น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (20 ก.พ.) เวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand
โดยมีนางอรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) หรือ TCEB และผู้บริหารภาคเอกชนเข้าร่วม ณ ห้อง Plenary Hall 1 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหาแนวทางความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจของเอกชนในการสนับสนุนให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ Bureau International des Expositions(BIE) ตลอดจนสมาชิก BIE ทั้ง 171 ช่วยให้ประเทศไทยได้รับชัยชนะเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand ซึ่งไทยแข่งขันการเป็นเจ้าภาพกับอีก 4 ประเทศจากทวีปอเมริกา และยุโรป ประกอบด้วยสหรัฐฯ (มลรัฐมินิโซตา) อาร์เจนตินา (เมืองซาน คาร์ลอส เดอ บาริโลเช่) เซอร์เบีย (เมืองเบลเกรด) และสเปน (เมืองมาลาก้า)
ระหว่างการประชุม นายอนุทิน ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย สำหรับการเป็นตัวแทนภูมิภาคเอเชียเพื่อเข้าแข่งขันเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ว่า ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต สสปน. และหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันเตรียมการในเรื่องนี้อย่างเป็นเอกภาพ โดย BIE เข้ามาตรวจสอบสถานที่จัดงานและความพร้อมของไทย และมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งขณะนี้ไทยอยู่ในขั้นตอนการหาเสียงให้ประเทศสมาชิกของ BIE ทั้ง 171 ประเทศ ให้ลงคะแนนเสียงโหวตให้ประเทศไทย ซึ่งการตัดสินจะมีขึ้นในเดือนมิ.ย. 66 นี้
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงศักยภาพในมิติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการเป็นเจ้าภาพของไทยโดยเฉพาะการเป็นโอกาสเสนอทางออกให้กับสถานการณ์ต่างๆของโลกโลกในปัจจุบัน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ และเรื่องโลกร้อน ด้วยดึงผู้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการนำเสนอแนวคิดครอบคลุมมิติในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการแบ่งปัน ภายใต้ธีม Future of Life; Living in Harmony, Sharing Prosperity
นายอนุทิน กล่าวว่า ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยมีทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาเมือง ด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย และด้านการบริหารและพัฒนาพื้นที่หลังการจัดงาน โดยในระยะเวลา 90 วันของการจัดงานคาดว่าผู้เดินทางเข้ามาดูงานประมาณ 5 ล้านคน และทำให้เกิดรายได้เข้าประเทศประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
และเมื่องานสิ้นสุดลง สถานที่จัดงานก็จะกลายเป็นศูนย์สุขภาพระดับนานาชาติ เป็นแหล่งธรรมชาติ และเป็นสถานที่ประชุมนานาชาติแห่งใหม่ของไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และนักธุรกิจต่อไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างการประชุมผู้บริหาร TCEB ได้ให้ข้อมูลการดำเนินการของประเทศไทยในขั้นตอนต่างๆ ต่อเครือข่ายเอกชนต่างชาติ โดยกิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.พ. นี้คือ การจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand Symposia ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งจะเป็นโอกาสการนำเสนอศักยภาพของประเทศไทยต่อคณะกรรมการ และประเทศสมาชิก BIE
ทางด้านผู้บริหารภาคเอกชนได้นำเสนอแนวทาง รวมถึงรูปแบบความร่วมมือและการสนับสนุนให้ประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 Phuket Thailand ในครั้งนี้ด้วย