ช่วยดึง “คนดี”ด้วย? – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน
เชื่อ..ไม่ได้นัดหมาย
ฉะนั้น ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงจนเกิดจลาจลในเมืองหลวงเมื่อคืนสองคืนผ่านมา อย่าได้นำไปปนกับเรื่องของผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ลางานไปร่วมพิธีรับปริญญาบุตรชายที่อเมริกาเลยนะ

แต่หากจะมองเป็นการฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายตอน “พ่อเมือง” ไม่อยู่ จะด้วยเหตุผล ใด หรือใครสั่งก็ตาม นั่นก็ตามอัทธยาศัย ที่จะคิด-มองได้
อย่างคุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ก็มองว่า.. “ถ้ามีหลักการที่คงเส้นคงวา อะไรผิดก็พูดได้ทันทีว่ามันผิด ไม่ต้องรอดูว่า .. เอ๊ะเป็นพวกใครทำนะ? ..
ตอนกระแสดี คนเชียร์เยอะ เราเรียกมันว่าสันติวิธีดีมั้ย .. มาทำผิดเวลาเสียบรรยากาศ เราเรียกมือที่สามละกัน
อย่าไปโรแมนติกกับคำว่า “ม็อบไร้แกนนำ” ม็อบไร้แกนนำที่ทำได้คือการนัดกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
เช่น วันนี้เราไปยืนเปิดไฟฉายพร้อมกัน รณรงค์เรื่องโน้นเรื่องนี้กันนะ ไปแล้วกลับ
แต่ถ้าชวนกันเดินขบวนไปโน่นไปนี่แล้วไม่รู้จะไปเจออะไรข้างหน้าบ้าง มันไม่ใช่ม็อบไร้แกนนำ มันคือม็อบไร้คนรับผิดชอบ”
ซึ่งก็ตรงกับใจผมหรือใครอีกหลายๆ คน ส่วนที่ ดร.นิว ศุภณัฐ อภิญญาณ โพสต์.. “คุณชัชชาติควรกลับมาลงพื้นที่คั่นกลาง ระหว่างม็อบสามนิ้วกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเลย
จะได้พิสูจน์กันชัดๆ ว่าใครใช้ความรุนแรง”
นี่..ผมก็ว่าเข้าทีดีเหมือนกัน ด้วยคุณชัชชาติเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร ที่สำคัญได้ย้ำมาตลอดว่า “เป็นกลาง” จนคนกรุงเชื่อ!
หากคุณชัชชาติ จะได้ลงพื้นที่ไปร่วมสังเกตการณ์ เหมือนเช่นไปดูน้ำท่วม ดูดนตรีในสวนอย่างใกล้ชิด ก็คงได้สัมผัสแก่ใจ-กับตา..
และจะได้นำสิ่งที่เห็น-ที่สัมผัสมาบอกเล่าเก้าสิบให้ชาวกรุงเทพฯได้ฟัง-ได้รู้!
ผมมั่นใจ..ไม่ว่าความรุนแรงจะเกิดจากตำรวจหรือจากม็อบ หากได้ยินจากปากคุณชัชชาติชัดๆแล้ว คนกรุงก็จะเชื่ออย่างสนิทใจ เพราะตอนนี้ไม่ว่าผู้ว่าฯ จะพูดอะไร..
ดูเหมือนจะน่ารับฟัง-ให้เชื่อไปเสียทุกเรื่อง!
กระทั่งที่ไลฟ์เฟซบุ๊ก (ช่วงหนึ่ง) มาจากอเมริกาเมื่อวานซืน.. “อนาคตของกรุงเทพ ต้องดึงคนเก่ง สร้างคนเก่งให้ได้ อันนี้สำคัญ ถ้าสมมติว่า เมืองไม่สามารถดึงคนเก่งไว้ได้ อนาคตงานไม่มี
ก็เหมือนการไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยากขึ้น  ฉะนั้นหัวใจของเมืองต้องดึงคนเก่งไว้ให้ได้ ต้องสร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิต อยู่ได้อย่างมีความสุข ให้มีอิสระในการแสดงความเห็น
คนที่เก่งสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้ คือ หัวใจของเมืองในอนาคต
ดังนั้นหัวใจของเมือง คือ การแข่ง การสร้างคนเก่ง ไว้ให้ได้ เพราะหัวใจสำคัญของเมือง คือ คน ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง”
ไม่ว่าจะฟังหรืออ่าน ก็ให้ระรื่นหู สบายตา ยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบแสดงความคิดเห็น พูดตรงๆสารพัดม็อบ เห็นจะดูไปยิ้มไป และคงนึกในใจ..
คุณชัชชาติทำไมถึงได้เข้าอกเข้าใจเข้าถึงอุดมการณ์ของพวกเราเพียงนี้ เห็นจะหาผู้ว่าฯ แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว กระมัง?
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ระรื่นหู สบายใจ ผมก็อดที่จะคิดถึงเรื่องของ “คนดี”ขึ้นมาไม่ได้ ก็เลยไปค้นเจอเอาคำเทศนาของท่าน ว.วชิรเมธี เข้า
พระคุณเจ้าว่า.. “นักเรียนไม่ควรจะเป็นคนเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะเป็น “คนดี” ด้วย เพราะเก่งอย่างเดียวไม่เป็นผลดี อาจนำความเก่งไปทำเรื่องที่เสียหายได้
ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ต้องเป็นคนดีที่ทำงานเก่ง หรือเป็น “คนดีที่ทำงานเป็น” และใช้ความเก่งไปในทางที่ถูกต้อง คือเป็นการใช้ความเก่งเพื่อสนองความดี หรือเป็นคนเก่งที่เป็นคนดี
หากทำได้อย่างนี้ก็จะทำให้เป็นคนเก่งที่ใช้ความดีอย่างมีจริยธรรมกำกับ…ค่านิยมที่ยกย่องคนเก่งมากกว่าคนดี ถือว่าเป็นค่านิยมที่วิปริตของสังคม..”
ครับ..ดึงคนเก่งไว้แล้ว ก็ช่วยดึงคนดีไว้ด้วยนะท่านผู้ว่าฯ!



Written By
More from pp
ฝ่ายธรรมะ-ฝ่ายอธรรม – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม เรื่องนายพลสีกากี คงต้องว่ากันอีกหลายยก มันไม่มีทางจบที่รุ่นเราหรอกครับ เพราะตัวองค์กร ทัศนคติของคนในองค์กร ยังเหมือนเดิมทุกประการ แนวทางแก้ไขก็พูดกันไปเยอะแล้ว แต่มันไม่เคยมีการลงมืออย่างจริงจัง เพราะการเมืองยังได้ประโยชน์จากตำรวจ และตำรวจเองก็ยังรับประโยชน์จากการเมืองอยู่ จบเรื่อง...
Read More
0 replies on “ช่วยดึง “คนดี”ด้วย? – สันต์ สะตอแมน”