ผักกาดหอม
ก่อนอื่นต้องขออภัยอย่างสูงครับ!
วานนี้มีความผิดพลาดในการตีพิมพ์
พูดถึง อภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) คนโกงแห่งปี
ใส่นามสกุลผิดเป็นกลาย “อภิชาติ ธรรมมโนมัย”
คนละคนกันครับ “คุณอภิชาติ ธรรมมโนมัย” ท่านเป็นกรรมการผู้อำนวยการบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
เจ้าของขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ ที่ขายตามร้านสะดวกซื้อนั่นแหละครับ
การจดบันทึกรายชื่อบุคคลมีชื่อเสียง แล้วนำมาใช้งาน ตามองพลาดนิดเดียวก็กลายเป็นคนละคนกันได้แบบง่ายๆ เลยครับ
ก็ต้องขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
พูดถึง ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ มีขายแพร่หลายทั่วไปตามร้านของชำ ห้างสรรพสินค้า ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น แฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ
ลูกค้าประจำเยอะครับ บ่อยครั้งที่ซื้อไม่ทัน
เกลี้ยงชั้นวางสินค้าซะก่อน
ครับ…มาตรการล็อกร้านอาหาร ห้ามนั่งกินที่ร้าน แต่เอากลับบ้านได้ เพื่อป้องกันโควิดระบาด กำลังกลายเป็นเหยื่อให้การเมืองงับไปซะแล้ว
จากโพสต์ในทวิตเตอร์ Pannika Wanich @Pannika_FWP ของ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช”
“…เซเว่นยังเปิดได้ ทำไมร้านอาหารจะเปิดไม่ได้! เมื่อกฎหมายอยุติธรรม เป็นหน้าที่พลเมืองที่จะต่อต้าน ใครอยากร่วมแคมเปญเชิญกดลิงค์เข้าไปร่วมลงชื่อได้เลยค่ะ #กูจะเปิดมึงจะทําไม…”
ใช้สมองหรืออวัยวะส่วนไหนคิดครับ
ประเด็นแรก ที่ว่ากฎหมายอยุติธรรมคือกฎหมายฉบับไหน
ถ้าบอกว่า เซเว่นเปิด ทำไมร้านอาหารจะเปิดไม่ได้ ต้องกลับไปดูบริบทว่า เป็นความอยุติธรรมของกฎหมายจริงหรือไม่
มีคนอธิบายกันในโซเชียลเยอะแล้วว่า ก็เซเว่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้า แต่ร้านอาหารบังคับได้หรือเปล่าครับว่า ห้ามถอดหน้ากากอนามัยตอนรับประทานอาหารในร้าน
นี่ไม่ใช่เรื่องยากแก่การเข้าใจ
อีกประเด็นทำไมต้องเป็นเซเว่น แล้วแฟมิลี่มาร์ท โลตัสเอ็กซ์เพรส มินิบิ๊กซี ฯลฯ ไม่พูดถึง
เห็นมีคนคลั่งจัดแคมเปญ ไม่เข้าเซเว่น
นั่งอ่านดูจับใจความได้ว่า นอกจากโกรธเรื่องมาตรการล็อกร้านอาหารแล้ว ยังโยงไปถึงวัคซีนซิโนแวคด้วย เพราะเชื่อว่าเป็นของซีพี
แถมยังหาว่าผูกขาด กันท่าไม่ให้ “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” เข้ามา
สรุปคือ มีการโยงหลายๆ เรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อหวังผลทางการเมือง
จะประท้วง เซเว่น ซีพี เรื่องผูกขาดตลาด ก็เชิญตามสบายครับ
แต่ถ้าจะโยงเรื่องมาตรการป้องกันโควิด และวัคซีนป้องกันโควิด ควรคิดให้รอบคอบ ก่อนจะหาประโยชน์จากการเคลื่อนไหว
คงไม่ต้องอธิบายซ้ำเรื่องซิโนแวค กับซีพี เพราะอธิบายกันไปเยอะแล้ว
ถึงอธิบายไปคนที่ไม่อยากเชื่อ ก็ไม่เชื่ออยู่ดี แถมยังด้อยค่าว่า ไม่สามารถทำอะไรโควิดได้เลย
ซิโนแวคเข้าสู่พื้นที่สงครามหนักหน่วงที่ชิลี บราซิล อินโดนีเซีย ผลออกมาน่าพอใจ
ผลการศึกษาในไทย โดยคณะกรรมการวิชาการในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ก็ได้ผลออกมาว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ ๒ เข็มอย่างน้อย ๑๔ วัน มีประสิทธิผลในการลดการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อัลฟาได้ร้อยละ ๗๑-๙๑
อย่าลืมว่าวัคซีนทุกยี่ห้อฉีดครบ ๒ โดสแล้วยังมีโอกาสติดโควิดได้อยู่ เพียงแต่ความรุนแรงจะลดลงไปมาก
จากตาย กลายเป็นแค่ป่วย อาการไม่รุนแรง
หรือแม้กระทั่งการที่พรรคก้าวไกล พาผู้ประกอบการร้านอาหาร สถานบันเทิงและธุรกิจกลางคืน ไปร้องคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และแนวทางมาตรการป้องกันโควิด
แล้วไปโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กของพรรค ติดแฮชแท็ก #กูจะเปิดมึงจะทำไม
แบบนี้เจตนาอะไร?
เขาห้ามนั่งกินในร้าน เพราะเกรงจะติดโควิด พรรคก้าวไกลบอกว่า ไม่ต้อง ต้องเปิด ถ้าไม่เปิด กูจะเปิดมึงจะทำไม
แต่พรรคก้าวไกลอีกนั่นแหละครับ บอกให้เลิกเกณฑ์ทหาร อ้างว่ากำลังพลติดโควิดกันเยอะ
พอสภาล่มเพราะ ส.ส.กลัวโควิด เซ็นชื่อไม่ครบ ตะบี้ตะบันต้องประชุมสภา
มันใช่หรือครับ
ต้องเข้าใจนะครับ มาตรการปิดร้านอาหารช่วงโควิดระบาดหนัก ทำกันทั่วโลก
แต่ไม่ใช่ปิดตาย
ปิดไม่ให้นั่งที่ร้าน แต่สั่งกลับไปกินที่บ้านได้
และรัฐบาลมีมาตรการเยียวยาให้อีกต่างหาก ถึงไม่มาก แต่พอประทังชีวิตในเดือนนี้ไปได้
ถามว่าลำบากหรือเปล่า มันลำบากกันหมด
แต่ทุกคนล้วนต้องปรับตัวกันทั้งนั้น
ครับ…วันนี้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่มนับหนึ่งแล้ว
๔ เที่ยวบิน นักท่องเที่ยว ๒๔๙ คน
หลักๆ จากอิสราเอล อาบูดาบี กาตาร์
ส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนครบ ๒ โดสแล้ว
แต่ก็มีพวกจิตวิปริตสร้างความปั่นป่วน
ปล่อยข่าวเท็จ ภูเก็ตเจอโควิดสายพันธุ์อินเดีย ๑๐ ราย ก่อนเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
นำไปสู่คำถามที่ว่า ขบวนการใช้โควิดทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลมีจริงหรือไม่ ซึ่งน่าสนใจครับ เพราะมีความพยายามใช้ความไม่พอใจของประชาชนจากมาตรการป้องกันการระบาดโควิด-๑๙ เป็นเงื่อนไขลงถนนกันอยู่
ไปดูรายละเอียดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม จะเห็นบางอย่าง ครับ
….กิจกรรมระยะแรก : Flashmob ดาวกระจาย
เปิดขายอาหาร+เครื่องดื่มกลับบ้าน และจัด event เปิดเวทีปราศรัย เล่นดนตรี
กิจกรรมระยะสอง : Open!
เปิดร้านค่ะ เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง
ประเด็นอยู่ที่ กิจกรรมระยะสาม : Market Place + Mob คือลงถนน
“ออกร้านขายอาหารบนถนนกันค่ะ เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ด่าพวกมัน เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ มวลชนจะมากินมา support แน่ๆ”….
นั่นคือสิ่งที่คนพวกนี้จะทำ
ก็ไปจบที่ไล่รัฐบาล
แต่ฝันเปียกครับ!
ไอ้ที่ว่า กูจะเปิดมึงจะทำไม คงจะมีเฉพาะร้าน ๓ นิ้วห้ามสลิ่มนั่ง ไม่กี่ร้าน
เผลอๆ ไม่มีร้านไหนกล้าเปิด เพราะไม่คุ้มค่าปรับ
แถมเรื่องบานปลายอาจต้องเปิดประตูคุกแทน.