สองมาตรฐานในสงคราม-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่

แต่ล่าสุด ทหารรัสเซีย ปักหลักห่างจากกรุงเคียฟ แค่  ๑๕ ไมล์ เท่านั้น

มีคำขู่จากยูเครนว่าหากรัสเซียบุกเข้า กรุงเคียฟเมื่อไหร่ จะถูกต่อต้านจากประชาชนหลายล้านคน ไม่ต่างจากสตาลินกราดของโซเวียต ที่เป็นสมรภูมินองเลือดที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ ๒

ครั้งนั้นโซเวียตสูญเสียทหารถึง ๑ ล้านนาย

ส่วนทหารนาซีเยอรมันและทหารโรมาเนียเสียชีวิตไป  ๘ แสนคน

โลกปัจจุบันที่สิทธิมนุษยชนเบ่งบาน หากต้องสังเวยชีวิตกันเป็นล้านๆ คนในสงคราม แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับกันได้อีกแล้ว

แต่ก็นั่นแหละครับ ๑๐ ปี สงครามซีเรีย และขณะนี้ก็ยังดำเนินอยู่ ทหาร พลเรือน เสียชีวิตไปร่วม ๔ แสนคน แล้ว

สูญหายอีกกว่า ๒ แสนคน

เป็นหายนะของมวลมนุษยชาติ ที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงสักเท่าไหร่

คงเพราะที่นั่นเป็นตะวันออกกลาง

สนามรบในซีเรียมีทั้ง ทหารของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ฝ่ายกบฏ อเมริกา รัสเซีย กลุ่มก่อการร้าย เข้าไปมะรุมมะตุ้มกัน จนเละตุ้มเป๊ะ

หรือสงครามในอิรัก ที่มีอเมริกาเข้าไปพัวพันร่วมสามทศวรรษ ประเมินกันว่ามีชาวอิรักประมาณ ๙ แสนคนเสียชีวิต

เด็กอิรัก ๓๕% หรือเกือบ ๕ ล้านคน กลายเป็นเด็กกำพร้า

ตัวเลขนี้ก็ไม่เป็นที่พูดถึงกันสักเท่าไหร่

ครับ…สงคราม รัสเซีย-ยูเครนที่มีนาโต หนุนหลัง จะคร่าชีวิตพลเรือนไปอีกมาก ยิ่งยืดเยื้อเท่าไหร่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะชาวยูเครน

สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวกองทัพรัสเซียยิงจรวดถล่มโรงพยาบาลแม่และเด็ก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ๓ คน บาดเจ็บอีก ๑๗ คน

มีการโจมตีเข้าใส่เมืองดนิโปร เมืองที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของยูเครนในโซนตะวันออกกลางของประเทศ เป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่โรงเรียนอนุบาลและที่พักอาศัยของพลเรือน

เรื่องนี้นานาชาติประณามรัสเซียอย่างหนัก

เป็นเรื่องถูกต้อง สมควรประณาม เพราะพลเรือนต้องไม่ตกเป็นเป้าโจมตีทางทหาร

แต่…นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่

หลายสงครามช่วง ๑๐ ปีมานี้ พลเรือน เด็ก เสียชีวิตไปจำนวนมาก

เช่นในปี ๒๕๖๐ กองบัญชาการกลางสหรัฐอเมริกา  (เซนต์คอม) ยอมรับว่า กองทัพสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศในเมืองโมซุล ของอิรัก คร่าชีวิตพลเรือนกว่า ๑๐๕ คน

อ้างว่าจากเดิมต้องการสังหารนักรบไอเอส แต่ระเบิดที่ทิ้งลงไปกลับไปจุดชนวนระเบิดซึ่งไอเอสลอบวางไว้จนเกิดความสูญเสียดังกล่าว

เท่ากับโยนขี้ให้ไอเอส

อเมริกามักมีข้ออ้างเสมอ เช่น ยอมรับว่าอาจมีส่วนในการตายของพลเรือน แต่ก็มักยืนกรานว่าไม่ได้ตั้งใจแทบทุกครั้ง

ปีเดียวกันนี้เอง องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียรายงานว่า สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดที่เมืองมายาดีน ฝั่งตะวันออกของซีเรีย จำนวนผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย ๘๐ ราย

ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง ๓๓ ราย

แต่เป็นเรื่องแปลก นานาชาติมิได้ประณามอเมริกาสักเท่าไหร่

ปี ๒๕๖๔ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ เสนอรายงานพิเศษ  ว่าตลอดระยะเวลาการทำสงครามในซีเรีย กองทัพสหรัฐฯ ปกปิดข้อมูล เกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเนื่อง  ๒ ครั้ง ใกล้กับเมืองบากุซ ทางตะวันออกของซีเรีย

เป็นปฏิบัติการเดือนมีนาคม ๒๕๖๒

ภารกิจดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่มีการจัดตั้งขึ้นเพื่อเคลื่อนไหวภาคพื้นดินในซีเรียโดยเฉพาะ

ส่งผลให้ผู้หญิงและเด็กเสียชีวิตรวมกันมากถึง ๖๔  ราย

ซึ่งเข้าข่ายเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม

แต่กองทัพสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ว่าการโจมตีครั้งนั้น มีความชอบธรรม เนื่องจาก เป็นการป้องกันตัวเองตามกฎหมาย

อ้างว่าผู้หญิงและเด็ก อาจเป็นนักรบได้เช่นกัน

นี่คือสงคราม การจดจำถึงความสูญเสียหลายครั้งถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง

แน่นอนว่าการที่ รัสเซียเล็งปืนไปที่พลเรือน ผู้หญิง และเด็ก ชาวยูเครน สมควรถูกประณาม

หากประชาชนชาวยูเครนสูญเสียมากเท่าไหร่ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน สมควรรับโทษฐานก่ออาชญากรรมสงคราม

แต่อเมริกากลับรอดการประณามจากพันธมิตรในตะวันตกแทบทุกครั้ง

และไม่มีการเรียกร้องให้ประธานาธบดีสหรัฐฯ คนใดออกมาแสดงความรับผิดชอบแม้แต่คนเดียว

องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลกก็ดูเหมือนจะอมสาก

บางครั้งก็ประณามแบบขอไปที ทั้งที่ พลเรือน เด็ก  สตรี ถูกสังหารในสงคราม โดยฝีมือทหารสหรัฐฯ นับครั้งไม่ถ้วน

มีประเด็นใน Facebook Thirachai  Phuvanatnaranubala ของ อดีตขุนคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล มาขยายความกันเล็กน้อย

——————

….ก่อนหน้าสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี ๑๙๙๑  ประธานาธิบดีบุช (พ่อ) มีความสัมพันธ์ดีมากกับประธานาธิบดีโซเวียต นายกอร์บอร์ชอฟ

ก่อนหน้ายูเครนจะแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตไม่นาน บุชไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภายูเครน ในเมืองเคียฟ ยกย่องกอร์บอร์ชอฟ

บุชได้เพิ่มเติมคำเตือน มิให้ชาวยูเครนมุ่งไปสู่ “ชาตินิยมแบบฆ่าตัวตาย”

บุช เพิ่มคำพูดนี้ด้วยตัวเอง แหวกแนวจากทีมร่างสุนทรพจน์ อันเป็นการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เขาไม่สนับสนุนให้ยูเครนแยกตัว

มีการอ้างว่า รัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยของรัฐบาลบุช ยืนยันว่า นาโตจะไม่ขยายเขตไปทางทิศตะวันออก “แม้แต่นิ้วเดียว” Not one inch

หมุนนาฬิกามาที่ปี ๒๐๐๕  ปรากฏว่าสหรัฐในยุคประธานาธิบดีบุช (ลูก) ได้เปลี่ยนจุดยืนไปอย่างสิ้นเชิง

 เขาเดินทางไปเยือนจอร์เจีย กล่าวสนับสนุนให้เข้าระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่ประเทศยังขาดระบบตรวจสอบถ่วงดุล ป้องปรามคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาล

ต่อมาปี ๒๐๐๘ บุช ผลักดันให้นาโตเปิดรับยูเครนและจอร์เจีย ปรากฏว่า ในการประชุมสองฝ่ายกับปูติน ในปี  ๒๐๐๘  ปูตินได้บอกกับบุชเป็นครั้งแรกว่า

“จอร์จ คุณต้องเข้าใจนะ ยูเครนไม่มีฐานะจะเป็นประเทศด้วยซ้ำ”….


ครับ…คัดลอกบางตอนเฉพาะท่อนนี้ เพราะอยากเปรียบเทียบกับไทย เพื่อให้คนไทยบางกลุ่มได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

รัสเซีย-ยูเครน มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่คนนอกแสร้งทำมองไม่เห็น

สมมติวันหนึ่งเกิดมีมหาอำนาจที่คบกันอยู่ดีๆ ยุให้ ๓  จังหวัดชายแดนภาคใต้แบ่งแยกดินแดน โดยอ้างเรื่องประชาธิปไตย

คิดว่าวันนั้นรัฐไทยจะตัดสินใจอย่างไร

ที่มา https://www.thaipost.net/columnist-people/103474/


Written By
More from pp
เซ็นทรัลพัฒนา สะท้อนความภาคภูมิใจศิลปินท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ดึงศิลปินชาวภูเก็ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านนิทรรศการศิลปะ Central Phuket Art Exhibition       
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต สะท้อนความภาคภูมิใจของจังหวัด จับมือศิลปินชาวภูเก็ตที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ส่งเสริมการท่องเที่ยว นำเสนอนิทรรศการ “Central Phuket Art Exhibition” งานศิลปะที่รวมศิลปินท้องถิ่นภูเก็ตผ่านภาพวาดสีน้ำมัน...
Read More
0 replies on “สองมาตรฐานในสงคราม-ผักกาดหอม”