เปลว สีเงิน
“สงกรานต์” ก็ผ่านไปอีกปี!
วันจันทร์ (๑๘ เมษา.) ก็ขมีขมันสู่ที่ทำงานให้เหมือนไก่บินตอนออกต่างจังหวัดก็แล้วกัน
สงกรานต์ “หยุด”….
แต่การบ้าน-การเมือง “ไม่หยุด” โดยเฉพาะการเมืองเรื่องเลือกตั้งผู้ว่ากทม.
ในจำนวน ๓๑ ผู้สมัคร ดูเหมือน ดร.เอ้ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” พรรคประชาธิปัตย์ จะเจอวิบากจาก “กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ” แต่มีผลกระทบกับตัวเองเต็มๆ
ชนิดที่ต้องบอกว่า “เห็นใจ” จริงๆ!
ก็จากเรื่องคุณ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค ที่จู่ๆ ก็มีเรื่องถูกกล่าวหาลวนลามหญิงอายุ ๑๘
จนต้องประกาศ “ลาออก” จากทุกตำแหน่งในพรรค เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริงทางกฎหมายนั่นแหละ
ถึงไม่เกี่ยวกับตัวดร.เอ้ ก็เถอะ
แต่มันยากที่จะไม่ถูกลากเข้าไปเกี่ยวการเมืองเรื่องหาเสียงที่กำลังแข่งขันกันอยู่ตอนนี้
นี่กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง “๒๒ พฤษภา.” ไม่รู้ว่าในระหว่างตัวเต็ง ๓-๔ คน ใครจะเป็นรายต่อไป ที่จะถูก “เจาะยาง”!?
เท่าที่ตามดูนะ….
จาก “ม้าเต็ง ๔ ตัว” ยังไม่ทันถึงครึ่งทางดี ม้าแกร่งในปฐพีกับม้าไอน์สไตล์ ชักจะเป๋ ม้าเก๋ากับม้าหนุ่มที่เคยอยู่คอกเดียวกัน กำลังตีคู่
ม้าหนุ่มแรงดี แต่ว่าม้าเก๋าชำนาญสนาม ก็ต้องคอยดูตอนเข้าโค้งวัดเบญจะฯ ตอนเดือนพฤษภา.ว่าระหว่างม้าเก๋ากับม้าหนุ่ม
ม้าไหนจะแซง “เข้าทางตรง” ได้ก่อน!
นี่ว่าด้วยการเมืองสนามเล็ก ส่วนสนามใหญ่ ตอนนี้มีพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา “สมัยประชุมสามัญประจำปี” ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.๒๕๖๕
ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ที่จะถึงนี้แล้ว
ที่ฝ่ายค้านฉายหนังตัวอย่างข้ามปี ว่าเปิดปุ๊บ จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปั๊บ นั้น
เห็นว่าฝ่ายค้านขอ “เลื่อนโปรแกรม” ไปก่อน!
นัยว่า รัฐบาลต้องนำพรบ.งบประมาณ ปี ๖๖ เข้าสภาให้ผ่านความเห็นชอบ ฝ่ายค้านก็จะถือโอกาสนี้ หยั่งกำลังฝ่ายรัฐบาลดูก่อน
ถ้าเสียงแตก ก็ถือโอกาสรวมกำลังกับพวกแปรพักตร์ “คว่ำรัฐบาล” ไปเลย
แต่ถ้ารัฐบาลเสียงยังผนึกแน่น ก็รอไปก่อน เพราะยังมีผลประโยชน์ที่ต้องทำร่วมกันรออยู่
คือ “กฎหมายลูก” เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ๒ ฉบับ ที่จะต้องนำเข้าผ่านความเห็นชอบของสภา ราวๆ เดือนกรกฏา.
เมื่อกฎหมายลูกผ่าน ก็ยังมีลูกให้ฝ่ายค้านเล่นอีก ๒ ลูก คือลูกยื่นเปิดอภิปราย “ไม่ไว้วางใจรัฐบาล”
และลูกยื่นให้ตีความประเด็นการ “เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ๘ ปี” ของนายกฯ อีก
นายกฯ ประยุทธ์น่ะ…..
ท่าน “ไข่ทองแดง” หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ชัวร์ว่า “หมากัดไม่เข้า” แหงๆ
ถ้ากัดเข้า ป่านนี้เหวอะจากน่องถึงโคนขาไปนานแล้ว เพราะเห็นถูกรุมงับต่อเนื่องมา ๖-๗ ปีแล้ว!
เรื่องล้มรัฐบาลน่ะ….
ในมุมมองผม “ฝ่ายค้าน” เห่าจนหงายท้องหลังกระแทกฝา “ถอดใจ” และทำใจ “ไปเลือกตั้งต้นปี ๖๖” โน่นนานแล้ว
แต่ด้วยสายพันธุ์ “ไอ้แม้วกินขี้หมา”
พฤติกรรมประจำสายพันธุ์คือ “หลุบหางเห่า” นั่นแหละ!
แต่สังเกตกันมั้ย ระยะนี้ เจ้าของคอกหมาที่เลี้ยงไว้ ๕๐ ตัว เปลี่ยนสภาพจากคนเลี้ยงหมาเป็น “หมาจ่าฝูง” ซะเองแล้ว
ออกหน้านำ “เห่าใส่นายกฯ” กระชั้นถี่ ให้เป็นข่าวแทบทุกวัน-ทุกสัปดาห์
นั่นเพราะอะไร…รู้มั้ย?
นอกจากเห่า “เปิดตัว” ส่งทายาท “ลูกตัวเมีย” ขึ้นสืบต่ออำนาจ “หัวหน้าคอกหมา” แทน ตามแผนเลือกตั้ง “บัตร ๒ ใบ” แลนด์สไลด์แล้ว
ที่แอบซ่อน “เบื้องลึก” ในหัวใจ คือ
“ริษยานายกฯ”
ไม่ต้องการเห็นภาพการประชุม APEC เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยมีนายกฯ ประยุทธ์เป็นประธาน ในฐานะประเทศเจ้าภาพ
เพราะนั่น จะทำให้นายกฯสู่ระดับ “เวิลด์คลาส” ที่คนกินบ้าน-โกงเมืองขี้ริษยา ทนภาพบาดตา-บาดใจ อย่างนั้นไม่ได้
เอเปก คือ “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก” (Asia-Pacific Economic Cooperation) มี ๒๐ ประเทศ ๑ เขตเศรษฐกิจ รวมเป็น ๒๑ เขตเศรษฐกิจเป็นสามชิก
ออสเตรเลีย, บรูไน, แคนาดา, ชิลี, จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, ปาปัวนิวกินี,
เปรู, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียดนาม, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา และไทย
ในทัศคตินักโทษหนีคุก……
การที่ระดับผู้นำโลกมากมาย เช่น สหรัฐ จีน รัสเซีย จะมาร่วมประชุมในไทย มีนายกฯ ประยุทธ์เป็นเจ้าภาพ มันเป็นเรื่องที่ดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ของกลุ่มอาเซียน ก็จริง
แต่สำหรับคนริษยา คนชังชาติ มองว่า “มันเกินหน้า” เขาในฐานะ เขาเคยเป็นเจ้าภาพจัดงานมาก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อปี ๒๕๔๖
เหตุนั้น ด้วยริษยาครอบงำ คนเลี้ยงหมา จึงสลัดคราบคนที่คลุมร่างให้เห็นสภาพจริงว่าคือ “หมาจ่าฝูง” นำหน้าฝูงเห่า “ดิสเครดิต” นายกฯ ในคลับเฮาส์ กระชั้นถี่
หมาไม่รู้จักคำว่า “ละอาย” ฉันใด
หมาจ่าฝูงตัวนี้ก็ ฉันนั้น!
คนเคยเป็นผู้นำ เขาจะมีสำนึกแห่งศักดิ์ศรีผู้นำ การจะทำอะไร เขาจะตระหนักเสมอว่า มันสะท้อนถึงเกียรติศักดิ์-เกียรติภูมิประเทศชาติของตนด้วย
ดังนั้น ไม่ว่าในเรื่องใด ทั้งเพื่อตน-เพื่อผู้อื่น เขาจะทำในสิ่งพึงทำ จะเว้นในสิ่งควรเว้น เพื่อศักดิ์ศรีและประโยชน์รวมของประเทศชาติเป็นหลักใหญ่
ไม่ใช่อย่างอดีตผู้นำสถุลตัวหนึ่งทำอย่างที่เห็นทุกวันนี้ อ้างประชาธิปไตย อ้างประชาชน
แต่ทุกอย่างที่ทำ เพื่อครอบครัวกู เพื่อวงศ์วานว่านเครือกู และเศษเดนที่เหลือจากพวกกู โยนให้หมาที่กูเลี้ยงไว้ใต้ถุนฝูงหนึ่ง!
สันดานแท้จริงมันเลวระยำขนาดไหน ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูจากลูกน้องที่เคยภักดี ยอมขายให้ทั้งชีวิต เร่ร่อน-เซซังไปเป็นสกั๊งอยู่ต่างแผ่นดิน
ตอนนี้ ตาสว่างกันแล้ว เห็นธาตุแท้หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในคราบคนรวยแล้วไม่โกง เมื่อหมดประโยชน์ที่จะใช้ ก็เขี่ยทิ้ง ปล่อยอดอยาก ลำบากซังเซ
เห็นมั้ยล่ะ…..
“คนที่เคยภักดี” แล้วถูกทิ้งขว้างในต่างแดน ต่างออกมาสาวไส้ ถลกลาย-ถลกหนังไอ้หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จนแทบจำแนกไม่ออกว่าจิ้งจอกหรือตะกวด?
ดูตัวอย่างอดีตผู้นำที่แท้จริงคนอื่นๆ เขาบ้างซิ ว่ามีใครเขาประพฤติอย่างที่ตัวเองทำอยู่บ้าง
เช่นอดีตผู้นำสหรัฐฯ แต่ละท่าน ตอนแข่งเลือกตั้ง เอาเป็น-เอาตายกันไปข้าง แต่เมื่อรู้ผลแพ้-ชนะ ก็จบแค่นั้น
ไม่มีการออกมาจ้องเตะตัดขากัน ไม่มีการออกมาพูดจาให้ร้ายกัน ดูอย่างทรัมป์กับโจ ไบเดนซิ
เมื่อเป็นตาเดินของไบเดน ทรัมป์ก็สงบ รอเวลาถึงตาตัวเองก่อน ค่อยเดิน
กระทั่งอดีตผู้นำของเราเอง ล้วนมีสปิริต ยึดประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง เห็นได้จาก จอมพลป.,จอมพลถนอม,พลเอกชาติชาย พลเอกสุจินดา
เมื่อตัวเอง “จบตาเดิน” ก็จบแค่นั้น
ไม่ทำใต้ดิน บนดิน ไม่ปลุกปั่น ไม่ยุแยงตะแคงรั่ว ไม่รับแผนนอกชาติเข้ามาล่มชาติ-ล้มสถาบัน นั่นคือ เกียรติและศักดิ์ของนักการเมืองแท้จริง
แม้กระทั่ง “ท่านปรีดี พนมยงค์” เมื่อท่านแพ้เกมการเมืองคณะราษฏร์ด้วยกัน ต้องลี้ภัยไปจบชีวิตต่างแดน
ด้วยบารมีท่าน ถ้าท่านจะทำ โอกาสมีมากกว่าไอ้หมาขี้เรื้อนพันเท่า แต่ท่านไม่ทำ
นั่นคือ “นักการเมือง” เพื่อชาติบ้านเมืองตัวจริง!
เห่าไปเถอะ ไอ้หมาขี้เรื้อน……..
ไม่ต่าง “หมาเยี่ยวรด” ภูเขาทองหรอก!
-เปลว สีเงิน
๑๖ เมษายน ๒๕๖๕