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“…ในวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายนนี้ ในเวลา ๐๙.๐๙ น. สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม ร่วมกันจัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดินให้ผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัย

    โดยในกรุงเทพฯ จัดที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ซึ่งในวันและเวลาดังกล่าวจะมีกรรมการมหาเถรสมาคม พระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน ๑๘๔ รูป ทำพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ โดย ครม.จะไปร่วมงานนี้ด้วย

    จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯ ไปร่วมพิธีดังกล่าว ในสมัยพุทธกาล เวลาเกิดเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพง เมื่อได้มีการจัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ปรากฏว่าทำให้สถานการณ์คลี่คลายและผ่านพ้นไปได้

    ดังนั้น หวังว่าการจัดพิธีในวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤศจิกายนนี้ จะช่วยให้คนไทยมีพลังจิตที่เข้มแข็ง และส่งผลให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้…”

    ล่วงมาถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี “สวดมนต์ พ้นวิกฤต” ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดินให้ผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัย โดยมีพระเถระ ๑๘๔ รูป ทำพิธีสวด
“ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ไปในนามตัวแทนของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

    กิจกรรมนี้มีการถ่ายทอดสดไปยังส่วนภูมิภาคต่างๆ เพื่อสานต่อไปยังประชาชนทั่วประเทศ ให้ได้ร่วมสวดมนต์ ตั้งจิตเจริญภาวนา ไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศอีกด้วย

    ฉะนั้นการเอาเรื่องสวดมนต์มาเป็นโจ๊กการเมือง พรรคเพื่อไทยควรย้อนกลับไปมองตัวเองในอดีตให้ชัดเจนเสียก่อน
“ถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่ อาจไม่มีแม้ที่จะให้สวดมนต์”

    ประเด็นถัดมา แผนบริหารจัดการน้ำล่ม เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกรัฐประหารเสียก่อน
ใช่หรือ?

    เท่าที่ปรากฏหลังน้ำท่วมใหญ่ ปี ๒๕๕๔ ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง ๑.๔๔ ล้านล้านบาท
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ฉวยโอกาส เข็น พ.ร.ก.เงินกู้ ๓.๕ แสนล้านบาท ในปี ๒๕๕๕

    มัดมือชกโครงการที่ไม่มีความพร้อม มีปัญหาด้านความโปร่งใสหลายด้าน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่เกิดปัญหาขัดแย้งในหลายจังหวัด

     ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ศาลปกครองอ่านคำพิพากษา ตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับชาวบ้านรวม ๔๕  คน ได้ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)

ว่าร่วมกระทำการกำหนดแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนดำเนินโครงการก่อสร้างเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ วงเงิน ๓.๕ แสนล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    ศาลปกครองมีคำพิพากษาว่า….ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการจัดทำแผนดังกล่าวพบว่าแต่ละแผนงานก่อสร้างแต่ละโมดูลจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องตัดไม้สร้างเขื่อน และประชาชนต้องย้ายออกจากพื้นที่เพื่อนำไปใช้รองรับน้ำหลาก

จึงเป็นโครงการที่เข้าข่ายที่รัฐต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย และต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง

    โดยในข้อเท็จจริงไม่พบว่านายกรัฐมนตรีและผู้ถูกฟ้องทั้งหมด ได้มีการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างทั่วถึงมาก่อน และในกรณีที่จะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพนั้น ก็ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ เพราะหากให้เอกชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียดำเนินการ ผลที่ออกมาก็ย่อมอาจเบี่ยงเบนไปในทางที่จะเป็นประโยชน์กับเอกชนเอง…
จึงสะดุด!

    รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถเดินหน้าโครงการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบริหารจัดการน้ำได้เพราะทำผิดรัฐธรรมนูญ
หากจะเดินหน้าต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EA) ที่มีส่วนได้เสียใหม่ทั้งหมดก่อน
ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปี

    สุดท้าย พ.ร.ก.หมดอายุลงในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

    ทั้งเรื่องสวดมนต์ เรื่องรัฐประหาร ถ้าพูดให้จบแบบไม่ตัดตอนก็ประมาณนี้
ถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่ ก็เชิญชวนสวดมนต์
ขออย่าให้มีรัฐประหารครับ

Written By
More from pp
0 replies on “ถ้ายิ่งลักษณ์ยังอยู่?-ผักกาดหอม”