เขาว่า “๓ ป.แตกกัน” – เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

เมื่อวาน…..
ลุงป้อม “พลเอกประวิตร” พูดย้าวยาว!
นักข่าวปั้นประเด็นแแหย่
“หากพลเอกประยุทธ์ ไม่อยู่พรรคพปชร. อาจจะขนส.ส.ไปด้วย?”
ลุงป้อมฉุน ตอบประชด
“ไปเลย…ไปไหนก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ใครอยากไปไหนเป็นเรื่องของตัวบุคคล”

ลุงป้อมงับเหยื่อ นักข่าวตวัดเบ็ดทันที
“ถ้าพลเอกประยุทธ์จะไป ไม่ห้ามใช่มั้ย?”
“ไม่ห้าม…ผมไม่ห้ามใครทั้งนั้น”
ลุงป้อมโพล่ง!

เพราะอย่างนั้น เรื่องนี้ จึงเป็น “อาหารค้างคืน” ข้ามมาเลาะก้าง-เลาะกระดูกแทะกันถึงวันนี้!

ว่ากันที่จริง การที่พลเอกประยุทธ์ “จะอยู่-ไม่อยู่” กับพลังประชารัฐ ต่อให้กับพรรคไหนๆ ทุกพรรคด้วย หลังจากรัฐบาลครบเทอมแล้ว
ค่าไม่ต่างกันเลย!

ทุกคนก็รู้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ชี้ขาดแล้ว “๘ ปีในตำแหน่งนายกฯ” ของลุงตู่นั้น นับจากปี ๒๕๖๐
ฉะนั้น ถ้าจะสมัครเป็นนายกฯ ในบัญชีเลือกตั้งของพรรค ในการเลือกตั้งปี ๖๖ สมมุติเลือกตั้งแล้ว ที่รัฐสภาโหวตให้ลงุตู่เป็นนายกฯ อีกสมัย
ก็เป็นได้แค่ ๒ ปี ต้อง “ลงจากตำแหน่ง” กลางคัน!

ทุกคน ลองสมมติตัวเองเป็น “หนุ่ม-สาว” คู่หนึ่ง ที่กำลังจะแต่งงาน ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดูซี
สมมติคุณเป็นฝ่ายหญิงก็แล้วกัน ก่อนตกลงปลงใจ ก็พากันไปตรวจร่างกาย ผลออกมาปรากฎว่า
“ฝ่ายชายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จะมีชีวิตอยู่ได้แค่ ๒ ปี”
แล้วคุณจะแต่งงานด้วยมั้ย?

ชีวิตในนิยาย คุณอาจแต่ง แต่ในชีวิตจริง จะแต่งมั้ย และในนิยามรักแท้ รักแท้นั้น ย่อมเหนือกว่าความเห็นแก่ตัว
เพราะฉะนั้น ฝ่ายชายจะไม่เอาความเห็นแก่ตัวไปบีบคั้นให้ฝ่ายหญิงสวม “ชุดเจ้าสาว” ในวันนี้
เพื่อไป “สวมชุดดำ” ในอีก ๒ ปีข้างหน้า!
อยู่ในสภาพ “หญิงหม้าย” ซึ่งจะเคว้งคว้าง ไม่รู้จะมีที่หมายใดให้ยึด ยิ่งมีลูกทิ้งไว้ให้เลี้ยงด้วยแล้ว
มันต้อง “คิดหนัก” นะ!

ผมมองอย่างนี้นะ ส่วนท่านมองกันแบบไหน ก็ไม่ว่ากัน เพราะคนละหัวใจ

กรณี “น้องเล็ก” กับ “พี่ใหญ่” ก็ทำนองนั้น
มีอยู่คำที่ลุงป้อมหลุดกับนักข่าวว่า “คุณก็มาเป็นผมสิ” หรือ “ลองมาเป็นผมสิ” ประมาณนั้น
ผมเข้าใจเลย หน้าน่ะไม่หนัก แต่มัน “หนักอก”!

ลุงตู่น่ะ เป็นแค่นายกฯ รับเชิญของพรรคพลังประชารัฐ พูดง่ายๆ คือ เป็นนายกฯ “คนนอกพรรค”
เพราะไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ไม่ต้องมีความรับผิดชอบใดๆ ในพรรค

มิหนำซ้ำ กฎหมายห้าม “คนนอกพรรค” เข้าไปยุ่งเกี่ยวกิจการใดๆของพรรค
ส่วนลุงป้อม เป็นสมาชิกพรรคและอยู่ในตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” ซึ่งต้องรับผิดชอบทั้งพรรค ทั้งสมาชิกทุกคน

ฉะนั้น จะทำอะไร เอา “ประโยชน์พี่-ประโยชน์น้อง” เป็นตัวตั้งไม่ได้
ต้องเอาประโยชน์พรรค ประโยชน์สมาชิก และอนาคตพรรคในทางยาว “เป็นตัวตั้ง” ในการบริหารพรรค

ทำนองเดียวกัน พลเอกประยุทธ์ ท่านก็ต้องคิดเหมือนกัน ๒ ปีนั้น อยู่-ช่วยสร้างพรรค หรืออยู่-ขวางทางพรรค
ถ้าประกาศ “รับเป็นว่าที่นายกฯ” ของพรรค
แทนที่จะเป็นจุดแข็งของพลังประชารัฐ
กลายเป็นจุดให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบขึ้่นมาทิ่มแทงในการหาเสียงทันที!

อีกทั้งคนในพรรค “นายวีระกร คำประกอบ” บอก “คะแนนนิยมพลเอกประยุทธ์ตกแล้ว” ขายในตลาดเลือกตั้งไม่ได้

นอกจากนั้น ในพรรคพลังประชารัฐ ก็อยากให้รวบรัด-ชัดเจนว่านายกฯ จะตัดสินใจอย่างไร พวกเขาในพรรคจะได้ตัดสินใจทางเดิน และใช้หาเสียงถุูก
ว่าใครกันแน่ ที่จะเป็นว่าที่นายกฯของพรรค ลุงตู่หรือลุงป้อม หรือมีคนอื่นอีก?

ว่ากันตรงๆ “ลุงป้อม” ดูเหมือนพร้อมและอยากเป็น “ว่าที่นายกฯ” ของพรรค ทั้งสมาชิกพรรคบางส่วนก็สนับสนุน
และลุงป้อมก็รู้ ครั้งหน้า ไม่มีพรรคไหนจะได้สส.มากถึงขั้น “พรรคเดียว” ตั้งรัฐบาลได้

การร่วมเป็นรัฐบาลกับเพื่อไทย ลึกๆ ในใจลุงป้อมและแวดวงคนใกล้ตัว “ปรารถนา” อยู่แล้ว
แต่ถ้าลุงตู่ยังอยู่พลังประชารัฐ พูดได้เลย “ลุุงป้อมเกรงใจ” น้อง
ทั้งใจที่อยาก แต่ไม่กล้า!

แต่ถ้า “น้องไม่อยู่” พี่จะไปร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย มันก็มีคำตอบให้สังคม
เรื่องนี้ มันคงจบแบบ “รักแท้คือการเสียสละ”

นายกฯ รักพี่ใหญ่
ก็คงเปิดทางสะดวกให้พี่ใหญ่ “เอาที่สบายใจ” ไม่น่าจะรับเป็น “ว่าที่นายกฯ” พรรคในครั้งหน้า ด้วยเหตุผล ๒ ทาง

ทางแรก อายุเหลือ ๒ ปี ลงไปมีแต่ครหา ทั้งจะได้หรือไม่ก็ ๕๐/๕๐ ฉะนั้น เปิดทางให้พี่ใหญ่ “เลือกตัวชู” ตามสบายใจดีกว่า

ทางที่สอง พิสูจน์ใจแต่ละก๊ก-แต่ละฝ่ายในพรรคไปเลยว่า “ใครอยู่-ใครไป”
ในทางยาว “พี่ใหญ่” จะได้นำพรรคเต็มที่-เต็มตัว จะไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคไหน ก็ไม่มีเงื่อนไขจำกัด

แล้วนายกฯ ล่ะ เมื่อครบเทอม จะให้วางมือการเมืองไปเลยหรือ?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจ ๘ ปีนั้น สำหรับคนเป็นนายกฯ แต่รัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่น “ไม่ห้าม”

นายกฯ ก็ต้องถามใจตัวเองว่า เข้าการเมืองเพื่อตำแหน่งนายกฯ หรือเพื่อทำงานให้บ้านเมือง?
ถ้าทำเพื่อบ้านเมือง จะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ

แต่การอยู่ในพลังประชารัฐนั้น ถึงจะไม่มุ่งหวังตำแหน่งนายกฯ แต่การอยู่ของท่าน เหมือน “ไทรใหญ่” ย่อมบังแสงให้ไม้เล็กแทงยอดไม่ได้

การส่งเสริม “พี่ใหญ่”ได้เปล่งศักยภาพขึ้นทาบตำแหน่งนายกฯของพรรคพลังประชารัฐเต็มตัวในศึกเลือกตั้ง
นั่นคือ “การเสียสละ” อย่างมียุทธศาสตร์!

แล้ว “ลุงตู่” เอาความเป็นไทรใหญ่ไปเป็นร่มเงาบังแดดให้ไม้อ่อนอย่าง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ได้ยืนต้นในพรรษาแรกของการเลือกตั้ง
มีสีสัน “ท้าทาย” สร้างความตื่นตา-ตื่นใจได้มากกว่า!

“ว่าที่นายก” แต่ละพรรคมีได้ ๓ คน
ถ้าอยากยั่วพวกพรรคปากกล้าแต่ขาสั่น เอาชื่อลุงตู่แซมลงไปให้ผวากันเล่นๆ ซักคนก็ได้

ส่วนอีก ๒ คือ “คุณพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค “ตัวยืน” กับอีกคน จะเป็นใครก็แล้วแต่
รับรอง เลือกตั้ง “ตลาดแตก”!

“ลุงป้อม” กับ “ลุงตู่” ในความเป็น “กลุ่มเดียวกัน” แต่ในตลาดเลือกตั้ง “คนละตลาด” กันเลย

ฉะนั้น ไม่ต้องกลัวเรื่อง “แย่งคะแนน” กันเอง ตรงกันข้าม “แฟนใคร-แฟนมัน” จะตัดสินใจเลือกได้ชัดเจนด้วยซ้ำ
แบบนี้ ไม่ใช่การแตก “แบง์ร้อย-แบงก์พัน”
แต่มันเข้าลักษณะ “แยกแนวรบ-บรรจบที่ปักธง”!

ถ้าบอกว่า แนวทางนี้เท่ากับ “๓ ป.แตก” กันแล้วน่ะซี?
ถามว่า ทุกวันนี้ ๓ ป.เขา ๓ คนผัวเมียหรือ?
ก็เปล่า…

การแยกย้ายไปปฏิบัติภารกิจ ไม่ใช่การแตก แต่เป็นการแยกไปทำหน้าที่ตามสถานการณ์ ไม่เคยดูหนังสงครามบ้างรึไง?
จะให้กอดคอตายแบบโง่ๆ ในหลุมเดียวกัน แล้วบอกว่า “นี่คือการไม่ทอดทิ้งกัน”

มัน “นิยายน้ำเน่า” ยุค “ป.อินทรปาลิต” โน่น!
นี่ผมก็มโนไปตามเรื่องของผมเอง อย่าเข้าใจว่ามีรหัสลับ หรือไปรู้ “ทางนอก-ทางใน” มาจากใคร

ว่ากันตรงๆ ไอ้ข้างบ้าน ก็พลุ่งพล่านกับการสอดรู้-สอดเห็น แต่คนในบ้าน คือ ๓ ป.เขาไม่มีอะไรกันเลย
“ป.ประยุทธ์” ก็ขะมักเขม้นกับการเตรียมงาน APEC
“ป.ป้อม” ก็ก้มหน้า-ก้มตา ถอนร่าง “กฎกระทรวง” ขายที่ดินต่างชาติ ออกจากครม.

ส่วน “ป้อม” ก็ตุ้มต๊ะ-ตุ้มตุ้ย ทั้งเรื่องพรรค เรื่องน้ำ เรื่องไม่เรื่อง สารพัดเรื่อง
เขารักกันมา ๔๐-๕๐ ปี ที่จะให้ต้อง “พรากจากกัน” ด้วยพวก “วัสสการพราหมณ์” ยุแหย่ ไม่เห็นมีเป็นหน่อ-เป็นแนว
มีแต่ “ยุทธศาสตร์การศึก” ซึ่งแต้มมันลึกเกินพวกกุ๊ยการเมืองจะมองทะลุ!

ทั้งหมด-ทั้งมวล ก็เข้าตำรา ถ้าเราไม่แคร์คนไหน ก็ไม่แยแสพูดถึงคนนั้น
แต่ที่หลายพรรค หายใจเป็น ๓ ป.ยกมาจ้อว่าเขาแตกเป็นรายวัน นั่นเพราะแคร์ แต่ทำปากแข็งไปอย่างนั้น

ฉะนั้น ๓ ป.จะแยกตามยุทธศาสตร์ หรือจะรวมกันตายหมู่ตามไสยศาสตร์ ก็ช่างเขาเหอะ

สิ่งที่ต้องบอกก็คือว่า…..
“ที่เห็นวันนี้ ไม่ใช่ที่เป็น” ในปี ๒๕๖๖!?

เปลว สีเงิน
๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
ศึกนี้ “ยังไม่หนัก”เกินแบก
เพราะเขารักและเชื่อใจหรอก…… ในความเป็นประชาชน จึงมอบอำนาจให้คนชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นำพาประเทศ
Read More
0 replies on “เขาว่า “๓ ป.แตกกัน” – เปลว สีเงิน”