รองนายกฯ อนุทินฯ หารือ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ เห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพสูง
8 กันยายน 2565 เวลา 09.30 น. ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายมุน ซึง-ฮย็อน (H.E. Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี โดยรองนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลเกาหลีใต้สำหรับการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 แก่ไทย เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด อย่างไรก็ดี รองนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ที่ยังคงเกิดขึ้นในโลก ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข การศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้น
เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ ชื่นชมการดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐบาลไทยในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งประสบความสำเร็จ ทำให้ธุรกิจหลายภาคส่วนยังคงสามารถประกอบการต่อไปได้ ตลอดจนเห็นพ้องกับรองนายกรัฐมนตรีในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพ อีกทั้งไทยยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED)
โอกาสนี้ ทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน รองนายกรัฐมนตรียินดีที่นักลงทุนชาวเกาหลีใต้ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้กล่าวว่า นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เชื่อมั่นและสนใจเพิ่มพูนการลงทุนในไทยในสาขาที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เทคโนโลยีชีวภาพ และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวเกาหลีใต้เพิ่มพูนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ได้มีโอกาสเยี่ยมชมเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) และยินดีผลักดันให้มีการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น
ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ผ่านการฝึกอบรมระดับโลกสำหรับการผลิตทางชีวภาพ (Global Training Hub for Biomanufacturing) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม World Bio Summit 2022 ณ กรุงโซล ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันมากขึ้น และเป็นโอกาสในการหารือร่วมกันเพื่อผลักดันการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้เป็นรูปธรรม
สำหรับความร่วมมือด้านสังคม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว รองนายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยและเกาหลีใต้มีความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่ใกล้ชิด ประชาชนของทั้งสองฝ่ายมีความชื่นชอบวัฒนธรรมของกันและกัน รวมทั้งมีการเดินทางในระดับประชาชนระหว่างกันจำนวนมาก ด้านเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ชื่นชมประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงก่อนการแพร่ระบาดกว่า 2 ล้านคน และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจากการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุขที่ดี ระบบการดูแลผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย