เสียงเตือนจาก WHO-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

คงต้องฟังเสียงเตือนจาก องค์การอนามัยโลก (WHO)  แล้วล่ะ…

ยกเลิกจัดงานฉลองปีใหม่ ดีกว่าการเสียชีวิต!

หากพลาด ไม่อาจเรียกชีวิตกลับคืนได้

ครับ…WHO เรียกร้องให้พลเมืองของโลก ยกเลิกแผนการในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุข  หลัง “โอมิครอน” แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว

“ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เตือนว่า

“ขณะนี้มีหลักฐานที่บ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘โอมิครอน’ กำลังแพร่ระบาดไปด้วยความรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ ‘เดลตา’

เราทุกคนรู้สึกหงุดหงิดใจกับการแพร่ระบาด เราทุกคนต้องการใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัว เราทุกคนต้องการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

แต่วิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำอย่างนั้นได้คือ ต้องมีการตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อปกป้องตัวเราและคนอื่นๆ

จะดีกว่าถ้าเรายกเลิกในขณะนี้ และไปเฉลิมฉลองในเวลาหลังจากนั้น มากกว่าที่จะเฉลิมฉลองในขณะนี้แล้วค่อยไปเสียใจทีหลัง”

อีกคำเตือนที่ต้องตระหนักให้มากจาก ดร.สมยา สวามินาธาน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก

“เป็นเรื่องไม่ฉลาด ถ้าเราจะเร่งสรุปจากข้อมูลเบื้องต้นว่า  ‘โอมิครอน’ เป็นไวรัสที่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้า”  พร้อมกับเตือนว่า “เมื่อตัวเลขผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น ระบบสาธารณสุขทั้งหมดจะต้องตกอยู่ในภาวะตึงมือ”

เมื่อองค์ความรู้เรื่อง โอมิครอน ยังไม่นิ่งแบบนี้ ก็ควรเชื่อในข้อมูลที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน อย่างน้อยจะเป็นการป้องกันการระบาดแบบไฟลามทุ่งได้ในระดับหนึ่ง

ไทยเราเพิ่งจะเจอครับ แต่วันนี้อเมริกาสาหัสแล้ว

สื่อต่างประเทศเขารายงาน โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างรุนแรงจนแซงทุกสายพันธุ์ ขึ้นเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ

สัดส่วนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ สายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้นเกือบ ๖ เท่าภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว

มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า ๖.๕ แสนราย

ทั้งๆ ที่เมื่อช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่าร้อยละ ๙๙.๕ ยังเป็นสายพันธุ์เดลตา

ฉะนั้นช่วงเวลาเช่นนี้ข้อมูลจากต่างประเทศสำคัญมาก  อย่างน้อยก็เอาไว้ตัดสินใจว่า ช่วงปีใหม่จะยังฉลอง หรือ  “ถอย” อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

เพจเฟซบุ๊ก Alai Na นำเสนอข้อมูลเชิงลึก ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโควิด ในต่างประเทศมาตลอด ล่าสุดมีข้อมูลโอมิครอน ที่ใกล้ตัวคนไทยมากเข้าไปทุกที

————-

Neil Ferguson ศ.ระบาดวิทยาหัวกะทิของอังกฤษ และคณะ จาก Imperial College London เขียนรายงานวิเคราะห์ข้อมูล Omicron ในอังกฤษเมื่อสามวันก่อน มีใจความดังนี้:

๑.Case Doubling Time = 2.0 days จำนวนเคสเพิ่มขึ้นสองเท่าในสองวัน เร็วมาก

๒.เคส Omicron ต่างจากเคสเดลตาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อดูรายละเอียดตามอายุ ภูมิภาค และชาติพันธุ์ กลุ่มคนที่มีอัตราการติด Omicron มากในอังกฤษ

เมื่อเทียบกับเดลตาคือ:

2a กลุ่มคนอายุ ๑๘-๒๙

2b คนที่อาศัยอยู่ในลอนดอน

2c คนผิวดำ

๓.ความรุนแรงของอาการจากการติดเชื้อ Omicron อย่างดีที่สุดก็ไม่น้อยกว่าเดลตาเท่าไหร่นัก

๔.ประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้ออย่างมีอาการ จาก Omicron คือประมาณ:

หลังฉีด AZ ๒ เข็มอย่างน้อยสองอาทิตย์ = ๐%

หลังฉีด Pfizer ๒ เข็มอย่างน้อยสองอาทิตย์ = ๑๙%

หลังฉีด AZ ๒ เข็ม + Pfizer อย่างน้อยสองอาทิตย์ =  ๗๓%

หลังฉีด Pfizer ๓ เข็มอย่างน้อยสองอาทิตย์ = ๗๗%

Note: อังกฤษใช้ Pfizer อย่างเดียวในการฉีดเข็มสาม ไม่ว่าฉีดอะไรมาก่อน ยกเว้นเฉพาะคนที่แพ้หรืออาจแพ้วัคซีน  mRNA จึงจะให้ AZ

ตัวเลขในการคำนวณประสิทธิภาพ เลือกเฉพาะจากคนที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

๕.การติดเชื้อซ้ำจาก Omicron สูงกว่าจากเดลตา ๕.๔๑  เท่าตัว หรืออีกนัยหนึ่ง ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อจากสายพันธุ์ก่อนๆ มีความหมายน้อยมาก

—————

คนไทยฉีด AZ ๒ เข็มเยอะครับ การเร่งบูสต์เข็ม ๓ ด้วยไฟเซอร์ คือเรื่องจำเป็นเร่งด่วน

ถ้าเทียบกับอเมริกา โอมิครอน ใช้เวลา ๑ เดือน เข้ายึดพื้นที่ได้

ฉะนั้นของไทยก็อาจไม่แตกต่างกันเท่าไหร่

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปคงจะเห็นหน้าเห็นหลัง

สถานการณ์ในไทยวันนี้ ใกล้เคียงกับอเมริกาเมื่อเดือนพฤศจิกายน

วานนี้ (๒๑ ธันวาคม) สสจ.นนทบุรี รายงาน พบผู้ติดโควิดจากคณะแสวงบุญที่กลับจากซาอุดีอาระเบียชุดเดียวกัน  ๓๑ ราย ติดเชื้อแล้ว ๒๕ คน

รวมตั้งแต่พบเชื้อ โอมิครอน ในไทย จนถึงขณะนี้นับได้ทั้งหมด ๙๗ คน และทั้งหมดเดินทางจากต่างประเทศ

ยังไม่พบระบาดในไทย

ถึงจะเป็นข่าวดี แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้

เห็นทาง “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยืนยันจัดงานเทศกาล “Amazing  Thailand Countdown 2022-Amazing New Chapters” ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ ธันวาคม ใน ๕ จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต  เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา และระยอง

เห็นบอกว่า คอนเซ็ปต์งานเน้นส่งมอบความสุขให้แก่ประชาชน

พูดตรงๆ เสียวสันหลัง

หากมาตรการไม่เข้มงวดพอ ระวังหายนะ

แม้จะวางระบบตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้างานค่อนข้างดี ด้วยระบบทีเอสที หรือ Thai Save Thai

ขออย่างเดียวอย่าทำแบบไทยๆ

คลัสเตอร์ใหญ่เกิดได้ไม่ยาก

แต่ก็สบายใจได้ไปเปลาะหนึ่ง ยังถือว่า ศบค.ไหวตัวทัน  ปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหม่ ไปจนถึงวันที่ ๔  มกราคม ปีหน้า

ส่วนที่เข้ามาไทย ทั้งแบบแซนด์บ็อกซ์ Test&Go ซึ่งขออนุมัติไว้แล้วประมาณ ๒ แสนคน ขณะนี้เข้ามาแล้ว ๑.๑ แสนคน

ยังเหลืออีก ๙ หมื่นคน ต้องยกระดับขั้นสูงสุด ปรับมาใช้ระบบคัดกรองผ่านระบบแซนด์บ็อกซ์ กักตัวเต็มรูปแบบอย่างเดียว

จะให้ โอมิครอน หลุดจาก แซนด์บ็อกซ์ ไม่ได้เลย

ก็จะเหลือแต่แนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่น่าจะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายว่า โอมิครอน จะเข้ามาระบาดเต็มรูปแบบในไทยเมื่อไหร่

บทเรียนจากเดลตา มีให้ศึกษาแล้ว

เช่นเดียวกัน ข้าราชการ นายทุน ที่ไร้จิตสำนึกต่อส่วนรวม ขนแรงงานผิดกฎหมายเข้าไทย คนกลุ่มนี้ ก็ยังคงอยู่

คราวนี้อยู่ที่ฝีมือรัฐบาลล้วนๆ

ภาพจากเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2


Written By
More from pp
มันส์กระหึ่มเมือง! Thailand & Bangkok Countdown 2024 ที่สุดแลนด์มาร์กเคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา, วรรณภา เกียรติพงษา, ศานนท์ หวังสร้างบุญ แถลงข่าวจัดงาน Thailand & Bangkok Countdown...
Read More
0 replies on “เสียงเตือนจาก WHO-ผักกาดหอม”