เปลว สีเงิน
ก็เอากันให้สุดทราม “สภาไทย” ไปเลยนะ
“เท็จมั่ง-จริงมั่ง” อภิปรายยำนายกฯ ขนาดไหน
ร่วมกันไล่ทั้ง “ในสภา-ในถนน” ขนาดไหน
ด่า “สาดเสีย-เทเสีย “จน “ราชบัณฑิตยสภา” บัญญัติคำด่าบรรจุ “พจนานุกรม” ไม่ทันขนาดไหน
แต่ก็ถูกนายกฯ โต้กลับทุกดอกด้วยความเคารพแบบ “เชือดนิ่ม” บนฐานข้อเท็จจริง
ยิ่งสติมา นายกฯ มาดก็มั่น ยกใจเหนือบาง สส.สถุล “สุดถ่อย” ใช้ความสุภาพ-อ่อนน้อม เข้ารับคำเกรี้ยวกราด-ตวาดด่าเป็นดอกบัวชูเหนือน้ำด้วยแล้ว
มันเป็นภาพขับเน้นมิติ “สุภาพบุรุษกับโจร” ตอบโจทย์ภาวะผู้นำกับระส่ำสัตว์การเมืองที่โหยกระหายอยากได้อำนาจ
ไม่เว้นแม้กระทั่งบางสส.ในพรรคแกนนำรัฐบาลคือ “พลังประชารัฐ” เอง!
ซ้ำผสมให้ “การเมืองเรื่องอำนาจ” เลวในร้ายน่าสะเอียนยิ่งขึ้น กับข่าวมีเค้าจริง
บางขั้วในพรรค ยื่นเงื่อนไขนายกฯ “โหวตล้ม-โหวตรับ” ในการอภิปราย แลกให้ปรับครม.เอาตำแหน่งใหญ่
ฝ่ายค้านเห็นช่องสอดลิ่ม-ทิ่มมีด “นายวิสาร เตชะธีระวัฒน์” ส.ส.เชียงราย เพื่อไทย ทิ้งทายการอภิปรายของเขา
มีใจความประมาณว่า….
“คนที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยวันนี้ สง่างามหรือไม่ ขอให้นายชวนเป็นเสาหลักให้คนไทย โอกาสนี้ ผมขอประกาศไปถึงทั่วโลกว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จ่ายเงินให้ส.ส.คนละ ๕ ล้านบาท ที่ชั้น ๓
การทำอย่างนี้อุกอาจมาก ทุจริต ต้องการอยู่ในตำแหน่งถึงขนาดนี้หรือ ส.ส.ไปรับเงินที่ห้องนายกฯ ๕ ล้านบาท เป็นไปได้หรือประเทศไทย
จะอยู่บนความตายของประชาชนแบบนี้หรือครับ ลงเถอะครับ น่าไม่อาย ถึงเวลาผมคิดว่าวิญญาณทั้งหลายจะต้องสาปแช่งท่าน ทำอย่างนี้ได้อย่างไรในสภา”
จากนั้น เรื่องถูกกระจายผ่านการถ่ายทอดสด โดยสส.เพื่อไทย บอกให้ประธานชวนเอาเทปชั้นสามมาถอด อ้างได้ยินข่าวมีคนเข้าไปยุ่งฝ่ายโสตฯ กับกล้องวงจรปิด
ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน โต้กันพักใหญ่
ต้องชมประธานชวน ว่าท่านไวมาก ทันเหลี่ยม-ทันแต้ม สยบการจุดพลุนอกประเด็น จนฝ่ายค้านต้องสงบแบบจำใจ
ก็มีบางสส.ปัดเศษ ที่เดินสายโหวตคว่ำนายกฯ บ้าง ปั่นข่าว นายกฯ ปลดธรรมนัสแล้วบ้าง
เข้าสายให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์เนชั่น บอกทำนองว่ามีการ “ประมูลโหวต” ระหว่างฝ่ายหนุนกับฝ่ายล้มนายกฯ
ตัวเลขหลัก๑๐ ล้านขึ้นไปแล้ว
กว่าจะถึงวันโหวต เช้าที่ ๔ กันยา.เขาบอกว่า จะสูงกว่านั้นขึ้นไปอีก!
เรื่องอย่างนี้ ชาวบ้านฟังแล้ว ไม่สนว่าจริง-ไม่จริง แต่หูผึ่ง ตาลุกวาว เพิ่งเคยได้ยิน นายกฯ กับคนพรรครัฐบาลตัวเอง ประมูลเสียงให้หนุน-ให้ล้มกันเอง!?
ได้ยินนายกฯ ตอบในสภาแบบขยะแขยงข่าว “ผมไม่บ้าแจกเงินสส.หรอก”
ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อการปลงว่า สภาผู้ทรงเกียรติทุกวันนี้ มันถ่อย มันถอยหลัง เอากันทุกรูปแบบ ทั้งซึ่งๆ หน้า ทั้งหลับหลัง
ทั้งนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ มายาศาสตร์ ไสยศาสตร์ สัตวศาสตร์ กลศาสตร์ ทำนอง ไม่ได้ด้วยเล่ ก็เอาด้วยมนต์ ไม่ได้ด้วยกล ก็เอาด้วยคาถา ไม่ได้ด้วยระบบสภา ก็เอาด้วยระบบโจร!
มันไปถึงขนาดนั้นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าท่านประธานชวนจะ “เอาอยู่” ได้นานขนาดไหน?
นี่ถ้าสมัยนายกฯ ยังเป็นเบนซินซุปเปอร์ละก็ โยนฟืน-โยนไฟใส่กันเห็นๆ อย่างนี้ ลุกพรึ่บ วินาศสันตะโรไปแล้ว
โชคดี ตอนนี้ ท่านเป็นระบบ “หล่อเย็น”
เมื่อใช้ความเย็นหยุ่นเหนียวเข้าสยบแข็งหยาบกร้านจากก้อนกระพี้ จึงเกิดสภาพ “อ่อนสยบแข็ง” ไม่ต่างดอกแมงหุบ ที่ฮุบแมลงระเริง
นายกฯ ประกาศวันก่อน ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก!
แสดงว่า เรื่องในพลังประชารัฐ มีคนหลงตัวเองจนเหิมเกริม อยากได้เก้าอี้ใหญ่ บีบนายกฯ ให้ปรับครม.แลกโหวตผ่าน ๔ กันยา.นั้น
มีเค้ามูลจริง!
ศึกนอกหนักอยู่แล้ว เมื่อเกิดศึกในกระหนาบ ก็น่าหนักใจ ในขณะที่คนในคลับเห่า แยกยิ้มสมใจ ประหนึ่ง ที่ข้าส่งเข้าไปเป็นไส้ศึก ทำงานได้ผล “ตามแผน”
ร้อยเอกกับพลเอก ก็ดูซิ….
ใครจะชาญเชี่ยวชำนาญศึก ลึกในยุทธการกว่ากัน?
พูดถึงร้อยเอก ที่โด่งดังเข้าทำเนียบประวัติศาสตร์โลก มีอยู่คน
“ร้อยเอกกองแล” นั่นไง
รุ่นใหม่ที่จมอยู่กับประวัติศาสตร์สามนิ้วตัดแต่ง คงไม่รู้จัก แต่รุ่นต้นกึ่งพุทธกาลอย่างผม เอ่ยชื่อนี้ ต้องร้อง อ๋อ
รอ.กองแล ทหารลาว “เผ่าขมุ” นั่นไง
เมื่อปี พศ.๒๕๐๓ สมรภูมิสู้รบชิงเมืองระหว่างฝ่ายคอมมูนิสต์กับฝ่ายอเมริกันในลาวกำลังเข้มข้น
จู่ รอ.กองแล โดดร่มลงผิดที่ ก็เลยนำหน่วยพลร่มทำรัฐประหาร ยึดนครเวียงจันทน์ ซะเลย!
ตอนนั้น ลาวแตกเป็นหลายฝ่าย ทั้งสหรัฐ ทั้งรัสเซีย เข้าเล่นเกมชิงลาวกันอยู่ พากัน “งงเต็ก”
อิหยังวะ มันเป็นใคร มาจากไหนกันวะ?
รัฐประหารได้อำนาจมาอยู่ในมือแล้ว แต่ปรากฏว่า รอ.กองแลไม่รู้จะตั้งรัฐบาลยังไง เขาทำกันแบบไหน ก็ทำไม่เป็น
เรื่องร้อยเอกบ้าอำนาจ อยากใหญ่ แต่มีอำนาจแล้วไปไม่เป็น จึงกลายเป็นเรื่อง “ตลกโลก” มาถึงทุกวันนี้
แล้วบทจบของร้อยเอกบ้าอำนาจเป็นไง รู้มั้ย?
กระเซอะกระเซิง เตลิดเข้าจีน
และไปตายเหมือนหมาตัวที่ “ฝรั่งเศส” ในที่สุด!
กลับมาเรื่องอภิปรายกันต่อ ผ่านไป ๒ วัน ถ้าเป็นมวย คนดูพอรู้แล้ว ฝ่ายไหนแต้มเหนือ
อาวุธฝ่ายค้าน ตั้งแต่เปิดฉาก คือ ด่าาาาาาและด่าาาานายกฯอย่างเดียว
ส่วนนายกฯ อย่างที่ท่านบอก “ผมสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน” ที่เคยเลือดร้อน คราวนี้ กลายเป็น ประยุทธ์ “หลวงพ่อบุญเย็น”
ฝ่ายค้าน ชกวืด จนหัวฟัด-หัวเหวี่ยง จนโกรธแล้วพาลตัวเองมา ๒ วัน ๒ คืน ฉะนั้น เหลือวันนี้ ที่ ๓ กันยา.อีกวัน ถือเป็น “ยกสุดท้าย”
ก็ดูซิ มีข้อมูลอะไรเป็น “หมัดเด็ด” น็อกนายกฯได้มั้ย?
ถ้าน็อกไม่ได้ ก็หน้ามืด-ตาลาย ตายไปเอง อย่างที่เห็น
แต่คงตายตาไม่หลับ…….
ก็ดูลองหันดูทางฝ่ายผู้ชม คือชาวบ้านที่ตามดู-ตามฟังการอภิปราย ก็จะรู้
ในขณะที่ ฝ่ายค้าน ใช้การสรรคำด่า เป็นการไม่ไว้ใจนายกฯ โดยที่นายกฯไม่ด่า ไม่โกรธเกรี้ยวตอบ
ปรากฏว่า ฝ่ายคนดู ต่างด่าาาาาาและด่าาาาา ปาชานหมาก-ชานอ้อย แถมด้วยเกี๊ยะลอยใส่ฝ่ายค้าน ๒ วัน ๒ คืนติด!
แบบนี้ ฝ่ายค้าน “ขาวสะอาด” คือ ห่อผ้าขาวกลับบ้าน
ส่วนนายกฯ ก็ “ขาวสะอาด” จากเสียงโหวต
โดยไม่ต้องมีผ้าขาวห่อ!
เว้นแต่จะมีใคร “โดดร่ม” ผิด เป็น “กองแล” ๒ เท่านั้น ที่ต้อง “พึ่งผ้าขาว” แบบพรรคค้าน!