เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผย จับแล้ว ผู้ส่งยาบ้า 3.6 แสนเม็ดในกล่องพัสดุภัณฑ์ จากเหตุรถตกข้างทาง ที่ถนนสามเชียรใหญ่ – ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
โดยภายหลังการตรวจพบยาบ้า ตนได้สั่งการให้มีการขยายผล เพื่อจับกุมผู้เกี่ยวข้อง จนถึงหัวหน้าขบวนการและยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดทั้งหมด
สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สภ.ชะอวด และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย สืบสวนทราบว่า น.ส.จิราวรรณ ดวงมะลิ อายุ 24 ปี ชาวเชียงราย มีบทบาท เป็นผู้ส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงรายจัดส่งปลายทางให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งวันที่ 21 ตุลาคม 2565 สามารถจับกุม
นส.จิราวรรณ ฯ ที่หลบหนีไปที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง เขตสวนหลวง กทม. ตามหมายศาล ในความผิดฐาน
สมคบฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้ ตรวจยึดรถยนต์ 1 คัน เงินสด 450,000 บาท ทองรูปพรรณ 5 รายการ ที่ดิน 2 แปลง และ อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 3 บัญชี ยอดเงิน 335,490 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “จากการสืบสวนคดีนี้พบว่า กลุ่มผู้ที่หลบหนีไปรับกล่องพัสดุระหว่างทาง กำลังตรวจสอบว่าได้บันทึกหลักฐานผู้มารับของหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการบันทึกหลักฐานผู้รับ ก็จะดูหลักฐานอย่างอื่นประกอบ ถ้าเข้าองค์ประกอบการกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฏหมายยาเสพติด ก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีหน้าที่ส่งพัสดุให้กับผู้รับต่อไป
ซึ่งโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฏหมายยาเสพติดใหม่ มีโทษเท่ากับตัวการที่กระทำความผิด
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้อง พร้อมยึดทรัพย์สินเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ประเด็นสำคัญที่เห็นจากกรณีดังกล่าว คือ รูปแบบการขนส่ง จะเห็นว่าการใช้ขนส่งทางพัสดุภัณฑ์มี ราคาถูกลง ค่าขนส่ง 2 กล่อง ราคาเพียง 660 บาท และ
เมื่อตรวจสอบยังพบว่า เมื่อเดือนกันยายน 2565 น.ส.จิราวรรณฯ ได้มีการจัดส่งพัสดุ จำนวน 8 ชิ้น ปลายทางการจัดส่งในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช คาดว่าเป็นยาบ้า จำนวนกว่า 1.32 ล้านเม็ด ค่าส่งรวม 2,214 บาท (ค่าส่งอยู่ระหว่าง 89 – 330 บาท) เท่านั้น
ซึ่งตรงนี้จะเร่งสกัดกั้น และวางมาตรการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะการส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์และการรับจ้างขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้ถูกนำมาใช้เป็นช่องทางในการกระจายยาเสพติดไปยังผู้เสพและผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน
ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการติดต่อสื่อสารทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อซื้อ-ขายยาเสพติด และจะส่งยาเสพติดให้ผู้ซื้อผ่านช่องทางการรับจ้างขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ซึ่งนอกจากจะสะดวกทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ยังหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่จะเห็นได้อย่างกรณีนี้ถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ในที่สุด”
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้าย “การส่งการส่งสิ่งผิดกฎหมายทางไปรษณีย์ กรณีพบว่าเจ้าของหรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบการรายใดที่มีพฤติการณ์ในการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศในลักษณะที่เป็นการปล่อยปละละเลย ให้ความร่วมมือ หรือสนับสนุนการกระทำความผิด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
จะมีโทษปรับ ตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท จึงขอเน้นย้ำผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด “
