‘คนนอกคอก-หมาในคอก’ – เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

“รุ้ง-ปนัสยา”

คงเบื่อตำแหน่งเทพีสามนิ้ว อยากไปเป็นนางเอกซีรีส์เกาหลีเรื่อง “วอนนอนคุก” ภาค ๒ กระมัง?

เมื่อวานเห็นไปเป็นนางเอก “กลุ่มราษฎร” แก๊งสามนิ้่วธรรมศาสตร์นั่นแหละ ชุมนุมไล่นายกฯ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเขาด้วย

“อึ่งอ่าง” คึกฝน สภาพยังไง รุ้งกับแก๊ง ก็สภาพยังงั้น!

เห็นเปล่งปลั่ง อ้วนท้วนสมบูรณ์ มีน้ำมีนวลกว่าตอนอยู่ในคุก ก็ดีใจด้วยกับสายธารน้่ำเลี้ยง

แต่อยากให้รุ้งทบทวนความจำไว้ซักนิด ว่า….

ที่ได้รับประกันตัวออกมา เพราะรุ้งรับปากจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้โดยเคร่งครัดมิใช่หรือ?

ถึงศาลท่านเมตตา ยกเลิกข้อห้าม “ออกนอกเคหสถานเกินเวลากำหนด” กับการใส่ “กำไลอีเอ็ม” ไปแล้วก็ตาม

แต่เงื่อนไข…..

“ไม่ไปกระทำการใดๆ ให้เสื่อมเสียต่อสถาบัน และผิดกฎหมาย ผิดต่อศาล

และจะไม่ไปร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งไม่ออกนอกราชอาณาจักรจนกว่าจะได้รับอนุญาต”

ยังมีเงื่อนไขนี้อยู่นะรุ้ง ทำเป็นเล่นไป

ถ้าตำรวจไปร้องต่อศาลว่า “ทำผิดเงื่อนไขประกัน” ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนประกัน ต้องกลับเข้าคุกอีกละก็

“อึ่งอ่าง” หน้าฝน จะกลายเป็น “เขียดตะปาด” ขาดน้ำเอานะ ต่อให้พ่อของพ่อท่อน้ำเลี้ยงเธอ ยกโขยงมาแสดงอำนาจเหนืออธิปไตยไทย

นอกจากไม่มีใครสนแล้ว…..

เผลอๆ จะเจอไม้ตีพริกตำกระบาล ฐาน “เสือก” ผิดประเทศ!

ทำคึก ตั้งโต๊ะอ่านแถลงการณ์ เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ทันที

หากไม่ยอมลงจากอำนาจ….

“ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัย ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕

ให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒ ตัดอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง”

ที่ธรรมศาสตร์ก็มีส้วมใช่มั้่ย ไปชะโงกดูเงาตัวเองในน้ำคอห่านส้วมกันไว้บ้าง

ทะลึ่งข้ามรุ่นไปถึงขั้น “ขีดเส้นตาย” ให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้เสร็จภายในวันที่ ๒๔ สิงหา

พ่อแม่ที่บ่มเพาะก็มี อาจารย์-อาจม ที่สอนสั่งก็มี เป็นถึงนักศึกษา แม้ไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อย ในความเป็นคน

ควรต้องรู้กาละ-เทศะ จะเล่น-จะล้ำ ได้ขนาดไหน กับใคร มันต้องมีขอบเขตบ้าง

ใช่ว่า กู…เป็นนักศึกษา ตอนซ่า อวดอ้างปัญญาชน

แต่ตอนถูกจับ เป็นหมาหงอย

“ตีตั๋วเด็ก” ขอประกันตัว เกณฑ์แม่ๆ มาดรามาหน้าคุกแล้วแปะเบอร์บัญชี!

ถึงขั้นสั่งศาลต้องวินิจฉัยให้รู้ผลทันที สั่งรัฐสภา ต้องแก้กฎหมายให้เป็นอย่างนั้น-อย่างนี้

มันเหิมเกริม ไร้ความคิด หลุดกรอบมาตรฐานสำนึกคนมากไป อย่าต้องให้สังคมประณาม “ศิษย์ควายยังไง ‘จานมันก็ควายอย่างนั้น” เลย!

ทำป้ายมาขึง…….

“ให้มันจบที่ ๘ ปี พอกันทีนายกฯ เถื่อน”

ถ้าว่า “นายกฯ เถื่อน” แล้วจะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทำไม หือ?

นายกฯ เถื่อน หรือพวกที่ออกมาขับไล่เถื่อน พิจารณาดูได้ ตามไทม์ไลน์สั้นๆ ง่ายๆ ดังนี้

-๖ เมษายน ๒๕๖๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ประกาศใช้

-๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ เลือกตั้งทั่วไป

-๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ สมาชิกรัฐสภา เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แข่งเป็นนายกฯ

รัฐสภาโหวตเลือก “พลเอกประยุทธ์” เป็นนายกฯ ด้วยคะแนน ๕๐๐:๒๔๔ เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่ทั้งหมดมีอยู่ทั้งสองสภา

-๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ โปรดเกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามความในมาตรา ๑๕๘ ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน

โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

เนี่ย….

เมื่อไม่มีสมองจะคิดกัน ก็แหกตาดูซิว่า จากปี ๒๕๖๐ ที่มีรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จนถึงวันนี้ ๒๒ สิงหา ๒๕๖๕

จากเมษา ๖๐ ถึงวันนี้….

รัฐธรรมนูญ ฉบับมีรัฐสภาและรัฐบาลเลือกตั้งปัจจุบัน ประกาศใช้มา แค่ ๕ ปีกว่า

นับจาก ๙ มิถุนา ๖๒ ที่พลเอกประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้่งเป็นนายกฯ ถึงวันนี้ ๒๒ สิงหา ๖๕ ก็แค่ ๓ ปีกว่าเท่านั้นเอง

สรุป……….

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประกาศใช้มาแค่ ๕ ปี ทั้งเลือกตั้่ง ทั้งรัฐบาล ผ่านมาแค่ ๓ เท่านั้น

แล้ว (พวกมึง) เอากฎหมาย-กฎเกณฑ์อะไรมาตะโกนว่า ๒๔ สิงหา ๖๕ “ครบ ๘ ปีแล้ว” ประยุทธ์ต้องออกไป หือ?

นี่นับกันตาม “วัน-เวลา” และกติกาตามกฎหมายว่าด้วย ๘ ปี บนฐานสามัญสำนึกมนุษย์ที่รู้จัก “ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี” เป๊ะๆ เลยนะ โดยไม่ต้องเอียงข้างใดๆ ทั้งสิ้น

พอเห็นจะแพ้ทางกฎหมาย…..

ก็งัดคำว่า “๘ ปี แล้วจะอยู่ต่อให้รากงอกหรือไง รู้จักพออย่าง ‘ป๋าเปรม’ บ้างซิ”

นั่นแน่… รู้ว่าแพ้ทางกฎหมาย ก็ยกกฎธรรมมาอ้าง!

มันต่างที่มา-ที่ไป ทั้งต่างเงื่อนไข และทั้งต่างทางการเข้าสู่อำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญกันโดยสิ้นเชิง

เรียกว่า ๘ ปี ของป๋าเปรม กับ กี่ปีของประยุทธ์ มันตรรกะ “คนละฐาน” จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ซะที่ไหน?

รัฐธรรมนูญตอนป๋านั้น ไม่ห้าม “คนนอก” เป็นนายกฯ และป๋าเปรมเป็น “นายกฯ รับเชิญ” โดยท่านไม่เคยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเลย

เพราะการเมือง “ระหว่างพรรค” บีบท่านอย่างหนึ่ง มีการสร้างกระแสภายนอกเหมือนตอนนี้สมทบอีกอย่างหนึ่ง

ประกอบกับ ตอนนั้น…..

ป๋าเปรมนำพาประเทศพ้นวิกฤตจาก “โดมิโนคอมมูนิสต์” แล้ว

ทั้งปัญหาค่าเงินบาท ป๋ากับปู่สมหมาย ก็นำเข้าสู่มาตรฐาน เศรษฐกิจเริ่มเสถียรด้วยโชติช่วงชัชวาลแล้ว

เรียกว่า “ภาระหน้าที่” อันชายชาติทหารคนหนึ่งพึงกระทำเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน

ป๋าได้ทำ “สมบูรณ์” แล้ว…….

เมื่อถึงกาลอันควร บ้านเมืองหมดความจำเป็นที่ต้องใช้ท่าน ท่านจึงบอก “ผมพอแล้ว”!

“ป๋าเปรม” นั้น แม้ผมไม่ใช่ลูกป๋าและอยู่ปลายอ้อ-ปลายแขมของวงบารมีป๋า แต่ก็ใช่ว่า “ไม่รู้อะไรเสียเลย”

ท่านเคยเมตตาสนทนากับผม ยังถามผมเลยว่า “เอาอะไรมาเขียนได้ทุกวัน”

ความจริง ก็เคยพบกับท่าน ตั้งแต่สมัยท่านเป็นพลตรี ช่วง ๑๔ ตุลา ๑๖ โน่นด้วยซ้ำ

นั่นเป็นฐานของตรรกะ ๘ ปีป๋าเปรม

ส่วนของนายกฯ ประยุทธ์ ท่านเข้าวงจรอำนาจทางการบริหารบ้านเมืองครั้งแรก มีส่วนคล้ายป๋าเปรมอยู่บ้าง

ตรง “วิกฤตบ้านเมืองและการเมือง” ชักนำไป!

แต่เมื่อบ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งระบบรัฐสภาแล้ว พลเอกประยุทธ์ จากที่เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์

ท่านก็ “เข้าตามตรอก-ออกตามประตู” คือ เดินเข้าสู่การเมือง ว่าด้วยการเลือกตั้งตามกติการัฐธรรมนูญ

สมัครเป็น “นายกฯ บัญชีเลือกตั้ง” ของพรรคพลังประชารัฐ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จากสมาชิกรัฐสภา

ชนะการคัดเลือกในที่ประชุมรัฐสภา

และได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๘

มีประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ “ครบถ้วน” ทุกประการ

ฉะนั้น พลเอกประยุทธ์ ท่านจะเป็นกี่ปีก็ตาม เป็นเรื่องในดุลยพินิจบนความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและต่อสิทธิบนความถูกต้องชอบธรรมทางกฎหมายของท่าน

ไม่ต้องทำตัวเป็น “ความหวังดี” ของฝูงจิ้งจอก ไปรีดสำนึกจากท่าน หรือใช้จิตประชาธิปไตยโจรไปตีความกฎหมาย ๒๔ สิงหาต้องออกไปหรอก

คนมีสำนึกต่อบ้านเมือง ไม่ใช่คนมุ่งกินบ้าน-กินเมืองน่ะ เขารู้เอง ว่าตอนไหน-เวลาไหน ที่จะปลดภาระทางใจ ว่าด้วยความสงบของบ้านเมืองและความสุขของประชาชนลงได้

ถึงตอนนั้น “เขาไปเอง”!

ที่ขบวนการโจรอ้างประชาธิปไตย อ้างประยุทธ์อยู่ ชาวบ้านยากจน เศรษฐกิจย่ำแย่ บ้านเมืองไม่มีอนาคตน่ะ

ขอโทษ……..

เอาส้นตีนแทนไมโครโฟนตะโกนปลุกระดมโดยไม่ละอายต่อ “ความเป็นจริง” ถึงขั้น ๒๔ สิงหาไม่ออก จะบุกทำเนียบนั่นน่ะ

มีสำนึกคน “บนฐานคิด-ฐานมอง” ด้านพัฒนาและการพารอดจากสารพัดวิกฤตบนความเป็นจริงบ้างมั้ย?

ยิ่งทำกันเยี่ยงโจรเช่นนี้………

ถ้าผมเป็นประยุทธ์ “ยิ่งต้องอยู่” ไม่ใช่อยู่เพราะทิฐิ

แต่ต้องอยู่เพราะ….

ทั้งใต้ดิน-บนดิน, ทั้่งในสภา-นอกสภา ขบวนการเดียวกัน แต่ซุกหัว-ซ่อนหน้า ใต้หน้ากาก “ลวงสังคม” อยู่แต่ละที่

มันโผล่ขึ้นมา “รวมหัว” บนดินให้เห็นหมดแล้ว

ถ้าถอย มันก็ “เข้าทางโจร” น่ะซี

บ้านเมืองก็จะกลายเป็น “คอกหมา” ครอบครัวใหญ่

นายกฯ ประยุทธ์ ท่านไม่ยอมให้ประชาชนคนไทยผู้รักภักดีต่อชาติ ต่อศาสน์ และต่อสถาบัน พลอยตกเป็น “หมาในคอก” ไปด้วยเป็นแน่

ฉะนั้น ประยุทธ์ “ท่านต้องอยู่ต่อ”!

เปลว สีเงิน

๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๕

Written By
More from pp
พก. จับมือผู้ประกอบการรายใหญ่ เปิดช่องทางอำนวยความสะดวกเอื้อคนพิการ ซื้อของปลอดโควิด-19
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 63 นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จัดประชุมหารือผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (conference) ร่วมกับ ผู้บริหารสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทย
Read More
0 replies on “‘คนนอกคอก-หมาในคอก’ – เปลว สีเงิน”