15 กุมภาพันธ์ 2566 ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ออกนโยบายสำหรับผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิ์ เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิตและมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงไปสอบถามผู้สูงวัยในชุมชนอุทัยรัตน์ กรุงเทพมหานคร พบว่า ทั้งหมดล้วนถูกใจกับนโยบายที่พรรคเพิ่งนำเสนออกมา โดยบางคนขอบคุณที่ พรรคการเมืองข้างต้น ให้ความสนใจกับผู้สูงวัยอย่างจริงจัง
นางสาคร ดีผลงาม ประธานชมรมผู้สูงอายุ ชุมชนอุทัยรัตน์ กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ทันทีที่เห็นนโยบายนี้ก็รู้สึกชอบใจเนื่องจากตัวเองก็มีอายุมากแล้ว ต้องการหลักประกันให้ลูกหลาน ตอบแทนที่เขาช่วยดูแลเรา นโยบายนี้ ถือว่าเป็นโยบายที่เข้าใจสังคมไทย เมื่อนโยบายนี้ออกมาจะเท่ากับว่าคนแก่คนเฒ่าจะมีความสุขมากขึ้น ที่ได้ตอบแทนการเอาใจใส่จากลูกหลาน
ด้านนางทัศนีย์ รักษาภักดี สมาชิกชมรมผู้สูงอายุ กล่าวว่า ในชุมชน มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่มีแรง มีสมอง แต่ไม่มีอาชีพ ไม่มีงานทำ เพราะขาดทุนตั้งต้น ต้องรอเงินรายเดือนจากรัฐ จากลูกหลาน การมีกองทุนนี้ เข้ามา สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ ช่วยจุดประกายหลายคน ให้กลับไปมีโอกาส ในการทำสัมมาอาชีพ
ขณะที่ นายต้อย ฤทธิ์อิ่ม สมาชิกชมรมผู้สูงอายุ ให้ความเห็นว่า ต้องขอบคุณพรรคไหนก็ตามที่คิดนโยบายขึ้นมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะไม่ทอดทิ้ง ไม่ปล่อยปะผู้สูงอายุ เห็นผู้สูงอายุยังมีคุณค่ายังมีความสำคัญกับสังคม
สำหรับนโยบายที่นำเสนอโดยพรรคภูมิใจไทย จะให้ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับสิทธิ์ เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต
โดย กองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ
1. ในวันที่อยู่ ‘ผู้สูงวัย’ ไม่เป็นภาระของลูกหลาน มีสิทธิกู้เงินดูแลตัวเอง และประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้ ในวงเงิน 20,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่จะใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตที่รัฐบาลจัดทำให้ ค้ำประกันตัวเอง
2. ในวันที่จากไป ‘ผู้สูงวัย’ ไม่สร้างภาระให้ลูกหลาน ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาท และครอบครัว รายละ 100,000 บาท