เปลว สีเงิน
ผมคิดว่ายามนี้ พี่น้องคนไทย มีคำพูดอยากจะเอ่ย แต่มันเอ่อล้นอยู่ในใจ ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร?
ก็ไม่เป็นไรครับ…
พอดีมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ส่งข้อความนี้มาให้ผม
ผมอ่านแล้วก็คิดว่า น่าจะตรงกับความรู้สึกเราทุกคน ฉะนั้น ขอใช้ข้อความดังต่อไปนี้ แทนความในใจคนไทยทุกคนก็แล้วกัน
………………………….
กราบทูลเอย อัญเชิญพระทูลกระหม่อมแก้ว
หลายวันแล้ว ไม่ทรงกลับ ยังหลับใหล
เพลินพนา ท่องป่าเขา ลำเนาไพร
ประชาไทย เฝ้ารอรับ กลับนัครา
กราบทูลเชิญ เสด็จกลับสู่ พระวรองค์
พระราชวงศ์ ทุกพระองค์ ทรงห่วงหา
ไทยทั้งชาติ รอฝ่าพระบาท กลับคืนมา
ทรงสถิตย์ เป็นขวัญหล้า ประชาไทย
พระบิดา ทรงกังวล ด้วยห่วงหา
พระมารดา รอองค์ภา อย่าหลับใหล
ผองทวยราษฎร์ รอคืนกลับ ด้วยห่วงใย
เสด็จไหน ทูลเชิญตื่น ฟื้นพระองค์
เสียงขับขาน ประสานเพิ่ม เสริมกุศล
พุทธมนต์ ดลประสิทธิ์ สัมฤทธิ์ประสงค์
เสด็จกลับ มาเป็นศรี จักรีวงศ์
กลับมาทรง เป็นขวัญหล้า คู่ฟ้าไทย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า “ขวัญใจ สไบแพร”
20 ธันวาคม 2565
…………………………………………
นี่ก็ใกล้ปีเถาะ คือปี พ.ศ.๒๕๖๖ แล้ว
เร็วจริงๆ แต่ความจริง มันก็ ๓๖๕ วันเหมือนทุกปี
ที่รู้สึกว่าเร็ว คงเพราะบาดแผลกฎกรรมเฆี่ยนโบยมา ๒-๓ ปีติดๆ มันยังไม่ตกสะเก็ดดีนั่นกระมัง
คิดย้อนไปเมื่อต้นปี ๖๕ ………
แล้วย้อนกลับมาดู ณ ปัจจุบัน ปลายปีขณะนี้
โอ้โฮ ใครจะไปคิด ตอนต้นปี ยังโงหัวไม่ขึ้น ทั้งพิษโควิดทั้งพิษสงครามเศรษฐกิจ และทั้งพิษสงครามยูเครน-รัสเซีย
พอตกกลางปี มืดคลุ้มที่คลุมประเทศค่อยจาง จากการตัดสินใจของรัฐบาล ที่ประกาศ
“เราจะอยู่ร่วมกับโควิด”….แล้วเปิดประเทศ!
ไทยเรากลายเป็นประเทศ “นำร่องโลก” ด้วยวิสัยทัศน์ “ไม่หนีปัญหา หากแต่อยู่ร่วมกับปัญหา” แบบบริหาร-จัดการด้วยประสบการณ์ ทั้งของรัฐบาลและของคณะแพทย์ไทย
ประเทศถึงไม่หายไข้ ๑๐๐%
แต่ “ชีวิต-เศรษฐกิจ-ประชาชน” รอดตาย ๑๐๐%!
ท่ามกลางสายตานานาประเทศจับจ้อง ไทย..แนวหน้ากล้าตายจะรอดมั้ย แล้วก็รอด
รอด “อยู่ร่วมกับโควิด” ฉันท์ญาติสนิท
รอด “พิษเศรษฐกิจ-การเงิน-การพลังงาน” ที่โหมกระหน่ำ
รอด “นักท่องเที่ยว” ทั้ง “อาเซียน-เอเซีย-ตะวันออกกลาง-สหรัฐ-ยุโรป” ทุกสายการบิน มุ่งตรงมาลง ณ สุวรรณภูมิ
การประชุม “สุดยอดผู้นำเอเปก” จาก ๒๑ เขตเศรษฐกิจ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ๑๘-๑๙ พฤศจิกา.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผ่านไป
ด้วยศักยภาพและเสถียรภาพประเทศ
ไทยได้รับความเชื่อมั่นใน “มาตรฐานประเทศ “ระดับเวิลด์คลาส” จนประเทศไทยกลายเป็น “หมุดหมาย” ครั้งหนึ่งในชีวิต” ของสังคมโลกไปแล้ว เวลานี้
๑๐ ล้านคน เกินทะลุเป้า เหยียบเข้า ๑๒ ล้าน
คือ นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาไทย ในชั่วระยะ ๓-๔ เดือน!?
ขอบคุณ “คนไทย” ทุกคน ….
ขอบคุณทุกคน อยู่ในบ้านเมือง เราหาความสุขด้วยการแบ่งสี-แบ่งฝ่าย ฝึกซ้อม หาทักษะ การทะเลาะ-ด่าทอกัน แก้เซ็ง
แต่ยามบ้านเมืองมีปัญหา มี “แขกบ้านแขกเมือง” มา เรา “รวมฝ่าย” หยุดทะเลาะกัน
ทำหน้าที่ “เจ้าบ้าน” ต้อนรับ-ดูแลแขกเหรื่อ จนเขาต่างประทับใจ สังคมบ้านเขา รู้จักแต่คำว่า Take
แต่มาเมืองไทย เจอคนไทย คบค้าสมาคมคนไทย ทึ่งมาก…คนไทยมีแต่คำว่า Give
ก็อยากบอกพวกเราทุกคน บ้านเมืองเรา “ดีที่สุด” ในโลก ดีในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ด้วยอารยวัตถุ
หากแต่เรา เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ด้วยน้ำใจ ด้วยอัธยาศัยใจคอ เอื้ออาทรต่อกัน ให้-คือมีอะไรก็แบ่งปันกัน ใครทุกข์ร้อน ก็ช่วยเหลือกัน
ชาติอื่นๆ ในโลกเขามีแต่ “ตัวใคร-ตัวมัน” เป็นส่วนใหญ่ พูดถึงบ้านเมืองเขาสวย ก็สวยแบบแห้งแล้ง บ้านเมืองไทย ถึงไม่สวยเหมือนเขา แต่ร่ำรวยน้ำใจและธรรมชาติ
เพราะอย่างนี้แหละ ใครได้มาเที่ยวเมืองไทยซักครั้ง เป็นต้องตก “หล่มน้ำใจ” จนต้องเวียนมาทุกปี ที่ปักหลักยึดไทยเป็นเรือนตายเลยก็มี
ก็อยากให้พวกเรา “รุ่นหนุ่ม-รุ่นสาว” ที่เรียกว่า “คนรุ่นใหม่” ทั้งหลาย ลองใคร่ครวญทวนทบดู
ทั้งโลกเขาอิจฉาบ้านเราทั้งนั้น แล้วเราจะไปหลงใหลไคล้คลั่งอะไรกับเขาถึงขั้น “ชังบ้าน-ชังเมือง” ตัวเอง
ผมก็เข้าใจ เพราะกว่าจะแก่ใกล้ตาย ก็ผ่านคำว่า “คนรุ่นใหม่” อย่างพวกคุณมาก่อน รู้…วัยรุ่นคิดอะไร ต้องการอะไร? แผลงๆ ไปบ้าง ก็ไม่ว่ากัน
แต่มันต้องมีกรอบ “กรอบ” ในที่นี้คือ “สติ” ยั้งคิด ว่าเราคนไทย “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” คือเสาหลัก-เสาเข็มของบ้านเมือง
ถ้าเราไปไปโยก-ไปคลอน เมื่อ “เสาหลัก” ล้ม ไม่คิดบ้างหรือว่า “รุ่นใหม่” อย่างพวกคุณที่ต้องอยู่กันต่อไป จะอยู่อย่างไร ในสภาพไหน?
ผมเคยไปทำข่าวสงครามตอนเขมรกำลังจะแตก-มิแตกแหล่ที่กรุงพนมเปญ
คำว่า “บ้านแตก-สาแหรกขาด” คำว่า “หอบลูก-จูงหลาน” คำว่า “ซัดเซพเนจร” คำว่า “ไปตายเอาดาบหน้า” คำว่า “มืดมิดมองไม่เห็นอนาคต”
และคำว่า “ไม่รู้จะตายวัน-ตายพรุ่ง” เป็นอย่างไร เข้าใจกระจ่างชัด โดยไม่ต้องให้ใครมาอธิบายเลย!
เราคนไทยทุกคน ยิ่งรุ่นใหม่ด้วยแล้ว นับว่าโชคดีที่ได้เกิดอยู่ในแผ่นดินที่ไม่เคยแตกกระซานซ่านเซ็นอย่างหลายๆประเทศ
แต่ก็นั่นแหละ….
เพราะพวกเราคนไทย “ไม่เคยมีความเจ็บปวดร่วมกันที่จะต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะมัน” อย่างบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม กระทั่ง ไต้หวัน
เราจึงเห็นความสุขสบาย เป็นความจำเจ-ชินชา ที่น่าเบื่อหน่าย แล้วพยายามสร้างเหตุ-สร้างปัญหาให้บ้านเมือง ด้วยคิดว่า “ความฉิบหาย” คือความสนุก-สะใจ!
ประสบการณ์ “จากเด็ก” สอนผมอีกอย่าง
พ่อแม่เป็นรอง “ครู-อาจารย์-เพื่อน” ที่โรงเรียนเป็นหลัก!
เมื่อเข้าโรงเรียน อยู่กับพ่อแม่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อนและครู-อาจารย์ที่โรงเรียน
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ “เพื่อน-ครู-อาจารย์” นั่นแหละ คือ “เบ้าหลอม” ให้เด็กเติบโตขึ้น เป็นคนดีหรือคนเลว!
ผมไม่โทษ “นักเรียน-นักศึกษา” ที่อยู่ในสภาพ “คนรุ่นใหม่ ๓ นิ้ว”
มันจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้เลย ถ้าเบ้าหลอม คือ “ครูตามโรงเรียน” และ “อาจารย์ตามมหาวิทยาลัย”
ไม่เป็น “เบ้าหลอม” ที่เลว!
ผมรู้….เมื่อสหรัฐฯ แพ้สงครามรุกรานที่ใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” บังหน้า ในหลายๆ ภูมิภาคโลก
ก่อนถลกตูดกลับ….
ก็ “วางไข่ตะกวด” ฝังไว้ในรูปแบบองค์กรเพื่อสังคมต่างๆ ฟักออกมาเป็นเอ็นจีโอบ้าง สิทธิมนุษยชนบ้าง องค์กรเพื่อการศึกษาบ้าง
ที่แท้ สหรัฐฯ มันฝังเพื่อเพาะให้ทำงานเป็นหู-เป็นตา-เป็นตีนให้มันโดยตรง
ที่สหรัฐฯ ทำได้ เพราะเขาเป็นลูกพี่ “ยูเอ็น” ซึ่งยูเอ็นก็คือองค์กรลูกมือ “ยิว-ไซออนิสม์” เขารู้กันทั่ว
ยูเอ็นจึงต้องออกหน้ารับและบังคับกรายๆ ให้ประเทศสมาชิกต้องมีองค์กรเหล่านี้สิงอยู่
พวก NGOs พวก NED นี่แหละ คือรังของพวกอาจารย์แก๊งอเมริกันเลี้ยง
โดยเฉพาะที่เก็บไปชุบตัวอยู่อเมริกาตอน ๖ ตุลา.กลับมา ก็รับแผน “ล้มชาติ-ล้มสถาบัน” กันมาปฎิบัติ
เติบโตกันเป็นอาจารย์มหา’ลัย ขยายเครือข่ายกระจายไปแทบทุกแห่งทั่วประเทศ ชักใยกันมา ๒๐-๓๐ ปีแล้ว
จาน’ พวกนี้ ก็เพาะกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ รัฐบาลไหน “สมประโยชน์” ไอ้กัน
พวกจาน-พวกนักศึกษาก็เชียร์ ก็ออกจอ จ้อเลียตูด
รัฐบาลไหน ไม่สนองนโยบายไอ้กัน คือไม่ยอมเป็นเด็กดี มันก็สั่งสมุนออกมาก่อการ-ก่อกวน ทุกรูปแบบอย่างที่เห็น
และสังเกตมั้ย…
จะมีพวกจาน’กูรู พิมพ์เดียวกันอยู่พวก คอยเวียนให้สัมภาษณ์ออกจอ หนุนหลังเด็ก วิพากษ์รัฐบาลเลวทุกเรื่อง!
ระดับมหา’ลัยนี่ ส่วนปลาย
ส่วนต้น คือระดับประถม-มัธยมตามต่างจังหวัด NED ใช้ระบบ “ตีป่าล้อมเมือง”
แทรกซึมเข้าครู-อาจารย์ผู้บริหารโรงเรียนมาเป็นสิบๆ ปีสร้างเป็นเครือข่ายแน่นหนาเข้ากับนักการเมืองถึงขณะนี้
จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นครูหลายๆ โรงเรียน “ล้างสมองเด็ก” ด้วยการใช้ข้อมูลบิดเบือนสอนเด็กให้ชังชาติ-ชังสถาบัน
ก็บอกแล้ว เด็กเหมือน “ผ้าขาว”
เมื่อครูโรงเรียน จาน’มหาลัย เป็น “เบ้าหลอม” จัญไรเสียเองแบบนี้ จะไปโทษเด็กที่กระเทาะออกจากเบ้า มันก็ไม่ถูกนัก
ดูอย่าง “รุ้ง-ปนัสยา” ตัวตึง ๓ นิ้วของจานธรรมศาสตร์ ไม่ต้องพูดถึงการศึกษาสูงระดับมหา’ลัย
เอาแค่ “ธรรมชาติสตรี” ก็พอ ……..
ไม่มีคนไหนไร้ยางอายถึงขั้นให้ “อวัยวะเพศชาย” กับคนอื่นหรอก
แต่รุ้งและนักศึกษาหญิงสามนิ้ว ใช้คำอวัยวะเพศชาย-หญิงมาให้กัน สมภาคภูมิสถาบันทั้งธรรมศาสตร์-จุฬาฯ
แรกๆ แปลกใจ จาน’ที่ไหนสอน?
มาวานซืน หายแปลก…
น่าจะมาจาก “นายปิยบุตร” นี่กระมัง เพราะวานซืนโพสต์คำเดียวกับรุ้ง-ธรรมศาสตร์เป๊ะเลย!
อ้าว….ไม่ทันได้เข้าเรื่องเลย ล้นหน้ากระดาษซะแล้ว
ก็ไม่มีอะไร นอกจากจะบอกว่า
ใช้ความเกลียดชัง แก้ปัญหาไม่ได้ ใช้ความรัก-ความเข้าใจ จึงจะได้
ที่แก้ไม่ไหว ก็ต้องปล่อยให้ “จมปลักควาย” ตายไปเอง!
เปลว สีเงิน
๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕