25 กุมภาพันธ์ 2566 – เวลา 18.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงเวทีปราศรัย พร้อมทำพิธี “ปักธงชัย ประกาศชัยชนะ” บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปราศรัยว่า สวัสดี สบายดีบ่ สบายดีไหมพี่น้อง มาวันนี้เพราะตนคิดฮอตหลายๆ เด้อ คิดถึงมากๆ วันนี้ได้มีโอกาสมาพบชาวนครราชสีมาและหลายจังหวัดที่มาวันนี้ด้วย เราคือคนไทยด้วยกัน เราต้องรักกันอยู่ที่ไหนก็ตาม เพราะแผ่นดินนี้คือแผ่นดินของไทย ขอพวกเราทุกคนทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ดีใจที่วันนี้ได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้อง เมื่อตอนเย็นได้สักการะท้าวสุรนารีแล้วถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง ตนก็ห้อยเหรียญของท่านอยู่ตลอดเวลาที่คอ ก็ถือว่าเป็นลูกหลานย่าโม อย่าทอดทิ้งตนนะ เพราะโคราชเป็นบ้านเกิดของตน ยืนยันตนเกิดที่นี่แน่นอน ใครจะบอกตนเกิดที่ไหนไม่ทราบ แต่ตนเกิดที่นี่เกิดในค่ายสุรนารี และคุณแม่เป็นคนชัยภูมิ ฉะนั้นเลือดอีสานเต็มตัว ซึ่งเลือดอยู่ในกายของตนตลอดเวลา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนอีสานขยันขันแข็งทุกคน ตนก็ได้เลือดอีสานนี่แหละ ที่อยู่กันมาถึงทุกวันนี้จะทำให้ดีที่สุดไม่ให้เสียชื่อคนอีสาน ประชาชนที่มารับในวันนี้ถือเป็นกำลังใจให้กับตนและคณะ พวกเราพรรครวมไทยสร้างชาติมีกำลังใจที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ตนเกิดที่นี่ย้ายไปลพบุรีและไปอยู่กรุงเทพฯ และเป็นทหาร ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามตนเป็นลูกอีสานหลานย่าโมเสมอมา
ยอมรับตนหรือเปล่า อย่าทอดทิ้งตนนะ เป็นลูกอีสาน คนอีสานเป็นนักสู้ ถ้าย้อนกลับไปอดีตที่ผ่านมาลองดูพวกเราเวลาว่างจากงานไร่นาไปทำเป็นแรงงานต่างประเทศ เราชาวอีสานไปสร้างตึกรัดฟ้าจำนวนมากที่อเมริกา ในประเทศเราก็สร้าง นี่คือพี่น้องชาวอีสานของเรา วันนี้ก็ต้องมีการพัฒนาต่อไปให้ดีที่สุด สำหรับชาวอีสานของเราจังหวัดเราถือเป็นประตูสู่ภาคอีสาน สำคัญตรงนี้เพราะไปประตูสู่ภาคอีสาน
ไม่ว่าจะไปขอนแก่น อุดรธานี สุรินทร์ หนองคาย ก็ต้องผ่านโคราช ตอนนี้ถนนกว่า 60 ปีมาแล้ว สายเดียวที่ดีที่สุดคือสายมิตรภาพ วันนี้ไม่พอแล้วรถมันเต็มเวลาเทศกาลหนาแน่น และเส้นทางรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ – โคราช ยังมีอยู่นะ 112 ปีตนจะปรับปรุงให้หมด ทั้งถนน ทางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ชาวโคราชมากขึ้นและจะเชื่อมโยงไปจังหวัดต่างๆ เรื่องถนนมีความสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากจะทำมี 2 หัวข้อใหญ่คือ 1.ความเท่าเทียม โดยเฉพาะความเท่าเทียมทางด้านโอกาส โดยอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน 2.คือการสร้างความเป็นธรรม ดูแลผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบางคนชรา ซึ่งในฐานะที่ตนอยู่ในฝ่ายบริหารก็จะทำให้ดีกว่านี้ วันนี้ต้องวางแผนและวางอนาคตด้วยนี่คือสิ่งที่ต้องสร้างต่อไปส่งต่อให้ลูกหลานของเราตนถึงใช้คำว่าทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยัง เตรียมรับเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปด้วย โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ ระยะเวลา 6 ปีน่าจะเสร็จทั้งหมด ถ้ามีรถไฟไปถึงที่ไหน ที่นั่นก็จะเจริญ โคราชนานแล้วไม่ได้มาวันนี้มาเห็น ก็เจริญไปมาก ตรตื้นตันใจจริงๆ กับพวกท่านที่ให้ความรัก ความปรารถนาดีที่ให้กับตน และตนก็มีให้ท่านตอบสนองเป็นร้อย ตนมีใจเดียว แต่รักทุกคน รักโคราชรับชาวอีสาน หัวใจตนยิ่งใหญ่พอสำหรับคน 70 ล้านคนเรา ต้องทำให้เขา เพราะเราคือประเทศไทย วันหน้าจะเชื่อมต่อกรุงเทพฯภาคกลาง ภาคอีสานและเชื่อมต่อไปประเทศเพื่อนบ้านไปถึงประเทศจีน โดยใช้งบประมาณของเราเองไม่ได้ไปสัมปทานกับต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่หนักอกหนักใจตนตลอดมาคือทำอย่างไรให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น ยอมรับว่าปัญหายังแก้ไม่ได้ทั้งกระบวนการ ถ้าเป็นไปได้จาก 700 จะเพิ่มเป็น 2,000 บาทดีหรือไม่ อันนี้ตนพูดได้ เพราะรู้ว่างบประมาณจะต้องบริหารความเป็นไปได้อย่างไรอยากจะเพิ่มให้จริงๆเป็นเรื่องที่จะทำต่อให้ ส่วนราคาสินค้าการเกษตร ก็จะทำให้ดีขึ้นประกันอย่างเดียวจะไปไม่ได้ต้องหาวิธีการลดต้นทุน ซึ่งวันนี้เรามีเกษตรกรมาก ซึ่งเราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยไม่ใช่ให้ใครมาดูถูกคำว่ามีรายได้น้อย ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการของรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ กล่าวถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปรากฎว่าประชาชนตะโกนให้ใช้ชื่อ “บัตรลุงตู่” นายกฯกล่าวขอบคุณ จะทำให้ดีที่สุด ถ้าให้ดีจะเพิ่มเป็น 1,000 บาท ซึ่งก็ต้องดูงบประมาณ ถ้าพูดแล้วไม่รับผิดชอบก็ลำบากจะทำให้มีปัญหาตรงอื่นด้วย
“เป็นครั้งแรกที่มาโคราชนึกถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และนึกว่าจะต้องทำอะไรต่อ เพราะท่านก็เมตตาผมเยอะที่ผ่านมาสอนสั่งอบรมผมมาโดยตลอด ผมจะต้องทำ ผมขอท่านแล้วแม้จะสิ้นไปแล้ว ผมก็ขอท่านทำให้สำเร็จซึ่งอีอีซีเริ่มต้นที่จังหวัดชลบุรี และลงพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งมี 10 จังหวัดที่จะลงทุน และจะเดินหน้าต่อไป
การเอาต่างชาติมาไม่ต้องกลัว เอาที่ดินเราไปไม่ได้แน่นอนมีกฎหมายดูแลอยู่ ขอบคุณพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา คนโคราช หมี่โคราชอร่อยมาก ภาษาอีสานเรียกว่าแซ่บหลาย ตอนนี้หลายภาษามั่วไปหมด แต่หัวใจนายกฯอยู่กับทุกคนในประเทศนี้ ผมเตรียมคำพูดมาเยอะ ภาคอีสานเขาเรียกข่อย สนุกมากแปลว่าม่วนหลาย คำว่าพูด แปลว่าว่าว คำว่าอร่อยแปลว่าแซ่บ ทำงาน แปลว่าเฮ็ด ก็พยายามจะรื้อฟื้นคำเก่าๆมา เพราะเราคือชาวอีสาน ลูกอีสาน หลานย่าโม
ประเทศไทยมีอะไรดีหลายอย่าง ข้อสำคัญวันนี้ถ้าเราพัฒนาความรู้เพิ่มเติม ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรอนายกฯแล้วกัน ผมจะทำให้ดี รับประกันว่าจะทำให้ต่อเนื่อง ถ้าเราได้อยู่ วันนี้ตื่นเต้นมาบ้านเกิดและคนมาเยอะแยะ ตั้งใจจะพูดเยอะแยะ แต่ไม่ไหวแล้วมันเต็มตื้น สู้ต่อไปโคราชสู้ต่อไป สู้ไปด้วยกัน อย่าลืมรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)เด้ออย่าลืมเด้อ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”ให้ทุกอย่างดีขึ้น อย่าลืมอย่าทิ้งรวมไปสร้างชาติ 16 เขตเหมาหมด อยู่ที่พวกเราจะกี่ใบ รวมกันสร้างชาติ ขอบคุณทุกคนเดินทางกลับบ้านปลอดภัยรับทุกคนเด้อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องอยู่ในใจตลอดกาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โดยเปิดนโยบายใหม่ “สิทธิบัตรสวัสดิการพลัส”เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เริ่มจากกลุ่มรายได้น้อย นอกจากนี้ยังมี การปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแบบขั้นบันได (อายุ 60 ได้เดือนละ 600 บาท / อายุ 70 ได้ 700 / อายุ 80 ได้ 800 ) เป็นให้เท่ากันทุกช่วงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน
รวมถึงนโยยายดูแลผู้สูงวัย ด้วยการสร้างศูนย์สันทนาการ และนโยบายลดภาษีให้ผู้ประกอบการที่จ้างผู้สูงวัยทำงาน และนโยบายให้ทุนเรียนวิชาชีพ อำเภอละ 100 ทุน มีสถาบันกำเนิดศิลป์ ปั้น ศิลปินไทย สู่เวทีโลก
ขณะเดียวกันยังมีนโยบายคนละครึ่ง และนโยบายเที่ยวด้วยกัน ภาค 2 ทำต่อ และนโยบายสร้างระบบแพทย์ 24 ชั่วโมง ปรึกษาแพทย์ผ่านระบบแพทย์ทางไกล
ขณะที่ภาคแรงงาน และข้าราชการ ยามเดือดร้อน เบิกส่วนประกันตน 30%มาใช้ก่อนได้ ส่วนอาชีพอิสระ เข้าระบบประกันสังคม ถ้วนหน้า พร้อมกันนี้มีนโยบายตั้งกองทุนพยุงราคาสินค้าเกษตร ราคาข้าว ราคายาง เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียน รวมถึงเพิ่มเงินสนับสนุนต้นทุนปลูกข้าว จากที่เคยได้ไร่ละ 700 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท ครอบครัวละ 5 ไร่ เพื่อให้ทันกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ยังมีนโยบายปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่า “One map” เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนยืดเยื้อ โดยเริ่มจาก 11 จังหวัดภาคกลาง และจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี รวมถึงนโยบายแก้กฎหมายเกี่ยวกับที่ดินทั้งหลาย เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมีที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ ได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกิน
นอกจากนี้ยังมี นโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และ ระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค ศูนย์กลางสำนักงานภูมิภาค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เพื่อรองรับสิ่งที่จะทำต่อ คือ การสร้างรายได้เข้าประเทศ
ที่มา เว็บไซต์ไทยโพสต์ www.thaipost.net