ตำนานเนื้อปิ้ง ย่าง อร่อย ที่ร้าน กิว กิว เต้ ถนนเกษตร-นวมินทร์-สันติ อิ่มใจจิตต์

สันติ อิ่มใจจิตต์

ชื่อร้าน กิว กิว เต้
เจ้าของ คุณเกรียงไกร (รักษ์) เฮงฮะ
สถานที่ ถนนเกษตร-นวมินทร์ จากสี่แยกเกษตรตรงไปเรื่อยๆ จนถึงตอม่อที่ 240 มองด้านขวามือจะพบโรงเรียนอนุบาลเลิศหล้า เห็นธงชาติไทยพริ้วสะบัดอยู่บนยอดเสาสูง ตรงไปยูเทิร์นที่แยกไฟแดง จะพบร้านอยู่เลยร้าน 7-Eleven ไปนิดเดียว

หรือมาจากแฮปปี้แลนด์เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเกษตร-นวมินทร์ ตรงไปประมาณ 1 ก.ม. ก็จะถึงร้าน เปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (ช่วงโควิด-19) โทรศัพท์ 0-2943-9566 หรือ 08-1291-6666

ช่วงนี้เป็นช่วงของเทศกาลตรุษจีนครับ ขออวยพรให้นักชิมที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน มีสุขภาพแข็งแรง มั่งมีศรีสุข ร่ำรวยเงินทอง ตลอดไปครับ

ร้านที่แนะนำให้ไปเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนกันในวันนี้เหมาะสำหรับนักชิมที่เป็น Beef Lover หรือนักชิมอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เพราะเป็นร้านที่ได้สมญานามว่า สวรรค์ของคนกินเนื้อ คือ ร้าน กิว กิว เต้ เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า บ้านวัว

เจ้าของร้านไม่ใช่คนอื่นคนไกล คือ คุณเกรียงไกร เฮงฮะ หรือในหมู่นักชิมจะเรียกกันว่า เฮียรักษ์ เป็นผู้รอบรู้เรื่องความอร่อยของเนื้อแต่ละชิ้นถึงขั้นติดอันดับของประเทศ

เพราะคลุกคลีกับเนื้อวัวมาเกือบทั้งชีวิต เริ่มตั้งแต่เป็นนักมวยชาวไทยที่ไปต่อยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นรุ่นแรกๆ และทำตำนานมีภรรยาชาวญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ อีกเช่นกัน

เมื่อมีอายุมากขึ้นมีภาระมากจึงเลิกชกมวย หางานทำที่ประเทศญี่ปุ่น ได้งานทำที่ร้าน JOJO EN ซึ่งเป็นร้านอาหารขายเนื้อที่ราคาแพงมากหรูหรามาก ดังมาก ของประเทศญี่ปุ่นมีหลายสาขาที่กรุงโตเกียวและใกล้เคียง เป็นที่รู้จักกันดีของชาวญี่ปุ่น

คุณรักษ์ทำงานที่ร้าน JOJO EN เริ่มตั้งแต่ล้างจาน ทำผักสลัด ทำกิมจิ ฯลฯ จนเจ้าของร้านเห็นความสามารถเลื่อนให้เป็นคนหั่นเนื้อ หมักเนื้อ ทำให้มีความรู้เรื่องเนื้อเป็นอย่างดีเยี่ยม

ทำงานจนได้เลื่อนเป็นหัวหน้าเชฟที่ร้าน JOJO EN สาขาชิบูย่า ที่โด่งดังนานถึง 5 ปี เจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นรักมากเคยพาไปเที่ยวถึงเกาะฮาวาย แต่เมื่อกลับมาอยากจะมีร้านเป็นของตัวเอง จึงลาออกมาเปิดร้านขายเนื้อย่างที่จังหวัดชิบะตามที่ตัวเองถนัด ใช้ชื่อเรียกว่า กิว กิว เต้ แปลว่า บ้านวัว

ขายดิบขายดี แต่ก็อดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ อยากให้คนไทยและเพื่อนฝูงได้กินเนื้อดีๆ บ้าง จึงปิดร้านกิว กิว เต้ ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี ที่ญี่ปุ่น

นำเงินที่ได้สะสมไว้กลับมาเปิดร้าน กิว กิว เต้ ที่เมืองไทย ก็ขายดิบขายดีเป็นที่รู้จักกันทั่วในหมู่ของคนกินเนื้อ รวมทั้งไฮโซต่างๆ เพราะความอร่อย เนื้อแต่ละชิ้นคุณภาพดีมาก ที่สำคัญคือ ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับราคาของโรงแรมแล้วถูกกว่ากันเกือบเท่าตัว

ปัจจุบันคุณรักษ์มีร้าน กิว กิว เต้ ของตัวเองถึง 8 สาขา คือที่ สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา สาขาสุขาภิบาล 5 สาขาพระราม 3 สาขาราชพฤกษ์ สาขาบางแค สาขาอาคารจัสมิน สาขาพัทยา และที่สาขาแห่งนี้

ร้านกิว กิว เต้ ทุกสาขานั้นจะต้องหั่นเนื้อให้บางด้วยมือ ไม่ใช้เครื่องสไลซ์ ซึ่งจะมีคุณค่ามากกว่า ที่สำคัญที่สุด คือ น้ำจิ้ม น้ำหมักเนื้อ ก็เป็นสูตรเฉพาะของตัวเองที่เวลาปรุงต้องปิดห้องทำไม่ให้ใครรู้อย่างเด็ดขาด

แต่ผมแอบถามว่าน้ำจิ้มทำอย่างไร เพราะอร่อยเหลือเกิน ก็ได้รับคำตอบว่าต้องใช้โชยุญี่ปุ่น มิลิน สาเก น้ำตาล กระเทียม ฯลฯ เมื่อได้เอากระเทียม พริกขี้หนู มะนาวของไทยบีบลงไปด้วยแล้ว อร่อยเสียจนบรรยายไม่ถูกเชียวครับ

ส่วนเนื้อดีๆ อร่อยๆ ที่นุ่มปากนุ่มคอจนแทบจะละลายในปากนั้นก็เพราะเฮียรักษ์คลุกคลีกับเนื้อต่างๆ มานานเกือบทั้งชีวิตทั้งเป็นลูกจ้าง เป็นเจ้าของร้านขายเนื้อเองที่ประเทศญี่ปุ่นจึงรู้เรื่องเนื้อเป็นอย่างดี แถมยังสนิทสนมกับเจ้าของโรงเนื้ออีกด้วย จึงสั่งเนื้อดีๆ ที่เลือกสั่งได้ตามใจชอบในราคาที่ถูกโดยไม่ต้องผ่านคนกลางให้ราคาแพงโดยใช่เหตุ

เข้าไปถึงร้านที่มีทั้งห้องส่วนตัวกั้นเป็นห้องเล็กๆ เปิดถึงกันได้ 3 ห้อง หรือนั่งโต๊ะแบบธรรมดาที่มีเตาย่างอยู่เบื้องหน้าก็แล้วแต่ใจชอบ ก่อนอื่นจะแนะนำให้สั่ง สลัดกิวกิวเต้ ตามชื่อของร้านมาลองชิม รับประกันได้เลยว่าต้องสั่งเพิ่มอีกด้วยซ้ำ

เพราะเฮียรักษ์ใช้ผักปลอดสารพิษมาปรุงรสโรยด้วยงาขาวได้รสชาติที่กรอบหวานมันอร่อยมาก คนญี่ปุ่นแท้ๆ ที่มาร้านนี้ 10 คนอย่างต่ำต้องสั่งถึง 8 ที่ เพราะความอร่อย ราคาที่ละ 120 บาท ครับ

สำหรับเนื้อย่างนั้นมีราคาตั้งแต่ 250-2,500 บาท โดยมีราคาและรูปภาพในเมนูอย่างชัดเจน จะเลือกสั่งเมนูใดๆ ก็ได้
สำหรับโต๊ะของผมนั้น คุณฉันทนา พนักงานเสิร์ฟ หลานสาวของคุณรักษ์ ซึ่งเป็นคนไทยแท้ๆ แต่ไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 2 ขวบ กลับมาอยู่เมืองไทย ถูกตรวจอยู่เรื่อยๆ เพราะพูดภาษาไทยไม่ชัด ร้องเพลงชาติไทยไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ แนะนำว่าต้องสั่ง โจคุระบิวากิว ที่เป็นเนื้อช่วงใต้ซี่โครงระหว่างร่องกระดูกมาชิม

เพราะนุ่ม หอม อร่อย และราคาไม่แพง เวลาย่างต้องอย่ากลับไปกลับมา เมื่อคีบชิ้นเนื้อวางบนตะแกรงบนเตาที่ร้อนจัดแล้วค่อยๆ แย้มดูเนื้อเห็นว่าสุกแล้ว จึงกลับมาอีกด้านใช้เวลาเพียงแค่นิดก็จะได้ชิมความนุ่มจนแทบจะละลายในปากแล้ว (ถ้าย่างนานแล้วเนื้อจะแข็งไม่อร่อย)

วากิวริบอาย ซึ่งเป็นเนื้อที่มีรสชาติเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ มีลายไขมันแทรก ก็ต้องสั่งมาชิมให้ได้ เชฟจะทำเป็นแบบชิ้นสเต๊กหนา จะเลือกสั่งเป็นแบบหมักซอส หรือหมักเกลือ ก็ได้ จะได้ชิมความนุ่มหอม หวานมัน อร่อยเกินบรรยายครับ

สำหรับผู้ที่ไม่กินเนื้อ อย่าได้เสียใจ เพราะเฮียรักษ์มีเมนูทั้ง หมู กุ้ง ปลาหมึก ปลาแซลมอน ปลาหิมะ หอยเชลล์ญี่ปุ่น เบคอน ฯลฯ ให้เลือกชิม

แต่ที่อยากจะแนะนำให้ชิมคือ อีโมะบุตะ (IMOBUTA) ซึ่งเป็นหมูที่เลี้ยงด้วยหัวมันอย่างเดียว อร่อยมากครับ

ที่สำคัญคือเฮียรักษ์ได้สั่งวัตถุดิบเป็นพิเศษ มาทำเมนูทั้ง ซูชิ ซาซิมิ โดยฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ให้ได้ชิม มีทั้ง ปลาหมึกยักษ์ ไข่หอยเม่น ปลาแซลมอน ท้องปลาแซลมอน หอยเชลล์ญี่ปุ่น เนื้อปลามากุโระส่วนท้องติดมัน ปลาฮามาจิ ไข่ปลาแซลมอน ไข่ปู ให้ได้เลือกชิม ฯลฯ แต่ทางที่ดีสั่ง ซาซิมิ มา 1 ที่ ก็จะได้ลิ้มรสทุกอย่างเลย จะนุ่มปากนุ่มคอ นุ่มลิ้นมาก

สำหรับของหวานที่มีให้กินฟรีนั้น นอกจากผลไม้แล้วก็คือ มันสำปะหลังเชื่อม ซึ่งเฮียรักษ์ต้องเลือกตั้งแต่มันสำปะหลังต้องเลือกอย่างดีมาเชื่อมจนน้ำตาลแทรกเข้าไปในเนื้อมันจนเหนียวหนึก กินหวานคออร่อยมาก

ยังมีของอร่อยที่ร้านกิวกิวเต้ ซ่อนเอาไว้ที่นักชิมบางท่านอาจจะไม่ทราบคือ ไอศกรีมทุเรียนแท้ๆ แรกๆ พนักงานแนะนำก็ไม่เชื่อ สั่งมาลองชิมดูเป็นทุเรียนจริงๆ สอบถามเฮียรักษ์ก็ได้ความว่าปีหนึ่งๆ สั่งซื้อทุเรียนมาจากจังหวัดจันทบุรีหลายตัน แล้วแกะเม็ดออกเอาเนื้อแช่แข็งไว้จึงมีขายมีกินตลอดทั้งปี อร่อยมากชื่นใจครับ

คุณเกรียงไกร เฮงฮะ หรือ คุณรักษ์ นั้น เป็นคนใจดี ใจสปอร์ต สนุกสนาน อารมณ์ดี คุยได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องมวย เรื่องอาหารญี่ปุ่น เมื่อคุยกันถูกคอจะแถมโน่นแถมนี่ให้อีกด้วย

ขากลับอย่าลืมของซื้อ กิมจิ ที่คุณรักษ์มีหน้าที่ทำตั้งแต่เป็นลูกจ้างร้าน JOJO EN ใหม่ๆ จนชำนิชำนาญ กิมจิ ที่นี่ คุณรักษ์จะทำจากแอปเปิล ผักกาดขาว ขิง แครอท หัวไชเท้า กระเทียม พริกเกาหลี ฯลฯ เก็บเอาไว้กินกับข้าวต้มตอนเช้าๆ ก็จะมีความสุขอย่างล้นเหลือครับ