เหตุผล “ประยุทธ์ออกไป” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

๒๕๖๔ “แป๊บเดียว”…..
“ครึ่งปี” ผ่านไปแล้วนะครับ!
ผ่านท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ “โรคระบาดโลก”
ไม่เฉพาะกับเรา หากแต่ทั้งโลก
ซ้ำยังไม่มีอะไรให้ยึด-ให้เหนี่ยว แม้กระทั่งวัคซีน ว่าจะเป็นตัวสยบวิกฤตินี้ ให้สงบ-ระงับลงได้ เร็ววัน!
มีบางคำในสถานการณ์นี้ กับที่อื่นเหมาะหรือไม่-ไม่แน่ใจ แต่กับที่ไทย กับพวกเรา “คนไทย” ทุกคน
ในทุกข์ระดมทับขณะนี้ เราต้องชมตัวเองว่า…เก่งนะ

ปีครึ่ง จาก ๒๕๖๓ ทั้งปี
และ ๖๔ ผ่านไปอีกครึ่งปี ถ้านับรวมตอน “ปฐมบทโควิด” ระบาด ตอนปลายปี ๖๒ ด้วย
ก็ร่วม ๒ ปีแล้วนะ

ที่เราต่อสู้ร่วมกันท่ามกลาง “สงครามโรคล้างโลก” บ้างเจ็บป่วย บ้างล้มตาย แต่รอดปลอดภัย “เป็นส่วนใหญ่” ซึ่งก็หวังให้เป็นอย่างนั้นตลอดไป
ในทางเลือกที่ไม่มีมากนัก อยากให้แปลงความวิบัตินี้เป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” สำหรับเล่าขานเป็นประสบการณ์สู่ “รุ่นต่อรุ่น” เพื่อเรียนรู้

ทุกคนแหละครับ ในรอบ ๑๐๐ ปี มันต้องมี “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่แรงๆ เป็นมหาวิบากให้เผชิญ อย่างน้อย ๑ ครั้ง
ผ่านได้ “ก็รอด” ผ่านไม่ได้ ก็แยกไปรออีกภพ

ดูไป-ดูมา ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้ แต่บางที-บางคน ทำที่ง่ายให้มันยากไปเอง
ลองพินิจการมาของโควิดซี มันก็สู้และพลิกแพลงกลยุทธ์ของมันเพื่อพิชิตมนุษย์น่าดู

พอมนุษย์ผลิตวัคซีนต้านการบุกโจมตีของมันรอบแรกได้
มันก็มาใหม่ มาด้วยยุทธการสายพันธุ์อังกฤษ

มนุษย์ก็คิดค้นสูตรสยบ จนมันไม่บุกไม่ขึ้น แต่พักเดียว มันก็มาอีกแล้ว คราวนี้มาในสายพันธุ์อินเดีย
สายพันธุ์อินเดียนี่ มันล่องหน-หายตัวได้เหมือนหนังอินเดีย เดินสวนกันปุ๊บ โดดเกาะอีกคนปั๊บ เขาว่ากันอย่างนั้น

ยกนี้ เป็นของมัน วัคซีนที่มี ยังสยบมันไม่อยู่คาเข็ม
ระหว่างมนุษย์คิดสูตรใหม่ สายพันธุ์อินเดียหรือ “เดลตา” ตอนนี้ มันตลบหลังบุกโจมตีทั่วโลก

ไม่แค่บ้านเรา ที่สร้างสถิติใหม่รายวัน ป่วยระดับครึ่งหมื่น ตายระดับครึ่งร้อย
ในสหรัฐ ยุโรป รัสเซีย กระทั่งอิสราเอล ที่คุยว่าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์น่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ครบ ๑๐๐% เป็นประเทศโนแมสก์ โนโควิด นั่นน่ะ

วันนี้ “โควิด รีเทิร์น” ถึงขั้นต้องใช้ “โลงกระดาษ” อีกครั้งแล้ว
ที่น่าเป็นห่วงมากๆ เพื่อนอาเซียนเรา ก็ที่อินโดนีเซีย ดูตามข่าว ถึงขั้นใช้คำว่า “การสาธารณสุขล่มสลาย” จนหาที่ดินว่างใช้ฝังศพเพิ่มแทบไม่มีแล้ว!

มองดูบ้านเขา แล้วย้อนมองบ้านดูเรา………
ต้องขอบคุณและชื่นชม แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งอสม.ด้วยซาบซึ้ง

ขอบคุณ, ชื่นชม “คณาจารย์แพทย์” ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ขอบคุณรัฐบาลและชื่นชมนายกฯ
รวมทั้งขอบคุณ-ชื่นชม “พระเอกตัวจริง” ของเรื่องนี้ คือพี่น้องไทยทุกคน!

“สงครามโรคล้างโลก” ในรอบศวตวรรษ “ยังไม่จบ” ก็จริง
แต่เมื่อสำรวจการสู้รบและประสิทธิภาพการรับมือแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว

ต้องบอกว่า พวกเราทุกคน “จงภูมิใจและมั่นใจ” เถอะ
ที่แข็งแกร่งกว่ากำแพงไทย
ก็มีแค่ “กำแพงเมืองจีน” เท่านั้นที่เหลืออยู่ ส่วน “กำแพงเบอร์ลิน” ถูกพังไปแล้ว!

ครึ่งปีหลังนี้ บอกกันตรงๆ ในมุมมองผม
ยังเอาชนะมันไม่ได้หรอก

แม้ต้านรับเดลตาในยก ๓ นี้ได้ มันจะต้องกลับมาใหม่ด้วยสายพันธุ์ที่พัฒนาแล้วดุร้ายกว่าเดิมอีก
กว่าจะถึงยกสุดท้ายที่ผล “แพ้-ชนะ” ปรากฏ ก็โน่นแหละ กลางปี ๒๕๖๕ ไปแล้ว!

ต่อให้เปลี่ยนนายกฯ จากพลเอกประยุทธ์เป็นไอ้แม้ว-ไอ้หมาที่หาใต้ถุนอยู่ไม่ได้ตัวนั้นด้วย ก็ไม่มีทางทำให้โควิดหยุดโจมตีได้
ภายใต้การนำสู้โควิด ในทัศนะผม “พลเอกประยุทธ์” อาจไม่ใช่ตัวเลือกดีสุด แต่ที่บริหารมาได้ขนาดนี้ ถือว่าดีสุดๆ!

พวกที่ไล่ให้ออกไปนั้น เอาเถอะ อยากไล่ก็ไล่ไป

แต่ไหน…..
แจกแจงให้สังคมเห็นซิ ว่ามีแผนบริหาร-จัดการล้ำเลิศอย่างไร และแผนนั้น แค่ได้พล่าม หรือทำได้จริงขนาดไหน?

แค่พูดว่า ออกไป…ออกไป ให้คนอื่นเข้ามาทำนั่นน่ะ
“คนอื่น” คนนั้น คือใคร?

และทางปฏิบัติมันเป็นจริงมั้ย ทำได้มั้ย ที่จะเอานายกฯ คนนี้ออกปุ๊บ แล้วเอาคนที่แอบจิตไว้เข้ามาบริหารแทนได้ปั๊บ
“ด้วยระบบ” มันก็ทำไม่ได้

เร็วที่สุดให้ “เดือนนึง” สมมติว่าได้ แล้วในช่วงหนึ่งเดือนที่ไม่มีผู้นำบริหารสถานการณ์ โควิดมันยอมหยุดระบาดเพื่อรอผู้นำคนใหม่มั้ย?
มันก็ไม่รอ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคนไทย-ประเทศไทยในช่วงประเทศชาติ “ขาดผู้นำ”

“แร้งลง” วัดสระเกศ อย่างปี ๒๓๙๒ เราจะให้อดีตเช่นนั้น ย้อนมาเป็นปัจจุบันอีกงั้นหรือ?
คนเรานั้น อ่านจากหน้าตา อาจผิดได้ แต่ อ่านจากการทำ-การพูด “ผิดยาก”

เพราะ “เวลาพูด-เวลาทำ”
“ใจ” คนพูด-คนทำ อยู่ในคำและกิริยานั้นๆ!

อย่างพลเอกประยุทธ์ เห็นคำและกิริยามา ๗ ปี ก็จับจิตใจเขาได้ว่า “ปากร้าย-ใจบริสุทธิ์” ต่อประชาชนและบ้านเมือง
ผิดกับบางคน “ปากปราศรัย-ใจจ้องโกง”
เพราะคำและกิริยามันฟ้อง!

ผมจะยกตัวอย่างจากข่าวหนึ่งมาให้ดู ว่าคำพูดของคนนั้น มัน “ฟ้องตัวตน” พิสูจน์ได้จากการกระทำในอดีตอย่างไร?

รายงานกันไว้หลายสำนักข่าว แต่ขอเอาจากเนชั่น เขารายงานไว้อย่างนี้

เมื่อเวลา 20.01 น. วานนี้ที่ (29 มิ.ย.64) นายทักษิณ ชินวัตร หรือ พี่โทนี่ หรือ Tony Woodsome อดีตนายกฯ
ได้พูดตอนหนึ่งใน Clubhouse รายการ CARE Talk หัวข้อ พังพินาศกันไปใหญ่ เจ็บได้แต่ไม่จบ ล็อกดาวน์ไปทำไม ถ้าไม่ตรวจเชิงรุก…..ฯลฯ…….

“เงินกู้มาเยอะแยะ ทำไมไม่ซื้อวัคซีน คือวัคซีนเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเรามีภูมิต่อสู้ เราต้องอยู่ทั้งชีวิต มันไม่หายไปไหนหรอก
เราจะอยู่กับมันได้อย่างไร ถ้ารักษาแล้ว ก็เหมือนไข้หวัดทั่วไป ช่วงนี้วุ่นวายหน่อย แต่เราจะเอาอย่างไร กับเศรษฐกิจที่คนตายผ่อนส่ง”

ผู้ร่วมการเสวนา ได้ถามว่า “หากให้โทนี่เป็นคนจัดการหาวัคซีนใช้เวลากี่วัน?”
โทนี่ระบุว่า “มอบอำนาจให้ผมดิ” จะหาให้ มันอยู่ที่การเจรจา เราเป็นทั้งประเทศ เจรจาซื้อวัคซีนไม่ได้ ไม่รู้จะทำไง
ต้องเข้าใจว่าวัคซีน สมมติเอกชนไปเจรจา แต่รัฐบาลต้องรับรู้ วัคซีนจึงต้องลงบัญชีไว้ทุกอย่าง ถ้ารัฐบาลไม่รู้จะทำอย่างไร ผมยินดีทำ ว่างอยู่แล้ว งานก็ไม่มีทำ”

พร้อมกับยังระบุด้วยว่า….
“ตัวหนึ่ง ที่ออกมาใหม่ “โนวาแวกซ์” ผมไปคุยกับนักลงทุนสิงคโปร์ เขาบอกดีมาก น่าลงทุน วันนี้เพิ่งผ่าน FDA ของอเมริกา ไปเจรจาแล้ว ใช้ได้เลย สิงคโปร์ไปคุยกันตั้งแต่เริ่มเฟส 3 เริ่มทดลองกับมนุษย์แล้ว”

ท่านว่า คำไหนที่ “ระบุตัวตน” ทักษิณชัดเจน?
“มอบอำนาจให้ผมดิ” นั่นหนึ่งคำละ แต่จะไม่ย้ำอีก เพราะย้ำไปเมื่อวานแล้ว
ที่ชัดเจนเด่นชัด ที่ผมจะบอกวันนี้ คือ คำว่า
“น่าลงทุน”!

“น่า-ลง-ทุน” สามคำนี้ ใช้แทน “ทักษิณ” และ “ระบบทักษิณ” ได้เลย
ประโยคที่ทักษิณพูด……

“ตัวหนึ่งที่ออกมาใหม่” โนวาแวกซ์ “ผมไปคุยกับนักลงทุนสิงคโปร์ เขาบอกดีมาก น่าลงทุน”

นี่เป็นวลีตอกย้ำตัวตนทักษิณที่เคยพููด “ผมรวยแล้วไม่โกง” ตอนเข้าสู่การเมืองปี ๒๕๔๔ ล้านเปอร์เซนต์
วลีนั้น ทำให้เกิด “ระบอบทักษิณ” ขึ้นในวงราชการงานเมืองเป็นมรดกสืบทอดผ่านคนและพรรคของเขาถึงทุกวันนี้!

กับวัคซีนในภาวะนี้….
ในหัวใจนายกฯซึ่งเป็นผู้นำ สิ่งเดียวที่ต้องมี คือหามาฉีดให้ประชาชนฟรี
และ “หวังเดียว” ของพี่น้องประชาชนที่มีต่อนายกฯ คือ “นี่คือบริการจากรัฐ”

แต่ทักษิณกลับใช้คำว่า “น่าลงทุน” ในการจัดหาวัคซีน!?
ชัดมั้ย…คำว่า “ลงทุน” มันคู่กับคำว่า “กำไร”

“ทุกวิกฤต-ทุกสถานการณ์” ที่เกิดในบ้าน-ในเมืองที่ผ่านมา ช่วงระบอบทักษิณครองเมือง
“อำนาจทักษิณ” บริหารงบประมาณแผ่นดินในวิกฤตินั้นๆด้วยแนวคิด “ลงทุน” โดยแปลงทุกข์ยากของประชาชนเป็น “กำไร” สู่ตัวเองและพวกพ้องตลอด

จน “ระบอบทักษิณ” เป็นรูปธรรมรับรู้ทั้งโลกด้วยวลี “โกงเอามาแบ่งกัน”!
อย่างนี้ใช่มั้ย จึง “ประยุทธ์ออกไป”
เอา “ไอ้จัญไร” เข้ามาแทน!

Written By
More from plew
“สว.-ตร.” ยุค “ปลดแอก” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน ทำไป-ทำมา…. “๒๐๐ สว.ระบบเลือกกันเอง “คัดท้ายประเทศ” ไว้ใจได้ ดีกว่า “สส.๕๐๐” ที่ประชาชนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาซะอีก! ก็ดูซี ตั้งแต่เปิดสภาเข้าปีที่...
Read More
One reply on “เหตุผล “ประยุทธ์ออกไป” – เปลว สีเงิน”
  1. says: Pichit Laphcharoenpanit

    เมื่อไหร่จะเปลี่ยนไปใช้คำนำหน้าชื่อจากนายเป็น นช. ครับ

Comments are closed.