อดีตหลอนลูกทักษิณ-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จากนี้ไป จับตาอย่ากะพริบ!

๒ พรรคใหญ่ขยับ พอมองเห็นภาพว่า การเมืองหลังจากนี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน

เราอาจได้เห็นการเมืองในอีกมิติ

มองในแง่บวก ๒ พรรคปรับตัวให้มีความยืดหยุ่นทางการเมืองกว่าเดิม

น่าสนใจว่าทำไม “ทักษิณ” ถึงส่งลูกสาวคนเล็ก เล่นการเมือง หลังจากได้รับบทเรียน จากการส่งน้องเขย น้องสาว เป็นนายกฯ มาแล้ว

และถือว่าล้มเหลวทั้งคู่

ถ้า “ทักษิณ” ยังคิดแบบเดิม เหมือนที่ใช้ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นหุ่นเชิด ผลลัพธ์ก็แทบไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก

ฉะนั้นประเด็นคือ “ทักษิณ” ยังคิดแบบเดิมอยู่หรือไม่

กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ที่ขับเคลื่อนโดย ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำกลุ่มแคร์, พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ใช้โซเชียลชูความคิด “ทักษิณ” มาต่อเนื่องหลายเดือนแล้ว

ที่น่าสนใจคือ เมื่อ ๒๗ ตุลาคม พูดถึงประเด็น “สเปกผู้นำคนต่อไปของชายชื่อโทนี่”

ที่เห็นมี ๗ ข้อ

๑.มีหัวใจประชาธิปไตย รักประชาชน

ถ้ามีหัวใจเป็นประชาธิปไตยจะเข้าใจประชาชน ไม่ใช่มองประชาชนเป็นพลทหาร เมื่อมีหัวใจเป็นประชาธิปไตยแล้ว ต้องมีรักประชาชนด้วย เพื่อจะได้เข้าใจประชาชนจริงๆ

๒.ตามโลกให้ทัน

ต้องรู้ว่าโลกเขาไปถึงไหนแล้ว และเราควรมีจุดยืนยังไง เรามีความเข้มแข็งยังไง เรามีจุดอ่อนอะไร เราจะปรับเปลี่ยนได้ยังไง เพราะการเป็นผู้นำต้องเป็นเจ้าภาพในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการเข้าเกียร์เดินหน้าไม่ใช่เข้าเกียร์ถอยหลัง ถ้าเร่งเครื่องต้องเร่ง และต้องเท่าทันโลกในทุกมิติ

๓.รู้จักกระจายอำนาจ

ต้องรู้จักแบ่งงานให้คนมาช่วยกันทำ เราทำคนเดียวไม่ทันหรอก แต่เราต้องเป็นเจ้าภาพที่จะรู้ว่าอะไรไปถึงไหนแล้ว สิ่งไหนมีคนทำแล้ว สิ่งไหนไม่มีคนทำ เพราะมันต้องขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมๆ กัน

๔.โลกทัศน์กว้างไกล

ต้องมองไปข้างหน้า ไม่มองย้อนหลัง ไม่หลงในอดีต ต้องมองไปข้างหน้า เราไม่ได้อยู่เพื่อเมื่อวาน แต่เราอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้และวันนี้ เมื่อวานเป็นสิ่งที่เราควรจะเข้าใจเพื่อเป็นบทเรียนจะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนในอดีตแค่นั้นเอง

๕.เป็นคนเจน X

เจน X เป็นวัยทำงานที่มีประสบการณ์เพียงพอ แต่จะมีปัญหาเรื่องของการทำความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี เรื่องโลกยุคใหม่ ซึ่งมันเรียนรู้ได้ แต่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์มันต้องขยันจริงๆ ต้องตามเรื่องทุกเรื่องจริงๆ ถึงจะเอาอยู่ เพราะเราเกิดในยุคแอนะล็อก แต่วันนี้มันโลกดิจิทัลแล้ว เลยควรที่จะให้คนรุ่นใหม่มาทำดีกว่า

๖.ต้องเข้าใจเศรษฐกิจ

ต้องเข้าใจเศรษฐกิจ ถ้าไม่เข้าใจมันจะไม่คิดเรื่องหาเงิน คือ Mentality ของคนที่ทำงานรับเงินเดือน พวกนี้จะไม่คิดเลยว่าเงินขาดมือคืออะไร เพราะสิ้นเดือนก็มีเงินเดือนออก พวกนี้จะไม่เข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำเป็นยังไง แต่คนที่มันต้องดิ้นรนทำมาหากินมาก่อน เขาจะเข้าใจ จะคนต้องต่อสู้ชีวิตยังไง ต้องทำมาหากินยังไง ต้องเปิดโอกาสให้เขายังไง เพราะว่า รัฐบาลมีหน้าที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้อย่างสุจริตและเสรี

ดังนั้นต้องเอาเศรษฐกิจมาก่อน อันดับสองคือเรื่องสาธารณสุข อันดับสามคือความเข้าใจในประชาธิปไตย แต่เอาจริงๆ แล้วประชาธิปไตยไม่ได้มาอันดับสามหรอก แต่ประชาธิปไตยเป็นฝาแฝดที่มาพร้อมกับเศรษฐกิจ ถ้าคนที่มาทำเศรษฐกิจไม่มีหัวใจประชาธิปไตย ก็จะกลายเป็นเศรษฐกิจอะไรก็ไม่รู้

๗.มีทักษะภาษาอังกฤษ

วันนี้ภาษาอังกฤษแทบเป็นภาษาสากล ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็พูดภาษาอังกฤษ อย่างท่านฮุน เซน ตอนเป็นนายกฯ ใหม่ๆ ภาษาอังกฤษท่านไม่ได้เลย แต่วันนี้พูดได้คล่องแล้ว แต่นายกฯ เราคนนี้มีภรรยาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนะ ผมว่าท่านควรไปเรียนกับภรรยาท่าน ถ้าไม่พูดอังกฤษงั้นเราไม่มีเพื่อนนะ พอเราสนิทสนมก็คุยกันง่ายขึ้น อย่างโคอิซูมิ (อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น) ตอนอยู่ด้วยกัน ๒ คน ผมก็คุยกันรู้เรื่อง แหย่เล่นกันได้ เพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็น อย่างน้อยคุยเล่นกันได้ ส่วนภาษาทางการเป็นอังกฤษจะดีกว่า คนจะได้เข้าใจทันที เวลาเจรจากันจะได้ทันกัน หรือจะมีคนแปลให้ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยต้องรู้ ผมไม่ชอบให้มีคนแปลไปมา ผมแม้ภาษาไม่เป๊ะก็ตาม ผมเชื่อว่าประยุทธ์น่าจะเป็นนายกฯ คนสุดท้ายที่พูดอังกฤษไม่ได้ เพราะว่านายกฯ ต่อไปจะอายุน้อย และก็จะพูดอังกฤษได้หมดแล้ว

นี่คือสเปกผู้นำที่ “ทักษิณ” พูดไว้ก่อน ส่งลูกสาวไปคุมพรรคเพื่อไทย ๒ วัน

๗ ข้อข้างบน แม้จะไม่ตรงกับ “อุ๊งอิ๊ง” ในบางข้อ เช่น คนเจน X เพราะ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นคน เจน Y แต่ไม่ใช่ประเด็นที่จะตัดสินอะไร

เพราะสิ่งที่ “ทักษิณ” สื่อออกมาในภาพรวมคือ ผู้นำคนต่อไปต้องเป็นคนรุ่นใหม่ เข้าใจเศรษฐกิจ พูดภาษาอังกฤษได้ดี

และ “ทักษิณ” มองว่า นั่นคือ “อุ๊งอิ๊ง”

ภาพนี้แตกต่างจากที่เคยชู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” thank you three times อย่างชัดเจน

ฉะนั้นเบื้องต้นนี่คือคำประกาศ นโยบายพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “อุ๊งอิ๊ง”

“ทักษิณ” เตรียมเรื่องนี้มานาน และประกาศออกมาหลัง ลูกสาวคนเล็กอายุครบ ๓๕ ปี เพียง ๒ เดือนเท่านั้น

แม้จะกระแนะกระแหนการใช้ภาษาอังกฤษของ “ลุงตู่” บ้าง แต่ไม่ได้สร้างศัตรูทางการเมืองเพิ่ม

แต่มันก็เกิดความผิดพลาดขึ้น จากตัว “อุ๊งอิ๊ง” เอง

เปิดตัวเซอร์ไพรส์แต่ติดลบ

ความฝัน “ปฏิรูปการศึกษา” ของ “อุ๊งอิ๊ง” กลายเป็นเรื่องขว้างงูไม่พ้นคอ

ปมข้อสอบเอนทรานซ์ปี ๔๗ รั่ว ที่ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หยิบยกขึ้นมา กลายเป็นอดีตที่ตามหลอน “อุ๊งอิ๊ง” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่การเมือง

“…ปมปริศนาความไม่เสมอภาคและความอยุติธรรมทางการศึกษาในปี พ.ศ.๒๕๔๗ กรณีข้อสอบ Entrance ปี ๔๗ รั่ว

แพทองธาร คะแนนสูงมหัศจรรย์ เมื่อคะแนน Ent ครั้งนั้นออก ผลการสอบของลูกสาวนายกฯ เทียบกับครั้งแรกตะลึง ภาษาไทย จาก ๕๒ เพิ่มเป็น ๗๒, สังคม จาก ๔๑.๒๕ เพิ่มเป็น ๖๗.๕, ภาษาอังกฤษ จาก ๖๔ เพิ่มเป็น ๘๔, คณิตศาสตร์ ๒ จาก ๒๗ เพิ่มเป็น ๖๓…”

“อุ๊งอิ๊ง” เข้าสู่รั้วสิงห์ดำแห่งจามจุรี โดยมีข้อครหาตามติดเป็นเงาว่า คณะกรรมการออกข้อสอบนามว่า “วรเดช จันทรศร” ได้นำข้อสอบเอนทรานซ์ในปีนั้นจากโรงพิมพ์ มาให้ “อุ๊งอิ๊ง” อ่าน จนสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ด้วยคะแนนสูงมหัศจรรย์

และความจริงในขณะนั้นคือ คณะกรรมการตรวจสอบกรณีปัญหาข้อสอบเอนทรานซ์ปี ๔๗ ที่มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธาน ได้สรุปพฤติกรรมของ “วรเดช จันทรศร” ว่า…

…มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ และฐานไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของทางราชการ ม.๘๕, ๙๑ แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๕๓๕…

แต่…คณะรัฐมนตรีที่นายกฯ ชื่อ “ทักษิณ” นั่งหัวโต๊ะ มีมติเมื่อปี ๒๕๔๘ แต่งตั้ง “วรเดช จันทรศร” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

ครับ…เด็กๆ สมัยนี้คงไม่เคยได้ยินข่าวความมหัศจรรย์ที่สร้างขึ้นสมัย “ทักษิณ”

ก็รับทราบไว้นะครับ

วันก่อนอธิบายพลังประชารัฐ โดยเอาทฤษฎีเคออสมาโม้

วุ่นวาย แต่มีระเบียบ

แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ก็บอกแล้วว่าอย่าคิดว่าทหารโง่ เล่นการเมืองไม่เป็น

เขาเล่นเป็น แต่เป็นการเมืองระดับขงเบ้ง

ไม่ใช่การเมืองแบบจำอวด

ย้ำกันอีกทีนะครับ ทุกมุ้งในพลังประชารัฐเองก็รู้หมด แต่ต้องเล่นไปตามน้ำ เพราะมันทำอะไรได้ไม่มากกว่าที่ทำไปแล้ว

“๓ ป.” เขาใช้หลักการ แบ่งแยกแล้วปกครอง

ไม่ให้กลุ่มไหนมีอิทธิพลเหนืออีกกลุ่ม

พูดง่ายๆ คือให้คานกันอยู่แบบนั้น เพียงแต่คนคุมเกมต้องเก่งจริง เพราะเท่ากับอยู่บนหลังเสือ

“๓ ป.” แบ่งหน้าที่กันทำ การจัดระเบียบบางทีจึงถูกมองเป็นความขัดแย้ง

แต่วันนี้จบแล้ว


0 replies on “อดีตหลอนลูกทักษิณ-ผักกาดหอม”