ตามที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ ได้อภิปราย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 พาดพิงการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และเข้าใจผิด ต่อการดำเนินการและการให้บริการประชาชนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้
เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
1.กรณีที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อภิปรายว่า มูลหนี้ตามข้อพิพาททั้งหมด จะมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท นั้น การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอให้ข้อมูลว่า มูลหนี้ตามข้อพิพาททั้งหมด มีมูลค่า 1.37 แสนล้านบาท (ในกรณีหากแพ้คดีกับ BEM) ซึ่งได้มีการเจรจาต่อรองแล้ว มูลหนี้ทั้งหมดจะมีมูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาท
กทพ. ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ในขั้นนำเสนอ ครม. นั้น ครม. ได้อนุมัติให้มีการเพิ่มเงื่อนไขให้ประชาชนขึ้นทางด่วนฟรีในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 19 วันต่อปี โดยจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 17 ล้านคัน เป็นมูลค่า ค่าผ่านทาง 690 ล้านบาท หรือ 10,867.5 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัมปทาน
2.กรณีที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อภิปรายว่า การรับสภาพหนี้ดังกล่าวทำให้ กทพ. มีหนี้เพิ่มจนทำให้ฐานะทางการเงินติดลบเป็นจำนวนมาก (จากกำไร 6,000 ล้านบาท เป็นขาดทุน 65,000 ล้านบาท) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอให้ข้อเท็จจริงว่า ในปี 2563 ที่พบว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยขาดทุน 65,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขขาดทุนทางบัญชีเท่านั้น สถานะทางการเงินในภาพรวมที่แท้จริงยังมีผลประกอบการที่กำไรทุกปี และ นำเงินส่งรัฐปีละประมาณ 3,000 – 5,000 ล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง
3.การขยายสัญญาตามมติ ครม. มิชอบตามกฎหมาย : คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอยืนยันว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการ และกับเอกชนผู้ร่วมลงทุน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอยืนยันว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทยดำเนินการบริหารโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชนและภาครัฐ และความถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด
