ผักกาดหอม
มีสิทธิ์ฝันครับ
แต่ทำได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง
พรรคเพื่อไทยวางเป้าหมาย แลนด์สไลด์ที่ ๓๑๐ เสียง
จากเดิมที่ตั้งไว้แค่ ๒๕๐ เสียง เพราะเชื่อว่าจะผ่านไปได้
“ชลน่าน ศรีแก้ว” ให้เหตุผลว่า เป็นการตั้งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์
“๓๑๐ เสียงจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง แข็งแรง สามารถที่จะกำจัดระบอบประยุทธ์ให้ออกไปได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่วางไว้และต้องไปถึงเป้าหมายให้ได้”
ทำไมต้อง ๓๑๐ เสียง?
การเลือกนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงเป็นไปตามบทเฉพาะกาล คือเป็นการเลือกของที่ประชุมร่วมรัฐสภา
ส.ส. ๕๐๐ คน
ส.ว. ๒๕๐ คน
ผู้ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีเสียงกึ่งหนึ่งคือ ๓๗๖ เสียง
พรรคเพื่อไทยไม่ได้วางเป้าหมายแลนด์สไลด์ที่ ๓๗๖ แต่เป็น ๓๑๐ เสียง ก็แสดงว่า ประเมินแล้ว การได้เสียงมากถึง ๓๗๖ เสียงนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้
ฉะนั้นนี่คือเป้าหมายสูงสุดที่พอจะทำได้
อีก ๖๖ เสียงจากพรรคที่จะร่วมรัฐบาลได้ หาไม่ยาก! และไม่ต้องง้อ ส.ว.แม้แต่เสียงเดียว
เป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยจะได้เก้าอี้ ส.ส.มากขนาดนั้น
เลือกตั้งปี ๒๕๔๘ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยทำได้
พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย ได้ ส.ส.ถึง ๓๗๗ ที่นั่ง จาก ๕๐๐
นั่นหมายความว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ได้ ส.ส.รวมกันเพียง ๑๒๓ คน เท่านั้น
และเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว ๙๖ คน
เหลืออีก ๒๗ เสียงให้พรรคอื่นๆ อาทิ ชาติไทย มหาชน เป็นต้น
เช่นกัน หากเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยได้ ๓๑๐ เสียง อีก ๑๙๐ เสียง พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ก้าวไกล ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ต้องไปแบ่งกัน
พรรคที่ได้มากสุดไม่น่าจะเกิน ๕๐ เสียง
มันเป็นไปได้หรือ?
เพื่อไทย ไม่ได้เหมือนไทยรักไทย
ฉะนั้นมีทางเดียวที่จะทำให้เหมือนได้คือ การควบรวมพรรค
พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย ส่วนใหญ่อดีตก็คือไทยรักไทย
นี่จึงเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่จะบรรลุเป้าหมายแลนด์สไลด์ ๓๑๐ เสียงได้
แต่…โอกาส เป็นศูนย์
“แพทองธาร ชินวัตร” บอกว่า
“…จริงๆ อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย ส.ว. ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกฯ ได้ด้วย ส.ว. เราอยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกฯ ได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที
จริงๆ เราต้องช่วยกันที่หัวหน้าพรรคประกาศเรื่อง ๓๑๐ เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องมีทุกคนทั้งหัวหน้า เลขาฯ พรรค นายเศรษฐาและทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คือการใหญ่มากๆ เราต้องเดินหน้าเต็มที่…”
ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงตั้งเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้
และทำไมถึงนำประเด็นที่เป็นไปไม่ได้มาหาเสียงกับประชาชน
เพราะความปรารถนาอยากเป็นรัฐบาลอย่างนั้นหรือ?
ครับ…นี่คือการปั่นกระแส ให้ดูราวกับว่าพรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ไปดูจำนวนเก้าอี้ ส.ส.แต่ละภาค ตามที่ กกต.คำนวณก่อนหน้านี้อีกครั้งครับ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี ส.ส. ๑๓๒ คน
ภาคกลางรวมทั้ง กทม.มี ส.ส. ๑๒๒ คน
ภาคใต้มี ส.ส. ๕๘ คน
ภาคเหนือมี ส.ส. ๓๙ คน
ภาคตะวันออกมี ส.ส. ๒๙ คน
ภาคตะวันตกมี ส.ส. ๒๐ คน
ก็เท่ากับ เพื่อไทยต้องได้ ส.ส.อีสาน เหนือ และกลาง และเกือบยกภาค รวมกับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีกประมาณ ๖๐ คน จึงจะบรรลุเป้าหมาย
นั่นหมายความว่า พรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ ในอีสาน และกลาง ซึ่งเป็นกำลังหลักแทบจะสูญพันธุ์
ฉะนั้นอย่างที่ระบุไว้ข้างต้น เป้าหมาย ๓๑๐ เสียง จะบรรลุได้ ต้องเจรจารวมพรรคกับ พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย
มีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น
“ทักษิณ” สร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ได้เพราะ ควบรวมกับพรรคความหวังใหม่
แล้วค่อยๆ กลืนพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก
กิจสังคม
ชาติไทย
ชาติพัฒนา
เสรีธรรม
กลุ่มพลังธรรม
จึงเกิดมุ้งมากมายในพรรคไทยรักไทย
“กลุ่มจันทร์ส่องหล้า” นำโดย “ทักษิณ ชินวัตร”
“วังบัวบาน” ของ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์”
“วังน้ำเย็น” นำโดย “เสนาะ เทียนทอง”
“วาดะห์” มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นแกนนำ
“วังนํ้ายม” มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นแกนนำ
“บ้านริมนํ้า” ของ “สุชาติ ตันเจริญ”
“วังพญานาค” นำโดย “พินิจ จารุสมบัติ”
“กลุ่มบุรีรัมย์” มี “เนวิน ชิดชอบ” เป็นแกนนำ
“กลุ่มชลบุรี” ของ “สนธยา คุณปลื้ม”
รวมทั้ง “กลุ่มพลังธรรม” มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแกนนำ สมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่เป็น ส.ส.กทม.
เพื่อไทยวันนี้ ไม่ได้มีกลุ่มมากมายขนาดนั้น เพราะหลายกลุ่มแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ หลักๆ คือ ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ
แลนด์สไลด์ ๓๑๐ เสียง จึงไม่ใช่ความฝัน
แต่เพ้อเจ้อ
