ผักกาดหอม
ดูเหมือนมีความพยายามจะนับหนึ่งกันแล้ว
กับแนวคิดนิรโทษกรรมนักการเมือง นักเคลื่อนไหว
เรื่องนี้โยงกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่รัฐสภากำลังพิจารณากันอยู่
เป้าหมายของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. … รัฐสภา บางคนคือ…. “ปล่อยผี” บุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองให้สามารถกลับเข้าสู่สภาได้
“ธีรัจชัย พันธุมาศ” กรรมาธิการจากพรรคก้าวไกล พูดเสียงดังฟังชัด “หลักการเรื่องดังกล่าวควรเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมทางการเมือง”
ประเด็นนี้มาจากข้อกังวลของกรรมาธิการฯ บางคนว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเปิดช่องให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เช่น แกนนำเสื้อแดง, กปปส. รวมถึงแกนนำพรรคอนาคตใหม่ กลับมาอีกครั้งด้วย
โดยหลักการ การให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทางการเมืองถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
แต่….”ทุกฝ่าย” ในที่นี้ต้องไม่รวมไปถึง บุคคลที่ทำผิดกฎหมาย ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เพราะถ้าเปิดล่อนจ้อน ต่อไปบทลงโทษตามกฎหมายจะมีค่าอะไร
นักการเมืองทำผิด สภาแก้กฎหมายให้กลายเป็นถูก
แล้วจะมีสภาไว้ทำไม
เมื่อพรรคก้าวไกล ริจะเดินย่ำรอยพรรคเพื่อไทย ที่พยายามหาหนทางพา “ทักษิณ” กลับบ้านอย่างเท่ๆ จากนี้ไปต้องจับตาอย่ากะพริบ
พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย กระเหี้ยนกระหือรืออ้างจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิรูปกองทัพ กลับมีแนวคิดที่สวนทางกับการกระทำ
ไม่ต่างจากเกี๊ยะเซียะ ใช้แกนนำเสื้อแดง กปปส. เพื่อสมประโยชน์กับการล้างผิดให้ “ธนาธร-ปิยบุตร”
แนวความคิดนี้ ออกมาจากระดับไหนในคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกลมิทราบได้ แต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยข้ออ้าง ควรเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมทางการเมือง
เมื่อมองไปข้างหน้า การเมืองไทยยังตีบตันพอควร
การมาของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” เป็นไปตามเป้าหมายลึกๆ ของเพื่อไทย
คือพา “ทักษิณ” กลับบ้าน
ขณะที่ ก้าวไกล เริ่มแสดงเจตนารมณ์แล้ว
“ธนาธร-ปิยบุตร” ควรพ้นโทษตัดสิทธิทางการเมืองก่อนกำหนด
หากสองพรรคการเมืองนี้ เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง สถานการณ์ประเทศไทย อาจต้องย้อนกลับไปร่วม ๑๐ ปี
ความขัดแย้งถึงขั้นมวลชนปิดเมืองหลวงอาจกลับมาอีกครั้ง
นี่ยังไม่นับสิ่งที่เกิดไปแล้ว คือ “ลดโทษ” คดีทุจริตจำนำข้าว โดยการใช้กลไกทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ดำเนินการบริหารโทษ
บุญทรง เตริยาภิรมย์ กำหนดโทษจำคุก ๔๘ ปี เหลือวันต้องโทษ ๑๐ ปี
ภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก ๓๖ ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ ๘ ปี
มนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก ๔๐ ปี เหลือวันต้องโทษ ๘ ปี
อภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ ๔๘ ปี เหลือวันต้องโทษ ๖ ปี ๓ เดือน
นี่คือสิ่งที่คาใจประชาชน
การตีความกฎหมายเพื่อประโยชน์นักโทษที่สร้างความเสียหายให้ประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ จำนวนหลายแสนล้านบาท คือสิ่งที่ต้องทำอย่างนั้นหรือ
ฉะนั้นหาก เพื่อไทย ก้าวไกล ยังวนอยู่กับการช่วยนักการเมืองที่มีความผิด พ้นโทษก่อนกำหนด ประเทศไม่มีทางเดินหน้าไปได้แน่นอน
ครับ…เริ่มต้นสัปดาห์เรื่องใกล้ตัว “ลุงตู่” ดูเหมือนจะอลเวง
ตั้งแต่เรื่อง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ลาออกจากพลังประชารัฐ ขอทำหน้าที่ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอย่างเดียว
โบกมือลาตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็คือ “ลุงป้อม”
“น้าตุ๋ย-พีระพันธุ์” ถูกคาดหวังสูงพอสมควร ว่าจะไปสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ “แรมโบ้อีสาน-เสกสกล อัตถาวงศ์” ไปเปิดประตูรอ
และรอ “ลุงตู่” ไปบัญชาการอีกที
แต่ก็เกิดเรื่องกับ “แรมโบ้” เสียก่อน
ฝั่งพลังประชารัฐก็คึกคัก เติมคนของ “ลุงป้อม” เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมอีก
พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อดีตเป็นอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นฝ่ายเสนาธิการของ “ลุงป้อม” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ ๒ อยู่เบื้องหลังทางการเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน ให้พลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
“ลุงป้อม” ประกาศพัฒนาพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มั่นคง เข้มแข็ง
ในความคึกคักของพลังประชารัฐนี้ต่างไปจากพรรครวมไทยสร้างชาติแทบจะสิ้นเชิง เมื่อ “แรมโบ้” โดนเรื่องเงินหวย ๑๕ ล้าน
จะโดยตั้งใจหรือบังเอิญก็ตามทีเรื่องนี้ มีผลกระทบทางการเมืองตามมาแน่นอน
ขณะที่ “ลุงตู่” ทำอะไรได้ไม่มาก นอกจากคิดในใจเรื่องนี้ไม่น่าเกิด
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว!
ลอตเตอรี่ใบละ ๘๐ บาทคือซีรีส์เรื่องยาวของรัฐบาล “ลุงตู่” ที่พยายามจะทำเรื่องเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
เพราะ “ลอตเตอรี่” เกี่ยวพันกับผู้คนมากมาย รวมทั้ง นักการเมืองม้าพยศในค่ายของ “ลุงป้อม”
ฉะนั้นเรื่องของ “แรมโบ้” ไม่ว่าจะเป็นการพลาดเอง หรือเป็นเกมการเมือง แต่ที่แน่ๆ “ลอตเตอรี่” นอกจากจะเป็นความหวังของคนไทยเดือนละ ๒ ครั้งแล้ว
ยังเป็นสมรภูมิรบของนักการเมือง
เรื่องราวระหว่าง “แรมโบ้” กับ “จุรีพร สินธุไพร” จะแค่หยอก แล้วถูกนำไปตีความผิดๆ หรือจริงและตรงตัวตามคำพูด ว่าไปแล้วพิสูจน์ได้ค่อนข้างยาก
เพราะเป็นเรื่องของคนสองคนคุยกัน โดยไม่มีหลักฐานอื่นที่ส่อให้เห็นว่ามีการใช้เงินหวยไปใช้ในการเลือกตั้งจริง
นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่คาอยู่ และพร้อมจะเป็นประเด็นดรามากันต่อไป
อาจถึงขั้นนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจกันเลยทีเดียว
แต่เท่าที่ฟัง “แรมโบ้” พูดถึงส่วนที่กระทบไปถึง “ลุงตู่” บอกได้คำเดียว อิจฉา “ลุงตู่”
“…เรื่องคลิปเสียงผมแคร์นายกฯ มาก ถ้ามีเรื่องอะไรต้องรายงานให้ท่านทราบทุกเรื่อง
ท่านเป็นคนดีเป็นคนซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงอะไร ที่จะไปกระทบนายกฯ จึงต้องระวังอย่างที่สุด แต่ก็พลาดจนได้ เพราะการคุยโทรศัพท์แบบหยอกล้อกับจุรีพร”
จากคนเสื้อแดงฮาร์ดคอ วันนี้ “แรมโบ้” เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน
อย่างน้อยๆ มีความเกรงใจ “คนดี”
เทียบกับคนรอบกาย “ลุงป้อม” ยากที่จะทำให้ “ลุงป้อม” เป็นนักการเมืองเต็มตัวได้ เพราะยังใช้นายพลทำงาน ตามสไตล์นายพลอยู่
แต่คนรอบข้าง “ลุงตู่” กำลังพา “ลุงตู่” ถอดชุดทหารไปใส่สูทอย่างเต็มตัว.
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า