เปลว สีเงิน
จบ…จบกัน หน้าตาแหกหมด!
แหกตัวเองไม่พอ แหกถึงพรรค ถึงพ่อทักษิณเลยเชียวแหละ หลานอุ๊งอิ๊งเอ๊ย!
ก็เคยบอกหลานแล้วมิใช่เรอะว่า
“เป็นอย่างที่เราเป็นนั่นแหละดีที่สุด อย่าไปเป็นในสิ่งที่คนอื่นเขาอยากให้เป็น และเราก็เป็นไม่ได้เลย”
สคริปต์ที่ “ไอ้ห่วย” ตัวไหนก็ไม่รู้
เขียนให้อุ๊งอิ๊งอ่าน เพื่ออวดวิสัยทัศน์ “ว่าที่นายกฯ หญิง” แห่งตระกูลชิน นั่นน่ะ
เท่ากับตอกย้ำคำว่า “ชีวิต….ไม่มีอะไรบังเอิญ”
ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ใน “ดาต้าเซ็นเตอร์กรรม” หมดแล้ว ตั้งแต่ถูกส่งมาเกิด
ทั้งยิ้มเยาะ หัวเราะ ร้องไห้ ใช่-ไม่ใช่ , สำเร็จ-ล้มเหลว
ประเภท “รวยแล้วเหนือกรรม” ก็อาจมี
แต่พวกนี้จะอยู่ด้วย “ทรมานกรรม” รับการสาปแช่ง จากเทวดาและมนุษย์ มีสภาพ “หน้าชื่น-อกตรม”
สิ่งมี จะภินท์พัง สิ่งหวัง จะสูญสลาย สิ่งสุข จะคืนทุกข์ ทั้งหมดนั้น เมื่อไฟกรรมทำหน้าที่
“ตายทั้งเป็น” คือแบบไหน?
ก็จะได้เห็นเป็น “มรณานุสสติ” กันถ้วนทั่ว เป็นวิทยาทานธรรม!
อุ๊งอิ๊งน่ะ ชีวิตเพิ่งเริ่มต้นหรอกนะ
ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวน-ไตร่ตรอง อย่าไปเสแสร้งกับสิ่งที่มิใช่เรา แต่เราพยายามจะเป็นเลย
ขืนดันทุรัง มันจะ “พังไม่เป็นท่า”
แล้วอุ๊งอิ๊ง ที่โลกอิจฉา จะกลายเป็นอุ๊งอิ๊ง ที่โลกสะใจ กับสภาพ สวย รวย เครียด กินเหล้า
จบด้วยเศร้า และเป็นบ้า ในที่สุด!
ถ้ามันใช่เราและเราเป็นได้ละก็นะ “วิสัยทัศน์ ๑๐ เดือนไปต่อ ไม่รอแล้วนะ” มันก็จะไม่จบแบบ “หัสนาฏกรรม” หรอก อิ๊งเอ้ย!
ดูซิ สำนักข่าวโลกอย่าง “รอยเตอร์” ยังพาดกบาลข่าวด้วยลีลาภาษาเสียบเหน็บเจ็บยันโคตร
Daughter of Thai heavyweight Thaksin call c.bank independence an “obstacle”
ลุงอยากเตือนให้หลานอิ๊งระวัง “ถูกวางยา” แบบสุนทร!
“มีหน่อ-มีแนว” เศรษฐศาสตร์การเงินที่ไหน ในโลก ที่บอกให้ “แบงก์ชาติ” ต้องหันซ้าย-หันขวา ตามรัฐบาลสั่ง!?
หลานอิ๊งก็รู้นี่นา “เห่า” คือภาษาของ “หมา”
ก็เห็นชัด ว่าวิสัยทัศน์นั้น เขาร่างมาให้อ่าน มิได้กลั่นจากความรู้-ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจการเงิน-การคลังของอุ๊งอิ๊งเองเลย
ในเมื่อหมา “ร่างวิสัยทัศน์” ให้อ่าน แล้วคนฟัง (ยกเว้นในคอกเพื่อไทย) เขาฟังแล้วจะบอกว่า “นี่คือวิสัยทัศน์มนุษย์” ได้อย่างไร?
“เห่า” ของหมากับ “วิสัยทัศน์” ของหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล มันจะเหมือนกันตรงไหน เอาปากกา มาวงให้ดูซิ?
คลิป “วิสัยทัศน์” หลานอิ๊ง หนีทางไหนก็ไม่พ้น มันมีเข้ามา ยัดลูกหู-ลูกตา ทุกช่องทาง
หลานอิ๊งจะเป็นผู้นำบริหารประเทศในตำแหน่งนายกฯ ได้มั้ย ลองทดสอบตัวเองก็ได้
ทำใจซะว่า “ใครไม่รู้…ที่พูด” ฟังเสียงในคลิป แล้วคิดตามไปเรื่อยๆ ดูซิว่า
“instinct-สัญชาตญาน”กับ “conscious-จิตสำนึกรู้” อย่างไหน จะเกิดกับหลานอิ๊ง?
จะเปิดคลิปให้ฟังนะ….
“ตอนนี้ค่ะ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นอิสระจากรัฐบาลค่ะ
ซึ่งเรื่องนี้ จะเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะว่า นโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานด้านเดียวมาตลอด
ทำให้เทศของเราเนี่ย มีหนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล
ถ้า “นโยบายการเงิน” ที่บริหารโดย “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ไม่ยอมที่จะเข้าใจและไม่ยอมที่จะร่วมมือ
ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลยค่ะ”
เป็นไง…ฟังแล้วจะจั๊กกะเดียมหัวใจมั้ย?
“แบงก์ชาติที่เป็นอิสระ เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศมีหนี้สูง”?
นี่มันเศรษฐศาสตร์การเงิน “ธรรมาภิบาล” หรือ “การเงินโจร” หวังแปรประเทศเป็นเขตเศรษฐกิจครอบครัว หลานอิ๊งลองตอบกับ “จิตสำนึก” ตัวเองซิ
ถ้ายังไม่เข้าใจ……..
ลุงจะเอาที่ “uncle Yoon- Suthichai Yoon” สัมโมทนียกถาไว้มาให้อ่านเป็น “ตัวช่วยสำนึก”
uncle Yoon เขา said ไว้อย่างนี้
“……………คนอย่างคุณแพทองธารนี่นะครับ ลุกขึ้นมาบอกว่า “แบงก์ชาติเป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศ”
บนพื้นฐานอะไรครับ?
ความรู้ของคุณอุ๊งอิ๊ง ให้ระดับเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติปกติคนนึงมานั่งดีเบต เขายังมีความรู้มากกว่าคุณอุ๊งอิ๊งเลยครับ
แต่การให้คนระดับคุณอุ๊งอิ๊งออกมา ทั้งที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับ “การเงิน-การทอง” อะไรเลย
ยังเป็นเด็กมาก ยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้อะไร แต่อ่านตามสคริปต์ ในฐานะหัวหน้าพรรค นั้น
“อันตรายต่อประเทศชาติ” เป็นอย่างยิ่ง!
เธอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยนะครับ ถ้าจับพลัด-จับผลูเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เธออ่านสคริปต์ตามที่มีคนให้เธออ่านเนี่ย
แล้วออกมาในลักษณะที่มันสร้างความเสียหายให้กับระบบ ให้กับกติกา บ้านเมือง มันจะอยู่ได้ยังไง?
การที่เป็นลูกสาวทักษิณ ไม่ได้แปลว่า คุณมีสิทธิที่จะมาตามกรรมพันธุ์ DNA ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยนะครับ
ไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญตรงไหนครับว่า……
“เป็นลูกทักษิณแล้วจะมาเป็นรัฐมนตรีได้”!
แต่การพูดวันนี้ การออกมากล่าวหาแบงก์ชาติ โดยที่ไม่ได้เขาใจเลยว่า แบงก์ชาติมีเหตุผลอย่างไร?
“เห็นด้วย-ไม่เห็น” ด้วยเรื่องนึงครับ
แต่ผมคิดว่า คุณอุ๊งอิ๊งไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ เกี่ยวกับเรื่องหนี้ ที่คุณอุ๊งอิ๊งพูดถึงจากสคริปต์เนี่ย
เพราะว่าเรื่องดอกเบี้ย มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเงินงบประมาณขาดดุล
พูดออกมาในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลนี่ อันตรายมาก เสี่ยงมาก
ถ้าคุณมีความรู้แค่นี้ เป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วมีสิทธิ์ที่จะมาบริหารประเทศ บริหารงบประมาณ ใช้งบประมาณของประชาชนไปทำซอฟต์พาวเวอร์
และไปทำนโยบายต่างๆ นานานี่ ประเทศชาติอยู่ในภาวะอันตราย
ดังนั้น ประชาชน จะต้องออกมาแสดงความคิดเห็น มาบอกแล้วหละว่า
ต้องการแบงก์ชาติ “เป็นอิสระ” หรือแบงก์ชาติ “อยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมือง”?
ง่ายๆ อย่างนี้แหละครับ เพราะว่า นักการเมืองไม่มีความเคารพแบงก์ชาติ ที่มีพรบ.ปกปักรักษาความเป็นอิสระ
เราก็จะมีแบงก์ชาติเป็นเครื่องมือของรัฐบาลเป็นกลไกทางการเมืองเท่านั้น
เราต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า?
ถ้าอย่างนั้น ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เป็นใครก็ได้ เราก็จะเห็นอย่างที่เขาตั้งรัฐมนตรีนี่แหละ
ขนาดรัฐมนตรีเรายังไม่รู้เขาเอาคนคุณภาพมาจากไหน? ถ้าเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ที่รัฐบาลตั้งเองได้ละก็ ลองคิดดูครับว่า จะเป็นใคร เส้นใคร ลูกหลานใคร ที่จะไปอยู่ตรงนั้น แล้วต้องฟังคำสั่งของนายกฯ
และ ณ วันนี้ โครงสร้างอำนาจวันนี้ ก็อาจจะไม่แค่นายกฯ ที่ แบงก์ชาติ ถ้าหากสามารถย้ายได้ ปลดได้ มีคนเหนือกว่านั้น แล้วถ้าคนนั้น มีผลประโยชนทางธุรกิจ มีผลประโยชน์ทางด้านที่ทับซ้อนของตัวเองและการเมือง
สั่งผู้ว่าฯ ให้ลดดอกเบี้ย เพิ่มดอกเบี้ย ให้ปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เพื่อประโยชน์ของเขา
บ้านเมืองจะไม่พังทลายหรือครับ?
นี่….เป็นเรื่องร้ายแรงมากครับ ที่คุณอุ๊งอิ๊งออกมาอ่านคำแถลงกล่าวหาแบงก์ชาติ โดยที่ตัวเอง ไม่เข้าใจอะไรเลย
มันทำลายกลไกสังคมนี้อย่างรุ่นแรง
มันเป็นการบอกกล่าวแล้วว่า “การเมืองไทยกำลังจะเละ” เพราะว่า คนไม่มีคุณภาพ ไม่รู้เรื่องมานั่งอยู่ตรงหัว
แล้วประชาชนอย่างพวกเรา ที่มีความเห็นต่าง ที่มีความเห็นว่า รัฐบาล “ควรทำและไม่ควรทำ” อะไร
ก็กลายเป็น “อยู่คนละฝั่ง!
แล้วองค์กรอย่าง “ธนาคารแห่งประเทศไทย” นี่ ที่เขามีกระบวนการคิด มีคำชี้แจงได้ว่า เขามีความคิดอย่างไรเนี่ย
กลายเป็นว่า คนอย่างคุณแพทองธารนี่นะครับ เธอลุกขึ้นมาแล้ว บอกว่า “ธนาคารแห่งประทศไทย” เป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศ
“บนพื้นฐานอะไรครับ?”
—————————–
อืมมมมม…หลานอิ๊งเอ้ย
ลุงจะเถียงแทน ก็เถียง “uncle Yoon” ไม่ออก หลานอาจรู้สึกว่า ลุงหยุ่นพูดแรง
ความจริง ไม่แรงหรอก อะไรที่ถูกต้องตามทางปฏิบัติที่ควรต้องเป็นของมันแล้ว
ความคิดจาก “จิตคด” ลดเลี้ยวหวังให้ตรงกับ “จิตประสงค์เรา” นั่นตะหาก
ทำให้เรารู้สึกว่า “มันแรง”
อยากรู้มั้ย ทำไมเศรษฐกิจไม่พุ่ง บาทอ่อน หนี้สินครัวเรือนไม่ลด มีแต่เพิ่ม?
และแก้ตรงไหน ที่ไม่ต้องไปจดจ่อ “ลดดอกเบี้ย”?
บอกก็ได้ แต่ต้อง “ยกครู” กันซักนิดหน่อยนะ!
เปลว สีเงิน
๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗