ตายตั้งแต่ไม่ทันได้เกิด-เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…?

เปลว สีเงิน

“แดง” เปรียบ “ส้ม”
“เป็นพระบวชใหม่ อย่าริอ่านมาเป็นเจ้าอาวาส”
“ส้ม” สวนกลับ “แดง”
“วัดมึงก็มีแม่ชีบวชใหม่มาเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ”
พรรคละ ๑๐ คะแนนเต็มเท่าๆ กัน

แต่ก็นะ…..
“พระ, เถน, เณร, ชี” อยู่ของท่านดีๆ แต่คนการเมืองกัดกัน ดัน “ลากพระ-ลากชี” เข้าไปในดงอัปรีย์ด้วย!

พูดแล้วนึกถึงนิทานโปกฮาเรื่องหนึ่ง ที่พวกขี้เหล้าเมาแล้วคะนอง ว่ามีแม่ชีเขียนไว้ข้างฝากุฎิ
“บวชชีเพราะหนีรัก”
แล้วใครไม่รู้มาเห็น ก็เขียนต่อ “อกหักเพราะรักชี”

เอาเท่านี้พอ ขืนเล่าตอนจบ ผมก็จะอัปรีย์ไปด้วย!

สรุปว่า……
ก้าวไกล-เพื่อไทยที่ “เราจะไม่พรากจากกัน” แต่พอถึงตอนแบ่งสมบัติ ต่างงัดมีดที่ซ่อนหลังจ้วงใส่กัน เลือดซ่ก

ไวน์แดง เขาเรียก “โลหิตพระเจ้า”
ไวน์ส้มผสมแดง เขาเรียก “โลหิตอสัตย์”

แต่ที่ ๒ บุรุษ นัดหมายไปพบกัน ณ ซีกโลกด้านตะวันตก และชูแก้วชนกันในที่รโหฐานก่อนดื่ม เมื่อวาน นั้น
เขาเรียก “น้ำปั่นผลไม้พิษ”!

จะดูการเมืองเรื่องรัฐบาลใหม่ให้สนุก ต้องใจเย็นๆ
บทจบมันมีอยู่แล้ว

แต่เพื่อความทุรน-ทุรายอันสุนทร ต้องตามดูทีละฉาก
ความจริง ผมสรุปบทจบไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ตั้งแต่หลังเลือกตั้งใหม่ๆ

ถ้าใครใจร้อน ย้อนไปหาอ่านวันเก่าๆได้ในเว็บไซต์ไทยโพสต์นี่แหละ จะได้ไม่ต้องตามลุ้น

โควิดนี่ บางทีมันก็มีคุณูปการนะ
ในกระสันสงครามภาค “พระ-ชี” บวชใหม่ ท่ามกลางไพร่ราบ-พลเลวทั้งสองฝ่ายสัประยุทธ์วาทะ

ก็ด้วยโควิดนี่แหละ
ช่วยกันให้ “พิธา-อุ๊งอิ๊ง” ไม่ต้องออกมาปั้นหน้า “ประดิษฐ์ถ้อย” กลบเกลื่อนร่องรอยการเดินเกมผ่านสมุน!

ที่ว่าง่าย เรื่องรัฐบาลใหม่ ดูจะยากและดำดิ่งไม่ต่าง “ไททัน”
ถ้าถามว่า แล้วจะแก้ยังไง?
ถ้าตอบได้ ผมก็เป็น “พ่อของพ่อส้ม” ไปแล้วน่ะซี!

แต่มีแง่คิดที่ผมจะเล่าให้ฟัง ในสมัยพุทธกาล ทั้งเทวดาและมนุษย์ ตั้งหัวข้อถกเถียงกันว่า
“อะไรล่ะ…ที่ทำให้ชีวิตเป็นมงคล”?

ก็หาคำตอบกันไม่ได้ จึงไปทูลถามพระพุทธองค์
พระบรมศาสดาเจ้า ทรงแสดง “มงคล ๓๘ ประการ” หลักธรรมว่าด้วยการปฎิบัติตนตามทำนองคลองธรรม นั่นแหละ “ทำให้ชีวิตเป็นมงคล”

๒ ข้อ ใน ๓๘ ข้อ มีว่า

๑.”อะเสวะนา จะ พาลานัง” การไม่คบคนพาล
คือผู้ที่ชักจูงไปในทางที่ผิด และโง่เขลาเบาปัญญา เพราะมีแต่จะทำให้ชีวิตเสื่อม และ

๒.”ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา” การคบแต่บัณฑิต
คือคบผู้มีความรู้ ความคิดที่ดี การปฏิบัติตนที่ดี เพื่อจะได้รับการชี้แนะแต่เรื่องอันเป็นมงคล

“บัณฑิต” ในที่นี้ หมายถึงคน “รู้ดี-ด้วยสัมมาทิฏฐิ, คิดดี-ด้วยสัมมาสังกัปปะ และทำดี-ด้วยสัมมากัมมันตะ

ไม่ใช่เป็นบัณฑิตเพราะสักแต่ว่าเรียนจบได้ปริญญา

พวก “บัณฑิต” ประเภทปริญญากระดาษนั่นน่ะ
เป็นคนพาลก็ถมไป ประเภท “ชักน้ำเข้าลึก-ชัดศึกเข้าบ้าน” ก็เยอะแยะ

ตัวเองจัญไรแล้วยังหลอกใช้เด็กเป็นเครื่องมือล่มชาติ ก็เกลื่อน
เป็นศาสตราจารย์ก็มี ดอกเตอร์ก็มาก ซึ่งคนประเภทนี้ เป็นประเภทคนพาล ไม่ใช่บัณฑิต!

เมื่อวาน เห็นอยู่คน เหนียงยาน-หน้ายังกะยักษ์ขมูขี ออกมากระแดะหน้าจอ

แยกประเภท พวกสส.แก่ๆ เก่าๆ เป็น “สิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์” บ้าง เป็น “วัตถุโบราณ” บ้าง ต้องให้รุ่นใหม่อย่างก้าวไกลเข้าไปบริหารบ้านเมือง

คนพูดนั่นแหละ กลับไปบ้านแล้วส่องกระจกดูนะ
จะเห็น “วัตถุโบราณ” original!

เนี่ย……….
ถ้าเพื่อไทย-ก้าวไกล จะเลียนแบบชัชชาติ “๒ ปากประกบ ๒ มือกำเกร็ง” ในการร่วมตั้งรัฐบาล ๘ พรรคให้สำเร็จได้ละก็

ถ้าพาลกับพาลใส่กัน มันก็พัง!
ต้องปรับทัศนคติ นำมงคล ๓๘ ประการมาประยุกต์ใช้ จึงจะเข้าไปกินบ้าน-กินเมือง ไล่เช็คบิลนายกฯ ประยุทธ์ได้ ตามที่อาฆาตไว้

แต่ฟัดกันฝุ่นตลบ เอาน้ำสาดก็ยากแยก

คิดดูซี………
แค่ขั้นตอนคนพรรคไหนจะได้เป็นประธานสภา ก็ “เลือดสาด” แล้ว!

ทำให้ไม่ต้องคิดเลยว่า ๒ พรรคนี้ จะจู๋จี๋-จูบปากกันไปจนถึงขั้นตอนเลือกตัวนายกฯ ได้อย่างไร?

เพราะไต๋ที่ทั้ง ๒ ฝ่ายแบ
“ประธานสภาก็จะเอา-นายกฯก็จะเอา” ด้วยกันทั้งคู่

ตอนนี้เกี่ยง เลือกประธานสภา จะฟรีโหวตหรือไม่ฟรี?
รูปการณ์มันแหงอยู่แล้ว ต้องเสนอชิงกันแน่ ระหวางคนพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทย

ตามข้อบังคับการประชุมนัดเลือกตัวประธาน ให้แต่ละสส.เขียนชื่อใส่ซองปิดผนึกใส่ภาชนะรวมกัน
แล้วเปิดนับ ใครได้คะแนนสูงสุด ก็ได้เป็น

นั่นเท่ากับ “โหวตลับ” และชัวร์ ในจำนวน ๕๐๐ สส.ที่อยากได้ศิษย์สำนักชีเป็นประธานสภา มากกว่า ศิษย์สำนักพระบวชใหม่แน่!

ร้อยบาท เอาขี้หมากองเดียวให้พ่อของส้ม ถ้าก้าวไกลชวดประธานสภา นายกฯ คนที่ ๓๐ ซึ่ง “ผมไม่รู้” ว่าเป็นใคร
ชัวร์ เป็นฝ่าย “เพื่อไทย” แน่!

ถ้า ๘ พรรค ๓๑๒ เสียง ตั้งรัฐบาลไม่ได้ บัณฑิตเขาจะสำรวจตัวเอง แต่ถ้าพวกคนพาล จะโทษคนอื่น
โทษสว.บ้าง โทษรัฐธรรมนูญบ้าง

โทษกระทั่ง “รัฐบาลรักษาการ” ว่าวางแผนรอ “ส้มหล่น”
เวรกรรม…เวรกรรม

ตอนนี้ไปถึงขั้น “สื่อจัดสรร” ว่ามี ๑๘๘ เสียง เตรียมตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” รอเสียบ!

สื่อก็โง่เป็นเนอะ ถามจริง ใครมันจะกระสันหน้ามืดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยหวังสว.ร่วม ๒๐๐ คน จะโหวตให้?

เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง สว.เขาจะเอากระดูกมาแขวนคอ ให้คนทั้งโลกหยามเหยียดเขาไปเพื่ออะไร?

ถึงโหวตให้ เปิดประชุมสภาปุ๊บ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ก็เจ๊งปั๊บ ตามมาด้วยเสียงคนสมน้ำหน้าขรม

ถ้าจะคิดเรื่องรัฐบาลใหม่ ที่ไม่ใช่ ๘ พรรค มีก้าวไกลเป็นแกนละก็
เพื่อไทยเขาคงไม่บ้องตื้นตามสูตร “สื่อจัดสรร” ที่จะผูกขาติดกับก้าวไกล เพื่อจมน้ำตายไปกับตัวเลข ๓๑๒ นั่นหรอก

ทำไมไม่คิดในความน่าจะเป็นล่ะว่า…….
ในตัวเลขสมมติ ๑๘๘ นั้น ถ้ามี ๑๔๑ ของเพื่อไทยผนวกเข้าไป มันตั้ง ๓๒๙ เสียง ตั้งรัฐบาลไม่ง่ายกว่าหงำเหงอะอยู่กับส้มเน่าหรือ?

แต่เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย ๓๒๙ นั้น เอา ๓๖ เสียงรวมไทยสร้างชาติออกไป ให้ไปเป็นฝ่ายค้านกับก้าวไกล
ก็ยังจะเหลือตั้ง ๒๙๓ เสียง!
แถมหมดปัญหาที่จะพูดกันว่า “สว.จะโหวตให้หรือไม่โหวตให้?”

เชื่อป้อมสิ!

เนี่ย สมมติไปตามครรลองลักษณะนี้ยังจะเข้าท่ากว่าไปสมมติ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”

เว้นแต่ “กรกฏา-สิงหา-กันยา.” ไม่มี “สถานการณ์โลก-สถานการณ์บ้านเมือง” เป็นตัววิกฤติ “เปลี่ยนเกม” เท่านั้น

ไม่ต้องมองข้ามชอต เอาที่แน่ๆ ดีกว่า ถึงขณะนี้ ยังมีใครเพ้ออีกมั้ยว่า
“พิธา” จะได้เป็นายกฯ?

เปลว สีเงิน
๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๖

 

 

 

Written By
More from plew
โควิด-๑๙ “ไม่ใช่เค้กการเมือง”
หนึ่งเดือนผ่านไปกับ “สงครามโควิด-๑๙” ที่โจมตีประเทศ ต้น ดี…….. แต่กลาง “ชักเปะปะ” ถึงตอนนี้ ไทยจะอาศัยเครดิตอันดับ ๑ เอเชีย อันดับ...
Read More
0 replies on “ตายตั้งแต่ไม่ทันได้เกิด-เปลว สีเงิน”