13 มีนาคม 2566 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรณีกล่าวหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า ที่ดินที่เขากระโดงเป็นที่ดินที่มีเจ้าของอยู่ประมาณ 1,000 กว่าแปลง ในเนื้อที่ประมาณ 5,000 กว่าไร่ เป็นที่ๆ มีเอกสารสิทธิ์กันเกือบทุกแปลง และกรมที่ดินก็ออกเอกสารสิทธิ์ ให้มาโดยชอบ โอนผ่านกันเป็นมือที่สองมือที่สามมือที่สี่ไปกันเรื่อยๆ เฉพาะที่ดินที่กล่าวหาคุณศักดิ์สยาม
ประการแรกคือ คุณศักดิ์สยาม ไม่มีที่ดิน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่ตรงนี้เลย สองก็คือ ที่ดินที่ท่านประธานชัย ชิดชอบ เป็นเจ้าของ ก็เป็นที่ดินที่ซื้อมาจากบุคคลอื่นที่เป็นเอกสารสิทธิ์ และมีการออกเอกสารสิทธิ์กันมาถูกต้อง
“วันนี้ประเด็นก็คือ ไปกล่าวหาว่าคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรี แล้วคุณปล่อยปละละเลย ไม่ให้การรถไฟทำอะไร ความจริงแล้วการรถไฟแห่งประเทศไทย เขาก็ทำหนังสือไปถึงกรมที่ดิน บอกว่าให้เพิกถอน กรมที่ดิน ถ้าเห็นว่าจะต้องเพิกถอนก็เพิกถอน แปลว่าคุณจะต้องเพิกถอนในที่ดินพันกว่าแปลง ซึ่งมีเอกสารสิทธิ์ที่กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ให้
ซึ่งตรงนี้ผมจะบอกให้ มันเคยมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีที่กรมที่ดินไปเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ของประชาชนที่มีเอกสารสิทธิ์โดยชอบ คุณต้องจ่ายค่าชดเชยเขานะ ผมว่าที่ดินแถบนั้นราคามหาศาล แล้ววันนี้กรมที่ดินเอง ก็ถามการรถไฟว่า การรถไฟมีเอกสารสิทธิ์อะไรที่มายืนยันว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นของการรถไฟ ซึ่งการรถไฟก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรนอกจากแผนที่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งยืนยันว่าถ้าในที่สุดแล้ว มันจะต้องวินิจฉัยกัน อย่างไรก็เป็นเรื่องหน่วยงาน 2 หน่วยงาน”
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ประชาชนอีกประมาณ 1,000 กว่ารายจะเดือดร้อน 1,000 กว่าราย ที่อาจจะรับโอนมาต่อเนื่อง หรือผู้ที่ได้รับเอกสารสิทธิ์โดยชอบ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่พยายามโยง จะบอกว่าเอกสารที่ท่านชัย ชิดชอบ ได้มา ตอนนั้นคุณเนวิน อายุ 11 ขวบ”
จริงๆ การรถไฟก็ไม่เคยคิดว่า 5,000 กว่าไร่นี้เป็นของตัวเอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางรถไฟไปอุบลราชธานี ไม่ใช่ทาง 2 ข้างทาง ความจริงก็คือที่ที่เขากระโดง เป็นเส้นทางจากนครราชสีมา ที่จะไปบุรีรัมย์ และมีการทำรางรถไฟพิเศษ มาที่เขากระโดง เพื่อมาขนหินไปก่อสร้าง ตรงนี้ไม่ใช่เป็นเส้นทางสายหลัก แต่ทำมาเข้ามาในป่าเพื่อที่จะมาขนหินจากเหมืองหินที่เขากระโดงเพื่อสร้างทางรถไฟไปจนถึงอุบลฯ
“เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ใช่เป็นทางสายหลักเลย เป็นการสร้างมา แล้วตรงนั้น ณ ช่วงเวลาสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นที่รกร้างว่างเปล่า มาขนเสร็จแล้วก็จบ สร้างแล้วก็ไปต่อ ตรงนี้ก็เป็นที่ร้าง แล้วประชาชนก็เข้ามาจับจองจนกระทั่ง กรมที่ดินเองก็ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ให้ ผมจะบอกว่ากรณีของท่านชัย ชิดชอบ ตอนที่ท่านมีการไปออกเอกสารสิทธิ์ของท่าน
การรถไฟเองก็มาชี้แนวเขตของตัวเอง ซึ่งเป็นแนวเขตที่อยู่ข้างแบบสั้น ไม่ใช่ 1 กม.จริงๆ ก็ไม่ใช่แปลงนั้นแปลงเดียว เพราะจริงๆ มัน 1,000 กว่าแปลง ผมจะบอกว่าตรงนั้น วันนี้มีหน่วยงานราชการที่อยู่ มีโรงเรียน มีวิทยาลัยเทคนิค มีเรือนจำ ตั้งอยู่ที่ตรงนี้ทั้งนั้น และทุกที่มีเอกสารสิทธิ์หมด อย่ามากล่าวหาว่านายศักดิ์สยาม ได้ทำผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการที่ไม่ให้หน่วยงานที่กำกับได้ดำเนินการ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง อันนี้เป็นการกล่าวหากันซึ่งในแง่ของพรรคเองก็ยอมไม่ได้” นายศุภชัย กล่าว