20 ธ.ค.2564-พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงมาตราการช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า มาตราการในช่วงปีใหม่ได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การรวมตัวกันของคนจำนวนมาก และมีกิจกรรมการเคาท์ดาวน์ ซึ่งทาง ศบค. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงและมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนว่า หากมีการรวมตัวกันเกินกว่า 1,000 คน แล้วจะมีมาตรการอะไรบ้าง หรือต่ำกว่า 1,000 คน จะมีมาตรการอะไรบ้าง แต่มาตรการที่สำคัญ คือการป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย
ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นสูงสุด รวมไปถึงการรักษาระยะห่างและตรวจการรับวัคซีนว่าครบ 2 เข็มหรือไม่ และการตรวจ ATK ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขไปแล้วว่า ให้ใช้มาตรการเชิงรุกและนำ ATK มาเป็นเครื่องมือเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด
ถามว่าการเดินทางกลับภูมิลำเนาจะต้องตรวจหาเชื้อก่อนหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้กำหนดความเข้มข้นของมาตรการ ส่วนข้อจำกัด ความแออัด ระหว่างการเดินทางของรถโดยสารสาธารณะทางกระทรวงคมนาคมได้มีมาตรการออกไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับของศบค. แต่หากสถานการณ์แย่ไปกว่านี้ก็จะต้องออกมาตรการเพิ่มเติม
“ขอยืนยันสถานบันเทิงยังไม่อนุญาตให้เปิด ที่อนุญาตให้เปิดในปัจจุบันเป็นสถานบริการที่จดประกอบจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีการอนุญาตให้แสดงดนตรีในจำนวนที่จำกัด เพียงแต่ช่วงปีใหม่เฉพาะคืนวันที่ 31 ธ.ค.64 อนุญาตให้จำหน่ายสุราได้ถึงเวลา 01.00 น. ของวันใหม่ และข้อมูลทุกจังหวัดก็พยายามผ่อนคลายมาตรการให้กับประชาชนให้ได้ฉลองในช่วงปีใหม่ ซึ่งจากที่ดูมาตรการส่วนใหญ่มีการอนุญาตให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลาร้านปิด แต่ที่เหลือเป็นไปตามมาตการ ส่วนการจัดงานคอนเสิร์ตหากพบว่ามีปัญหาทางจังหวัดจะต้องมีมาตรการเข้มมากขึ้น หากไม่เป็นไปตามที่กำหนดก็ต้องมีการยกเลิก”
ถามถึงผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนที่พบจำนวนมากขึ้นหลังจากการเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมกะ เลขาฯสมช.กล่าวว่า นายกฯได้สั่งการให้จับตามาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ใน 2 วันที่ผ่านมาพบมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมมาอย่างต่อเนื่อง
“วันนี้ผมจะนำข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุขมาพิจารณาในที่ประชุม ศปก.ศบค. ซึ่งก่อนหน้านี้ สธ.ได้มีการให้ข่าวว่าจะมีการเสนอยกเลิก Test & Go ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องการเดินทางเข้าและออกประเทศ ที่มีความเสี่ยงมาก เช่น การกำหนดประเทศ ขั้นตอนการตรวจเชื้อต้องมีความละเอียดรอบคอบ และเคร่งครัดมากขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาใน 3 แนวทาง คือ พิจารณาประเทศที่มีความเสี่ยงมากโดยหากพบว่าเปอร์เซ็นต์การติดเชื้อและการควบคุมที่อาจก่ออันตรายต่อประชาชนของประเทศไทยอาจจะต้องยกเลิกทั้งหมดก็ได้
“ขณะนี้กำลังพิจารณาประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่ประเทศอังกฤษ แต่มีอีกหลายประเทศที่ค่อนข้างอันตรายจึงต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น”