จุดยืนอยู่ที่แค่ปลายตีน-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เอเปกจบ แต่ไม่จบ

อีกฝั่ง…คือฝั่งไม่ชอบขี้หน้ารัฐบาล เขาหยิบยกประเด็นการสลายการชุมนุม กลุ่ม “ราษฎรหยุดเอเปก” แถวๆ แยกคอกวัว วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ขึ้นมาเล่นงานรัฐบาล

เครือข่ายพรรคการเมืองเอาไปเคลมว่า เอเปกครั้งนี้ล้มเหลว สู้สมัยที่ “ทักษิณ” จัดไม่ได้

มีความเคลื่อนไหวสอดรับกันทั้งในและต่างประเทศ

กติกาสากล การชุมนุม เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงออกของประชาชน

ไม่ชอบรัฐบาลก็สามารถชุมนุมประท้วงได้

ไม่มีใครสงสัยในกติกานี้

แต่การชุมนุม ต้องทำตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด หากเกินกว่านั้น เจ้าหน้าที่สามารถเข้าบังคับใช้กฎหมายได้

นี่้ก็เป็นหลักสากล เพื่อป้องกันความวุ่นวาย เพราะการชุมนุม มีความเสี่ยงที่ผู้จัดการชุมนุมจะควบคุมไม่ได้ จากการชุมนุมปกติกลายเป็นม็อบสร้างความรุนแรง

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชาติที่พัฒนาแล้วอย่างยุโรป หรืออเมริกา เราจึงเห็นข่าวต่างประเทศ มีตำรวจทุบม็อบอยู่บ่อยครั้ง

มุมหนึ่งมันเป็นเรื่องต่างคนต่างทำหน้าที่

ผู้ชุมนุมต้องการเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย

นี่คือหลักฐานพื้นที่้ต้องเข้าใจ

กรณี “ราษฎรหยุดเอเปก” ประเด็นเรียกร้อง แทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเอเปก แต่ต้องการไล่รัฐบาล

ไม่อยากให้รัฐบาลจัดประชุมเอเปก

“ราษฎรหยุดเอเปก” แจ้งขอใช้สถานที่ชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ระบุว่า “เป็นการชุมนุมแบบปักหลักค้างคืนตั้งแต่วันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เนื่องจากมีชาวบ้านเดินทางมาร่วมชุมนุมจากหลายจังหวัดในทุกภูมิภาคและต้องดำเนินกิจกรรมเป็นเวลา ๓ วัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องปักหลักค้างคืนบริเวณลานคนเมือง โดยจะเริ่มใช้เครื่องขยายเสียงตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น.ถึง ๒๓.๐๐ น.เป็นต้นไป ข้าพเจ้ารับรองว่าข้อมูลข้างต้นเป็นความจริงทุกประการ”

คำขอจัดการชุมนุม ไม่ได้แจ้งว่าจะมีการเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ลานคนเมืองแต่อย่างใด

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำตามกฎหมาย เมื่อผู้ชุมนุมลงถนนเพื่อเดินทางไปยังสถานที่จัดประชุมเอเปก ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามที่ประกาศมาก่อนแล้ว

การทุบตี ขว้างก้อนหิน ยิงหัวนอต ยิงกระสุนยาง คือปลายเหตุจากความไม่ตรงไปตรงมาข้างต้น

พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย ถือหางผู้ชุมนุม ก็จับตาดูว่า หาก ๒ พรรคการเมืองนี้ได้เป็นรัฐบาลจะมีวิธีการจัดการกับการชุมนุมอย่างไร

ความเคลื่อนไหวในประเทศก็ประมาณนี้

ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ จัดโดยกลุ่มผู้ลี้ภัยคดี ม.๑๑๒ นำโดย “จรัล ดิษฐาอภิชัย” จัดชุมนุมวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ที่ Place Saint Agustin 8 Av. César Caire เพื่อยื่นหนังสือต่อประธานาธิบดีมาครง

จะเปิดเผยความจริงรัฐบาลไทยปราบปรามการชุมนุมเดินขบวนอย่างโหดร้าย ช่วงประชุมเอเปกที่ประธานาธิบดีไปร่วมด้วย

ครับ…ฟังดูยิ่งใหญ่ทีเดียว

แต่พวกของ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ไม่ได้มองแบบนั้น เพราะความจริงกับสิ่งที่มโนนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง

เดี๋ยวจะหาว่าเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน

ไปดูทัศนะจาก “อั้ม เนโกะ-ศรัณย์ ฉุยฉาย” ลี้ภัยอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศสนั่นแหละครับ

“อั้ม เนโกะ” โพสต์เฟซบุ๊ก Aum Neko ตามนี้ครับ

——————–

#หยุดคุกคามประชาชน #หยุดปราบปรามการประท้วง เมื่อวานนี้ Macron ได้มาพบ Prayuth ในวาระงาน #APEC โดยหารือวาระเศรษฐกิจ การเมืองกันมื่นชื่น อย่างหน้าไม่อายกันทั้งคู่ ทั้งๆ ที่ประชาชน ผู้ประท้วงทั้งในไทยและฝรั่งเศสถูกปราบปรามกันมาตลอด แต่ทว่าพวกฝั่งประชาธิปไตยไทยสามกีบ โดยเฉพาะพวกอีลีท สื่อ นักวิชาการ ปัญญาชนชั้นกลางชายเป็นใหญ่ทั้งหลายเลือกที่จะไม่แตะปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในตะวันตก

ทั้งๆ ที่ในฝรั่งเศสมีคนตาบอดจากการถูกยิงกระสุนยางเข้าที่ตา เด็กนักเรียนถูกตำรวจควบคุม คุกคาม มีการใช้ Grenade GLI-F4 จนทำให้ผู้ประท้วงมือขาด นิ้วด้วนกันมากมาย มิหนำซ้ำมีคนตายเพราะโดนลูกหลงจากแก๊ซน้ำตาที่ ตร.ยิงไปโดนที่ Marseille อีกด้วย ถามว่ามีใคร มีสื่อสามกีบในไทยที่ไหนไปประท้วง ตั้งคำถาม Macron บ้างมั้ย? นักรายงานข่าวนานาชาติในไทยผ่านเฟซอย่าง Pipob และสื่ออื่นๆ อยู่ไหนกันไม่ทราบ?

ล่าสุดอาจารย์ Jaran Ditapichai จัดชุมนุมขอบคุณฝรั่งเศส ส่วนตัวอั้มอ้วกจะแตก ทำไมต้องไปขอบคุณให้เวอร์วัง เพราะ #การลี้ภัย และ #การได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน คือหลักการขั้นพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน และฝรั่งเศสได้เซ็นรับหลักการต่างๆ ไม่ว่าจะ Convention de Genève หรืออะไรก็ตาม

#การลี้ภัยคือสิทธิ ไม่ใช่ #งานสังคมสงเคราะห์ ไม่ต้องไปกราบขอบคุณ ทุกคนที่ได้รับภัยอันตรายสมควรได้รับสิทธิในการลี้ภัย ไม่ใช่ความดีต่างตอบแทนอะไรทั้งนั้น การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของไทยมันมีความย้อนแย้งในตัวเองสูงมากนั้น คือ เรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ โดยการทำตัวเป็นพวกไม่เอานายทาสคนเก่า แต่จะเอานายทาสคนใหม่ ไม่เอาประยุทธ์ จีน แต่จะเอานายทาสจักรวรรดินิยมตะวันตกที่ไม่ได้มีหลักการเหี้ยห่าอะไรจริงๆ ตามที่เห็นในภาพ

และที่สำคัญในฝรั่งเศสตอนนี้ทางรัฐมนตรีกลาโหม Darmanin ต้องการที่จะเพิ่มความเข้มงวดต่อการปราบปรามผู้อพยพที่ไม่มีวีซ่า (les sans papiers) โดยมันต้องการให้คนไม่มีวีซ่าที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ คนที่หนีตายความยากจน สงคราม ความอยุติธรรมทั่วโลก ให้ถูกหมายตามหา แบบเดียวกันกับผู้อพยพที่ก่ออาชญากรรม แล้วอย่าลืมไปว่าพี่น้องคนไทยเราจำนวนมากก็จะตกไปอยู่ในสภาวะถูกทำให้กลายเป็นเหมือนอาชญากรไปด้วย เพียงเพราะว่าฝรั่งเศสคุ้มครอง และให้สิทธิในการลี้ภัยแก่คนไทยบางคน หมายความว่าเราต้องไปรำสดุดีถวายพระพรนายทาสที่ใจดีเอาตีนลูบหัวกับทาสกลุ่มนึง แต่อีกตีนเหยียบหัวทาสกลุ่มอื่นอยู่???

หลักการต่างๆ ที่ฝั่งประชาธิปไตยไทย ซ้ายชายไทย สามกีบทั้งหลายเรียกร้องต่อระบอบเผด็จการในไทยนั้นไม่เคยจะมีมาตรฐานเดียวกัน เมื่อมันไปเกี่ยวข้องกับนายทาสจักรวรรดินิยมตะวันตก แน่นอนว่าการวิพากษ์ตะวันตกไม่ได้หมายความว่าเราสนับสนุนความเลวร้ายต่ำทรามของจักรวรรดินิยมจีนและรัสเซีย แต่หากคนพวกนี้มีหลักการจริงๆ มี moral courage มีกระดูกสันหลังกันบ้าง เราคงไม่มาอยู่ในจุดจุดนี้หรอกค่ะ น่าทุเรศทั้งฝั่งเผด็จการไทย และพวกลูกทาสฝั่งประชาธิปไตยไทย

จุดยืนพวกนี้อยู่ตรงไหน ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ทราบแค่ว่าจุดยืนอยู่ที่แค่ปลายตีน

——————-

ถามว่า “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ไม่รู้ในสิ่งที่ “อั้ม เนโกะ” ท้วงติงหรือ?

รู้ครับ เพราะ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ก็เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองเหมือนกัน และเห็นภาพเผาเมืองกับตา

แต่สิ่งที่ “จรัล ดิษฐาอภิชัย” กำลังทำมันคืออีเวนต์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก จัดกันมาต่อเนื่อง เอาคนมา ๔-๕ คนบ้าง ๑๐-๒๐ คนบ้าง มายืนถือป้ายประท้วงแล้วถ่ายรูปแชร์กันในโซเชียล

โชว์แล้วได้อะไรไม่ทราบครับ แต่ครั้งหนึ่งเคยมีนักการเมืองจากไทยไปเจ้ากี้เจ้าการจ้างล็อบบี้ยิสต์กระพือการชุมนุมของกลุ่มนี้ ออกข่าวว่าสภาในยุโรปบางประเทศจะเอาเรื่องที่ไทยเข้าไปถกกัน

สุดท้ายก็เสียตังค์ฟรี

มันมีความพยายามดิสเครดิตรัฐบาลไทยจากต่างประเทศจริง แต่ไม่ได้ผล เพราะหากได้ผลคงไม่มีผู้นำชาติต่างๆ เดินทางมาไทยเพื่อร่วมประชุมเอเปก

แต่ที่เห็นเป็นจริงในตอนนี้คือ…ผีเห็นผี