นายกฯ กำชับเร่งรัดฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็กให้ทั่วถึงมากที่สุด ย้ำรักษามาตรการ VUCA ช่วยควบคุมการติดเชื้อ ขณะที่ ศบค. เห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ 1 เม.ย.65
“ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย สงกรานต์วิถีใหม่ รับผิดชอบต่อครอบครัว และสังคม” เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 17 ตั้งแต่ 1 เม.ย.65-31 พ.ค.65 ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้มีการติดตามสถานการณ์การกลายพันธุ์ และผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้อ ประสิทธิภาพของวัคซีน รวมทั้งอาการและความรุนแรงของโรค การตอบสนองต่อยารักษา เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดังนั้น มติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงเป็นเสมือนทิศทางการทำงานของทุกหน่วยงานในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ทั้งเตรียมการให้พร้อมการตรวจหาเชื้อ การฉีดวัคซีน ระบบการดูแลรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อเพื่อลดการระบาดและลดจำนวนผู้เสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ และให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพบปะกับนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเดินทางระหว่างประชาชนในสองประเทศให้มากขึ้นอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการเดินทางของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส แบบไม่ต้องกักกันโรคผ่านช่องทาง VTL (Vaccinated Travel Lane)
ซึ่งประเทศไทยได้เปิดรับผู้เดินทางจากมาเลเซียที่ฉีดวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศทางอากาศได้โดยไม่ต้องกักตัว ผ่านระบบ Test and Go พร้อมเตรียมเปิดการเดินทางผ่านพรมแดนทางบกเพิ่มเติม และจะขยายไปยังภาคการค้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางไปมาหากันได้อย่างสะดวกดังเดิม
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเร่งรัดสร้างการรับรู้ว่าการได้รับวัคซีนจะทำให้ลดความรุนแรงของโรคได้ โดยนายกฯ กล่าวแสดงความห่วงใยกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนและผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกไต ทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ รวมถึงให้เร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และฉีดวัคซีนสำหรับเด็กให้ทั่วถึงให้ได้มากที่สุด
และที่สำคัญยังคงต้องรักษามาตรการ VUCA คือ การฉีดวัคซีน (Vaccine) การป้องกันตนเองตลอดเวลา (Universal Prevention) ซึ่งจะช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ สำหรับสถานประกอบการต่าง ๆ ยังคงใช้มาตรการ COVID-Free Setting และการตรวจ ATK อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งได้มีการปรับมาตรการไปแล้วหลายอย่าง และขอให้ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้ที่ฝ่าฝืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า โดยที่ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม เป็นฤดูกาลผลไม้ของไทยที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะทุเรียนที่จะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข บูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งเรื่องการส่งออก การผ่านด่าน ตรวจคัดกรอง ท่าเรือ การขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้การส่งออกผลไม้ของไทยสามารถไปถึงประเทศผู้ซื้อได้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ค้างอยู่ในประเทศ ไม่ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ส่งกระทบหรือเป็นปัญหาต่อการส่งออกของไทย โดยให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานงานกับประเทศจีนด้วย
สำหรับมติที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญ มีดังนี้
-Work From Home ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน โดยมอบหมาย มท. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ตรวจประเมินสถานบริการฯ ร้านอาหาร และกำกับติดตามตามมาตรการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแนะนำให้หน่วยงาน และสถานประกอบการ เตรียมพร้อมมาตรการ Work From Home หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์
2. เห็นชอบแผนและมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 สู่ Post 3 Pandemic/ COVID-19 Endemic ด้านสาธารณสุข โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
3. เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรสำหรับผู้เดินทาง Test & Go (บก น้ำ อากาศ) Sandbox Quarantine (AQ, OQ, SQ) และผู้ควบคุมยานพาหนะ ที่ไม่มีฐานปฏิบัติการในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 • ก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง ทุกกลุ่ม • เมื่อเดินทางถึงราชอาณาจักร กรณี Test and Go และ Sandbox ตรวจ RT-PCR Day 0 และ Self-ATK Day 5 – กรณี Quarantine กักตัว 5 วัน และตรวจ RT-PCR Day 4-5 – กรณี ผู้ควบคุมยานพาหนะ ที่ไม่มีฐานปฏิบัติการในไทย กักตัว 5 วัน และตรวจ Self-ATK Day 5
4. เห็นชอบมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2565 “ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย สงกรานต์วิถีใหม่ รับผิดชอบต่อครอบครัว และสังคม” และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ดังนี้
• กิจกรรมรวมกลุ่มในครอบครัว เช่น รดน้ำดำหัว จัดกิจกรรมในที่มีการระบายอากาศได้ดี หรือที่โล่ง ไม่หนาแน่นหรือคับแคบ สวมหน้ากากตลอดเวลา งดกิจกรรมการสัมผัสใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกัน เลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน ผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรได้รับวัคซีนให้ครบก่อนร่วมกิจกรรมสังสรรค์ และสัมผัสใกล้ชิดลูกหลาน – ผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงห้ามร่วมกิจกรรม
– หลังกลับจากงานสงกรานต์ สังเกตอาการตนเอง 7 วัน หลีกเลี่ยงพบปะกับผู้คนจำนวนมาก หากพบว่ามีอาการสงสัยติดเชื้อ ให้ทำการตรวจ ATK พิจารณามาตรการ WFH ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน
5. ศบค. ยังเห็นชอบการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 17) (1 เมษายน 2565 -31 พฤษภาคม 2565) เพื่อให้เอื้อต่อการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุข ในการควบคุมการติดเชื้อ ไม่ให้เกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การอยู่กับโรค COVID-19 ในระยะยาว รวมถึงการบริหารจัดการการเดินทางสัญจรข้ามจังหวัด และการรวมกลุ่มทางสังคมของประชาชนในห้วงเทศกาลสงกรานต์
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นทุกส่วนต้องทำงานอย่างเต็มที่ เฝ้าระวัง อย่าให้มีการบิดเบือน สร้างความไม่เชื่อมั่น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจรัฐบาล เน้นการส่งเสริมให้คนไทยเรียนรู้การอยู่ร่วมกับโควิด สร้างการรับรู้ COVID UCEP ยืนยันรัฐบาลดูแลตามสถานการณ์ของโรค ผู้ป่วยต้องได้รับรักษาและเข้าถึงการรักษา พร้อมย้ำการจัดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้อยู่ภายใต้มาตรการ VUCA ให้จัดชุดตรวจลงพื้นที่ เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยเฉพาะเข็มกระตุ้น ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงควรเข้ารับวัคซีนอย่างเร่งด่วน