คิวต่อไปคดียุบพรรค-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จบแล้วแต่ยังไม่จบ!!!

ข้อเขียนของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ดีกรีอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม น่าสนใจ ใครคิดทำอะไรออฟไซด์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก็ควรฟังไว้นะครับ

…เป็นคำวินิจฉัยที่บอกว่าสิ่งที่กลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องพยายามตะโกนอธิบายว่าเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการกระทำผิดกฎหมายและผิดรัฐธรรมนูญ ที่มิใช่เป็นเพียงแค่อาชญากรรมตามกฎหมายอาญาธรรมดาๆ

หากแต่เป็นการบ่อนทำลายชาติและสถาบันหลักของชาติที่จะต้องดำรงอยู่คู่กันกับชาติเพื่อธำรงความเป็นชาติไทยตลอดไปให้ต้องสิ้นสลาย

 

อันเป็นความผิดอาญาที่ร้ายแรงยิ่ง

เป็นการตอกย้ำว่าเมื่อไหร่ที่คนพวกนี้ต้องติดคุก พวกเขาคือ “นักโทษผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง” ไม่ใช่ “นักโทษทางความคิด”…

…ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ถูกร้องมีลักษณะเป็นขบวนการที่มีเจตนาเดียวกัน

แม้เหตุการณ์ตามคำร้องผ่านพ้นไปแล้ว แต่หากยังคงให้ผู้ถูกร้อง รวมทั้งกลุ่มในลักษณะองค์กรเครือข่ายกระทำการเช่นว่านั้นต่อไป ย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำสั่งว่า

 “…ให้ผู้ถูกร้องที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ รวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย…”

…หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้จนบ้านเมืองสิ้นสลายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดกันถึงปัญหาอื่นของชาติและของประชาชนอีกต่อไป…

…จึงเป็นหน้าที่ของผู้รักษากฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดทุกกลุ่มทุกระดับทั้งในประเทศและต่างประเทศมาลงโทษให้ได้

ไล่เรียงย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันกระทำความผิดเรื่อยมาจนปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรวมทั้งผู้ที่ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนในทุกรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นผู้เอื้อเฟื้อสถานที่ สิ่งของ ทุนทรัพย์

รวมทั้งกองเชียร์และอีแอบ ที่พูดจา ส่งเสียงเชียร์ หรือกระทำด้วยวิธีการใดให้ผู้กระทำความผิดมีจิตใจที่ “ฮึกเหิม”  มากยิ่งขึ้น ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาหลายฉบับ

มิฉะนั้น ผู้รักษากฎหมายจะกลายเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง…

ประเด็นนี้สำคัญครับ

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ทุกฝ่ายก็ต้องยึดเป็นกติกา

เว้นเสียว่ามองคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นแค่กระดาษชำระ

แต่การมองเช่นนั้นก็ต้องพร้อมรับผลที่จะตามมาด้วย

จากท่าทีของขบวนการสามนิ้ว ตั้งแต่อาจารย์มหาวิทยาลัย ยันนิสิตนักศึกษา คือไม่ยอมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

ซ้ำยังโจมตีว่า ศาลไม่เป็นอิสระ ไม่มีความยุติธรรม ผิดหลักสากล

หาว่าศาลมองอนาคตของชาติเป็นศัตรู

แต่ก็ไม่แปลก เพราะนี่คือสิ่งที่ขบวนการล้มล้างต้องการประโคมอยู่แล้ว เพราะล้วนได้รับผลกระทบจากคำวินิจฉัยของศาลโดยตรง

ประการแรก การเคลื่อนไหวในอนาคตสุ่มเสี่ยงถูกร้องดำเนินคดีความมั่นคง

ประการที่สอง สิ่งที่เคยทำมาไม่ว่าการชุมนุม การให้การสนับสนุน ล้วนอยู่ในข่ายต้องถูกดำเนินคดีอาญาไล่ตั้งแต่มาตรา ๑๑๓ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๖ ทั้งสิ้น

ก้าวย่างของขบวนการล้มล้างหลังจากนี้จึงไม่ง่าย

แต่ฟันธงได้จะมีการยืมมือต่างชาติ เข้าแทรกแซงไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน

ขณะที่ ๒ พรรคการเมือง คือพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล อย่าลืมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญพูดถึง  “ขบวนการ”

พฤติกรรมล้มล้าง ทำเป็นขบวนการ

โดยเฉพาะผู้ให้การสนับสนุน พึงระวัง!

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล มีพฤติกรรมสนับสนุน การชุมนุมที่มีลักษณะล้มล้างของม็อบสามนิ้ว อย่างเปิดเผย

โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล

ทำหน้าที่เป็นนายประกัน ให้แกนนำสามนิ้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า

บางคนเล่นจนเต็มโควตา แล้วผลัดเปลี่ยนเป็นนายประกัน ราวกับเล่นเก้าอี้ดนตรี

หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งสองพรรคส่งสัญญาณให้การสนับสนุนการชุมนุมของม็อบสามนิ้วต่อไป

ทั้งการแก้ไข ม.๑๑๒

และการหาทางช่วยประกันตัวแกนนำสามนิ้วที่ยังอยู่ในคุกขณะนี้

ท่าทีจากพรรคเพื่อไทย โดย “ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แม้จะบอกว่า มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคศึกษารายละเอียดในคำวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อนที่จะมีท่าทีออกไป

แต่ “ชลน่าน” ก็ประกาศเดินหน้าเสนอแก้ ม.๑๑๒ ในสภาต่อไปเช่นกัน

อ้างว่าเป็นข้อเสนอจาก กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง   มีวัตถุประสงค์ให้ช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมือง ให้ได้รับสิทธิในการประกันตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องล้มล้างสถาบันใดๆ

แล้วจะตีความอย่างไร

แกนนำม็อบสามนิ้วติดคุกเพราะคดี ม.๑๑๒ และมีพฤติกรรมล้มล้าง แต่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าไม่เกี่ยวกัน

สุดท้ายก็ต้องลองดู เพราะจะมีผู้นำประเด็นนี้ยื่นฟ้องศาลแน่นอน

เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ที่พฤติกรรมในอดีตปรากฏแน่ชัดว่า ให้การสนับสนุน ม็อบสามนิ้วในหลายด้าน

เรียกว่าท่อน้ำเลี้ยงก็คงไม่ผิดนัก

พรรคก้าวไกลให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ อย่างเต็มที่ในแทบทุกด้าน

ทั้งความคิด และทุน รวมทั้งกำลังคน

ในทัศนะของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอุปสรรคสำหรับพรรค

…คำวินิจฉัยที่น่ากังขานี้ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ตัวแทนประเทศไทยได้ชี้แจงกับนานาประเทศ แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้นคือ ผลของคำวินิจฉัยในวันนี้อาจจะนำพาสังคมไทยมุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่น่าเป็นห่วง

สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญทำในวันนี้เป็นมากกว่าคำวินิจฉัย

แต่เป็นการขีดอนาคตประเทศไทยให้เดินไปตามเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงและคับแคบ

ประเทศไทยไม่ได้อับจนหนทางขนาดที่ผู้มีอำนาจต้องกอดแน่นอยู่กับอดีต แล้วกระทำต่อผู้คนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในฐานะภัยต่อความมั่นคงของชาติ…

จะเห็นได้ว่าทิศทางของสองพรรคนี้ ยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุน พฤติกรรมล้มล้างการปกครองต่อไป

ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล คงต้องเตรียมทีมทนายไปสู้ในศาล

คดียุบพรรค


Written By
More from pp
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลออกพรรษา ให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ให้ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ซึ่งในประทัด ดอกไม้ไฟ และพลุ จะมีส่วนประกอบที่เป็นวัตถุระเบิด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ...
Read More
0 replies on “คิวต่อไปคดียุบพรรค-ผักกาดหอม”