ผักกาดหอม
มีคนกลัวว่าอาจจะเกิดม็อบชนม็อบขึ้นอีก
เพราะกรณี นายกฯ ๘ ปี
สารพัดม็อบที่ขึงทำเนียบรัฐบาลอยู่ตอนนี้ อาจจปะทะกับม็อบอดีตเสื้อแดงที่หันมารัก “ลุงตู่”
“อานนท์ แสนน่าน” ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงประกาศเสียงดังฟังชัด
“…วันนี้ผมได้ประสานงานแต่ละภาคให้ส่งสัญญาณไปยังประธานหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ จังหวัดต่าง ๆ แล้ว ถ้ามีการยกมวลชนกลุ่มเล็กๆ น้อย ๆ มาขับไล่นายกลุงตู่ แบบไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ป่วนบ้าน ป่วนเมืองกันอีก พวกผมก็พร้อมที่จะยกทัพเข้ากรุงเทพฯ เพื่อปกป้องนายกรัฐมนตรีคนที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่ผ่านมาพวกเราใช้ความอดทนอดกลั้นกันมามากพอแล้ว แต่แปลกที่ยังกลุ่มคนพวกนี้ไม่ยอมกลัวกฎหมายบ้านเมืองกันเลย แล้วยังจะมาอ้างว่ามีคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง มาสนับสนุนกันเป็นจำนวนมาก
จากที่ผ่านมาก็เห็นกันอยู่แล้วแม้ฟ้าดินก็ยังไม่เป็นใจ แต่ถ้ามาจริงพวกเราก็พร้อมม็อบชนม็อบ
ถ้ามันบานปลายก็จะให้ทหารเข้ามาเกี่ยวข้องอีกเหมือนกับ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา พวกคุณยังจะทำลายประเทศไทยกันอีกหรืออย่างไร…”
ช้าก่อนครับ!
ใครรัก “ลุงตู่” อย่าเพิ่งขนม็อบเข้ากรุง
หากจำเป็น ขนมาได้แต่อย่าเอามาชน เพราะคนที่เดือดร้อนที่สุดไม่ใช่ใคร
คือ “ลุงตู่”
สถานการณ์ม็อบชนม็อบ มันบ่งบอกถึงความล้มเหลวของรัฐ
ที่ผ่านมาเกิดขึ้นแล้วภายใต้รัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์
๒ รัฐบาลนี้ให้ท้ายม็อบสนับสนุนตัวเอง ไล่ขยี้ม็อบต่อต้าน
สุดท้ายก็ไปไม่รอดทั้งคู่
ฉะนั้นอย่าเอามาชนเด็ดขาด
ต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งคือ รัฐบาลนี้สามารถจัดการกับม็อบได้เนียนกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
รัฐบาลอภิสิทธิ์เจอม็อบเผาเมือง บานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองขนาดย่อม เพราะมีกองกำลังติดอาวุธชุดดำ ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีเจ็บมีตายเยอะ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เจอม็อบกปปส. มีกองกำลังติดเอ็ม ๙๗ ปกป้องรัฐบาล ไล่ถล่มม็อบกปปส.
ม็อบกปปส. เสียชีวิตไปร่วม ๓๐ คนจากเอ็ม ๗๙ และอาวุธสงครามชนิดอื่นๆ
สุดท้ายถูกรัฐประหาร
รัฐบาลลุงตู่ น่าจะเลยจุดพีคของการเผชิญกับม็อบมาแล้ว
๒-๓ ปีมานี้เกิดสารพัดม็อบ มีทั้ง ๓ นิ้ว ทะลุแก๊ส ทะลุฟ้า ทะลุวัง ราษฎร ๖๓ และเครื่อข่ายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกจำนวนหนึ่ง
ชุมนุมดุเดือดแทบจะเผาเมืองรอบ ๒
แต่วันนี้ม็อบทั้งหมดเลยจุดพีคมากแล้ว
ฉะนั้น ม็อบที่ยื่นคำขาดว่า “ลุงตู่” ต้องลาออกเพราะอยู่มาครบ ๘ ปีแล้ว ถ้าไม่ออกถือเป็นนายกฯเถื่อน ยังเป็นแค่ม็อบหัวเชื้อรอบใหม่
จะจุดติดหรือเปล่ายังไม่รู้
แต่ก็ยากครับ
เพราะเอาเข้าจริงพรรคการเมือง ที่ไล่ “ลุงตู่” วันละสามเวลาหลังอาหาร ตอนนี้ลุ้นกันตุ้มๆต่อมๆ “อย่าเพิ่งยุบสภานะ”
ไม่ใช่เรื่องรอกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ประกาศใช้อย่างเดียว
ยังมีปัจจัยอื่นที่จำเป็นไม่แพ้กัน คือความไม่พร้อม
ใครเชื่อบ้างว่า หากยุบสภาวันนี้ พรุ่งนี้ พรรคพลังประชารัฐพร้อมที่สุด
แถมยังได้คนเก่าที่ไหลออกกลับคืน
ส่วนเพื่อไทยดูเหมือนว่าพร้อม แต่กลับยังไม่พร้อมในตอนนี้
เพราะความที่ไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือมา ๘ ปี ทำให้เพื่อไทยมีความไม่พร้อมในปัจจัยภายนอก ต่างกับสมัย “ทักษิณ” เป็นนายกฯ
การเลือกตั้งปี ๒๕๔๘ ทักษิณ มีทุกอย่างในมือ ทั้งอำนาจเงิน อำนาจรัฐ อำนาจเหนือพรรคร่วมรัฐบาล การเลือกตั้งคราวนั้นถึงได้แลนด์สไลด์
แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น
อีกทั้งสถานการณ์นายกฯ ๘ ปีเอง กลับทำให้พรรคเพื่อไทย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หาก “ลุงตู่” เจออุบัติเหตุทางการเมืองต้องจบลงแค่นี้
ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ “ชลน่าน ศรีแก้ว” สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ชัดเจน ในโครงสร้างพรรคระดับบน
อย่างน้อยๆก็เห็นครับว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีบทบาทในการตัดสินใจทางการเมืองขั้นสุดท้าย เพราะในพรรคยังมีคนที่เหนือกว่า
“…มีบัญชีรายชื่อในพรรคเราสู้อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ย้ายไปอยู่พรรคอื่น เราก็จะเสนอคนที่เราสามารถเสนอได้
คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากพรรคจะเสนอ ก็ยังเสนอได้อยู่เพราะอยู่ในบัญชีรายชื่อ แต่ต้องดูว่าอยู่ในเงื่อนไขเหมาะสมหรือไม่
นอกจากนี้ จะมีการเสนอชื่อ คุณชัยเกษม นิติสิริ ด้วย…”
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่พรรคเพื่อไทยจะเกิดปัญหาอย่างมาก หากต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่กันในเร็วๆนี้
การกลับเข้าเพื่อไทยเพื่อเป็นแคนดิดตนายฯของ “ชัชชาติ” นั้นหลายคนไม่ปลื้มแน่นอน
ที่เห็นชัดๆคือ “ทักษิณ”
แต่คนของพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่จะเห็นด้วย เพราะกระแส “ชัชชาติฟีเสอร์” นั้นส่งด้านบวกต่อการเลือกตั้งมหาศาล
การให้ “ชัชชาติ” เป็นคู่แข่งกับ “อุ๊งอิ๊ง” ที่ “ทักษิณ” วางตัวไว้ชัดเจนแล้ว “ทักษิณ” จะมองว่าเป็นปัญา เพราะ เสียระบบ
และ “ทักษิณ” ไม่ได้วางน้ำหนักไปที่ “ชัชชาติ” ให้เป็นทายาททางการเมืองไว้ตั้งแต่แรก
ฉะนั้น “ทักษิณ” ไม่มีทางที่จะให้ “ชัชชาติ” กลับเพื่อไทย
ครั้นจะให้ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ แม้จะเป็นคนที่ “ทักษิณ” ไว้ใจที่สุดใน ๓ คนนี้ ก็อาจเกิดผลลบอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นกัน
เพราะ “ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ใช่นักบริหาร
เป็นอดีตข้าราชการ
เป็นนักกฎหมาย
ฉะนั้นวาระการดำรงตำแหน่งของนายฯที่เหลืออีกไม่กี่เดือน บนสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก หากเพื่อไทยดิ้นรนที่จะเป็นรัฐบาลให้ได้ จะต้องเผชิญกับปัญหาสารพัด
อาจไปเสียศูนย์ตอนเลือกตั้งช่วงกลางปีหน้าได้
สรุปคือ เพื่อไทยยังไม่อยากให้ยุบสภา ยังไม่อยากให้เลือกนายกฯใหม่
เพียงแต่การเมืองมันต้องเล่นตามเกม
เช่นกรณี ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ต้องกัดฟันพูดว่า เพื่อไทยโหวตคว่ำแน่นอน แต่ใจก็ตุ้มๆต่อมๆ หากส.ส.รัฐบาล เล่นเกมไม่ร่วมโหวต
ก็เท่ากับกฎหมายตก
นายกฯต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาเดิม เพราะกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ประกาศใช้ไม่ทัน
นี่แค่ยกตัวอย่างนะ
เห็นมั้ยครับว่าต้องลุ้นกันหมด