ขอบคุณ ‘ตู้ห่าว’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

กีฬาเป็นยาวิเศษ

ถ้ายังไม่พยายามมากพอ ก็อย่าคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ แล้วเลิกล้มความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวไปข้างหน้า

ดูทีมฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง

ชนะเยอรมัน ๒ ต่อ ๑

ชนะสเปน ในสกอร์เดียวกัน

ทั้งเยอรมัน และ สเปน ล้วนเคยเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วทั้งคู่

อันดับโลก สเปนอยู่ที่ ๗ ส่วนเยอรมันลำดับที่ ๑๑

ขณะที่ญี่ปุ่น ลำดับที่ ๒๔

ความสำเร็จของญี่ปุ่นมาจากอะไร?

“ไคเซน” คือหัวใจในการพัฒนาประเทศของญี่ปุ่น

ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

มีคำอธิบายว่า “ไคเซน” คือ การปรับปรุง ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือการควบคุมคุณภาพทั้งหมด ระบบคิวซี และแรงงานสัมพันธ์ ทั้งหมดของกลยุทธ์ และวิธีการในการบริหารส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลกนั้นรวมอยู่ในไคเซนนี้เอง

แนวความคิดหลักของกลยุทธ์แบบไคเซนก็คือ “จะไม่มีวันใดผ่านไปโดยปราศจากการปรับปรุง ณ ที่หนึ่งที่ใดในบริษัท”

ความเชื่อที่ว่าควรมีการปรับปรุงอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของชนชาวญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นต้นมา

บริษัทญี่ปุ่นส่วนมากต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุประกอบอันหนึ่งที่ทำให้ชนชาตินี้ต้องกระตือรือร้นพัฒนาตนเองโดยไม่หยุดยั้ง ทุกๆ วันจึงหมายถึง การท้าทายใหม่ๆ และการก้าวไปข้างหน้า

นอกจากนั้นการดำเนินธุรกิจย่อมต้องการความก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไคเซนจึงกลายเป็นวิถีชีวิตอันหนึ่งของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว

เช่นกันครับ ไคเซน เข้าไปอยู่ในวิถีของฟุตบอลญี่ปุ่น

จากที่เคยเตะก๊อกๆ แก๊กๆ กับไทย ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ

มาวันนี้ ฟุตบอลทีมชาติไทยยังก้าวไม่พ้นอาเซียน

ไม่ต้องพูดถึงระดับโลก เพราะยังมองไม่เห็นแววว่าจะไปไกลถึงขนาดนั้น

เพราะเรายังไม่พยายามมากพอใช่หรือไม่?

มันก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เรายังไม่พยายามมากพอ บางเรื่องยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไร

ญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดีที่เราสามารถใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาได้แทบทุกเรื่อง

การสร้างระเบียบวินัย

การปราบคอร์รัปชัน

แค่ ๒ เรื่องนี้หากสามารถพัฒนาเทียบชั้นญี่ปุ่นได้ ไทยจะเจริญขึ้นอีกมหาศาล

เรื่องวัฒนธรรม ประเพณี ไม่ต้องลอกแบบครับ ของเราดีพออยู่แล้ว แต่วิถีในบางเรื่อง เราจะอยู่แบบเดิมไม่ได้

แล้วทำไมเราทำไม่ได้

เพราะพลเมืองไทยเยอะเกินไปหรือเปล่า ตั้ง ๗๐ ล้านคน

คนยิ่งเยอะยิ่งพัฒนายาก ดูสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง มีประชากรแค่ ๕ ล้านเศษ พัฒนาง่าย จึงกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศเดียวในอาเซียน

ไม่จริงเสมอไป

ญี่ปุ่นมีพลเมือง ๑๒๖ ล้านคน เกือบ ๒ เท่าของไทย แต่พื้นที่ประเทศเล็กกว่าไทย อยู่กันแออัดกว่า แต่ทำไมญี่ปุ่นถึงสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองพอๆ กับตะวันตกได้

มันไม่ได้อยู่ที่ขนาดของประเทศ จำนวนประชากร

แต่อยู่ที่ขนาดของมันสมอง และจิตสำนึก

โดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชัน ว่ากันตามตรง “รัฐบาลลุงตู่” สอบตก ส่วนรัฐบาลก่อนๆ กินไข่ ไม่เคยแก้ได้

คนไทยนี่ก็แปลก ดัชนีคอร์รัปชันดีขึ้นผิดหูผิดตาเมื่อปี ๒๕๕๗ เพราะคนโกงกลัวคณะรัฐประหาร

แต่หลังจากนั้นทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ภาคเอกชน ค่อยๆ กลับมาโกงกันตามปกติ

กรณี “ตู้ห่าว” คือตัวอย่างของการโกงเป็นระบบเครือข่าย

ต้องยกนิ้วให้ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ครับที่เขียนถึงเรื่องนี้อย่างถึงพริกถึงขิง

…“ตู้ห่าว” คนนี้ นอกจากทำมาหากินสีเทาใต้ดินแล้ว ยังเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้บริจาคเงินเข้าบัญชี มีหลักฐานในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เฉพาะที่มีหลักฐานก็สามล้านนะครับ

แล้วใครจะกล้าฟันธงมั้ยว่าไม่มีการให้กันนอกระบบ ไม่มีการเติมเงินให้พรรคการเมืองนี้เอาไปใช้จ่ายในสนามเลือกตั้ง

นี่ไงครับ! คนพวกนี้ถึงเข้ามาก่อการอยู่ในประเทศไทยได้ แล้วพอพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลมาสามปีกว่าๆ ที่เพิ่งด่ากันจบไปหยกๆ ไงครับ

กรณีรัฐบาลจะแก้ประกาศกระทรวงมหาดไทยให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ ๑ ล้านดอลลาร์ แล้วซื้อที่ดินได้ ๑ ไร่ ถ้าผ่านไปบังคับใช้ ใครครับจะมาก่อน? ก็คนพวกนี้ไงครับ

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม หมู่บ้านหรูๆ หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร ราคา ๓๐ ล้าน ๖๐ ล้าน ๑๐๐ ล้าน คนพวกนี้ยกโขยงกันมาซื้อยกโครงการ

ที่ซอยลาซาล หมู่บ้านมี ๖๖ หลัง เครือข่าย “ตู้ห่าว” และพวก ซื้อไปแล้ว ๕๐ หลัง โดยนอมินีเป็นคนไทย

คอนโดฯ บางแห่งซื้อยกชั้น ยกสองชั้น ยกสามชั้น บ้านเดี่ยวบางหลังราคา ๑๐๐ ล้าน ใช้นอมินีคนไทยไปเป็นผู้ซื้อ

นี่ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันด่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเครือข่ายทุนสีเทานอกระบบเหล่านี้จะครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ในประเทศไทยไว้มากมาย ก็ให้นอมินีคนไทยซื้อต่อๆ กัน คนละไร่ๆ ๕๐ ไร่ ๑๐๐ ไร่ เขาทำได้!

คนในรัฐบาลชุดนี้นอกจากจะกินเงินสกปรกจากขบวนการสกปรกแล้ว ส่อว่าคิดถึงขั้นจะขายแผ่นดินให้กับพวกใต้ดินด้วย!!!…

เห็นด้วยกับ “ณัฐวุฒิ” ต้องช่วยกันด่าเยอะๆ

เห็นว่าขบวนการ “ตู้ห่าว” หอบเงินสดๆ ไปซื้อบ้าน ๕๐ หลัง

เห็นที บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset) เจ้าของโครงการบ้านเดี่ยว แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท คงต้องให้คำตอบ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยแล้วล่ะครับว่า ไม่สงสัยบ้างหรือ

“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” สามี “เอม-พินทองทา ชินวัตร” ลูกเขย “ทักษิณ ชินวัตร” ซีอีโอ SC Asset เคยผ่านตาบ้างหรือเปล่า

มันก็ต้องรับผิดชอบกันทุกฝ่าย รัฐบาล ต้องรับผิดชอบปล่อยให้มาเฟียต่างชาติ เติบโตในไทยได้อย่างไร

และมันต้องย้อนไปหลายรัฐบาลรวมทั้งรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ด้วย เพราะมาเฟียต่างชาติเข้ามานานแล้ว

ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยก็รู้จัก “ตู้ห่าว” ไม่ใช่หรือ?

ภาคเอกชน จะขายอย่างเดียวโดยไม่ชั่งใจว่ามีความผิดปกติหรือไม่ มันใช่หรือ?

ไม่เช่นนั้นต่อไปใครหอบเงินสดมาซื้อยกโครงการก็ขายไป โดยไม่ต้องสนใจที่มาที่ไป มันก็ฉิบหายกันหมด

คอร์รัปชันมันเป็นขบวนการครับ น้อยมากที่จะทำคนเดียว

หากจะตัดวงจรคอร์รัปชันต้องตัดที่นักการเมือง ข้าราชการ เพราะนี่คือแหล่งบ่มเพาะคอร์รัปชัน

ญี่ปุ่นเขาทำได้มานานมากแล้ว

ไทยเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่?

เริ่มที่คดี “ตู้ห่าว” ก็ยังไม่สายครับ

Written By
More from pp
ภาระเยอะแค่ไหน ออมสิน ก็ช่วยคุณได้ ด้วย “สินเชื่อบ้านดีหนี้เบา”
เพราะออมสินเข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้ทุกคนกำลังเชิญช่วงเวลาวิกฤตเศรษฐกิจ
Read More
0 replies on “ขอบคุณ ‘ตู้ห่าว’ – ผักกาดหอม”