รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถก ราชทัณฑ์ ขอความเห็นชอบ ตั้งนิคมอุตสาหกรรม ส่งเรื่องให้ครม.อนุมัติเร็วๆนี้ ชี้ช่วยประเทศได้หลายอย่าง ลดคนทำผิดซ้ำ ประหยัดงบค่าดูแลนักโทษปีละ 336 ล้าน อัดฉีดเม็ดเงินสู่ภาคเศรษฐกิจ 1,933 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมประชุมกับคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอความเห็นชอบ แนวคิดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีผู้ต้องขังจำนวนมาก หากเราจะแก้ปัญหาไม่ให้ผู้พ้นโทษกลับไปทำผิดซ้ำ เราจะต้องสร้างงานสร้างอาชีพให้พวกเขา เพราะการกระทำผิดซ้ำส่วนใหญ่เกิดจากการไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ หากเราสร้างงานให้พวกเขามีงานมีเงิน โอกาสการทำผิดซ้ำจะลดลง
ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลหลายชุดพยายามหาทาง เช่น ให้สิทธิทางภาษีกับผู้จ้างงานให้กับผู้พ้นโทษแต่ก็ยังทำได้ไม่มาก ตนจึงคิดการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ โดยเราจะส่งแรงงานที่เป็นผู้พักโทษ ในรูปแบบที่ไม่ติดกฎเกณฑ์สังคมโลก
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศเรามีแรงงานต่างด้าวเยอะ ทั้งถูกและผิดกฎหมาย โดยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก หากเรามีนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ใช้แรงงานผู้พักโทษโดยไม่ผิดระเบียบแรงงานสากล จะช่วยรัฐแก้ปัญหาได้ในหลายรูปแบบ แต่ภายในนิคมจะไม่ได้ใช้แรงงานจากกรมราชทัณฑ์ทั้งหมด จะใช้เป็นตัวเลือก
นอกจากนี้ เราจะสร้างแรงจูงใจให้เอกชนมาร่วมลงทุน โดยรัฐไม่ต้องเสียงบประมาณ แต่จะใช้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกับนิคมฯอื่นๆ โดยเราตั้งเป้าที่จะส่งแรงงาน 16,000 คน ออกไปทำงาน โดยจะสามารถช่วยลดงบประมาณได้มากถึง 336 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อผู้ต้องขัง 1 คนอยู่ที่ 21,000 บาท และจะประหยัดงบการก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่เพื่อลดความแออัดได้ 1,500 ล้านบาทต่อแห่ง ซึ่งหากจะให้รับผู้ต้องขังเพียงพอเราต้องสร้าง 4-5 แห่ง และจะสร้างรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจได้อีก 1,933 ล้านบาทต่อปี
“ขณะนี้เรามีโครงการนำร่อง สมุทรปราการโมเดล ซึ่งเรือนจำกลางสมุทรปราการได้คัดเลือกผู้พักโทษส่งให้กับบริษัทเดลต้า ประเทศไทย แล้ว 540 คน แต่ในช่วงนี้มีสถานการณ์โควิด จึงทำให้ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 1,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีโรงงานอีก 5 แห่งที่สนใจรับแรงงานจากเราและจองตัวไว้แล้ว ซึ่งหากโครงการนิคมราชทัณฑ์ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. จะช่วยแก้ปัญหาได้มากมาย ทั้งคนล้นคุก การกระทำผิดซ้ำ และปัญหาด้านแรงงาน”นายสมศักดิ์ กล่าว